เมื่อจ้าวจีเอ๋อร์เห็นว่ามิอาจเอาชนะได้จึงคิดจะล้มโต๊ะถึงขนาดที่ไม่คิดแม้แต่จะเสแสร้งอีกต่อไป
เดิมทีวางแผนจะให้อาณาจักรฉินค่อยๆตกหลุมพรางของอาณาจักรจ้าวของพวกเขา จากนั้นจึงยึดครองเมืองป้อมปราการชายแดนสองสามแห่งโดยไม่มีการนองเลือด
ทว่าเวลานี้กลับกลายเป็นว่าเพราะพฤติกรรมที่เย่อหยิ่งของฉินเหยียนได้แก้ไขปัญหาของพวกเขาจนขัดขวางกลยุทธ์ทั้งหมดและทำให้แผนการล้มเหลว
หากเวลานี้วิวาทกันอย่างเปิดเผย เช่นนั้นสองอาณาจักรก็จะทำได้เพียงประจัญหน้าสู้รบกันแล้ว ดังนั้นจ้าวจีเอ๋อร์จึงกล่าวต่อด้วยท่าทางที่โกรธเคืองว่า
"โอรสของท่านผู้นี้หยิ่งผยองและไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา ไม่เห็นความสำคัญของอาณาจักรจ้าว หากท่านไม่จัดการกับเขา เช่นนั้นอาณาจักรจ้าวของพวกเราก็มิอาจเชื่อมสัมพันธไมตรีโดยการอภิเษกสมรสกับอาณาจักรฉินได้!"
ฮ่องเต้ฉินมีสีหน้าเคร่งเครียดพลางครุ่นคิดถึงคำพูดของจ้าวจีเอ๋อร์ว่ามีนัยยะอยู่ในนั้น
ก่อนที่เขาจะเอ่ยอะไรออกมาเหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ในท้องพระโรงของอาณาจักรฉินก็แสดงความคิดเห็นของแต่ละคนออกมา
"ฝ่าบาท องค์ชายสิบสี่เย่อหยิ่งเกินไปจริงๆ เขาไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาและทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างอาณาจักรจ้าวและต้าฉิน สมควรที่จะลงอาญาพะยะค่ะ!"
"ถูกต้อง ฝ่าบาทพะยะค่ะ การเชื่อมสัมพันธไมตรีโดยการอภิเษกสมรสกับอาณาจักรจ้าวนั้นเป็นเรื่องดี แต่เพราะองค์ชายจึงทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักร เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง!"
"ฝ่าบาท โปรดลงทัณฑ์องค์ชายสิบสี่อย่างหนักเพื่อแสดงถึงความจริงใจที่จะเชื่อมสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรจ้าวด้วยเถิดพะยะค่ะ!"
ฮองเฮาฉินซวงหลานจึงเล่นไปตามน้ำ เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการโค่นล้มฉินเยียน นางจึงเติมเชื้อไฟอยู่ข้างๆและกล่าวว่า
"ขอฝ่าบาทโปรดลงทัณฑ์องค์ชายสิบสี่เพื่อมิให้เขากระทำการโดยประมาทเช่นนี้อีก วันนี้ยังสามารถก่อความขัดแย้งกับอาณาจักรจ้าวในท้องพระโรงแห่งนี้ได้ วันหน้าไม่แน่ว่าจะก่อหายนะอันใดอีกนะเพคะ!"
เสียงในท้องพระโรงที่เรียกร้องให้ลงทัณฑ์ฉินเหยียนอย่างรุนแรงดังขึ้นเรื่อยๆ
เวลานี้ฉินเหยียนซึ่งนิ่งเงียบมาโดยตลอดนั้นรู้มานานแล้วว่าจุดประสงค์ที่จะอภิเษกสมรสเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีของ อาณาจักรจ้าวนั้นเป็นเรื่องหลอก จุดประสงค์ที่แท้จริงคือเพื่อยั่วยุและก่อปัญหา
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เมื่อเริ่มงานเลี้ยงก็ตอบโต้โดยใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน เพื่อใช้เขาเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุวัตถุประสงค์ที่ซ่อนเร้นอยู่ของอาณาจักรจ้าว
ให้เกียรติพวกเจ้าแล้วจริงๆ!
คิดหรือว่าเขาฉินเหยียนเป็นผู้ที่จะโดนเอาเปรียบได้ง่ายๆ!
ฉินเหยียนมองไปรอบๆและเห็นว่าเหล่าขุนนางของอาณาจักรฉินต่างก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เสียงเรียกร้องให้ประหารเขาดังขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเย็นชา
พวกลูกหลานเต่าของต้าฉิน ถูกคนหลอกใช้เป็นมีดยังส่งเสียงเอาจริงเอาจังถึงเพียงนี้
ล้วนเป็นกลุ่มสุกรที่คิดตื้นๆ!
หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาจึงประสานมือและรายงานต่อฮ่องเต้ฉินว่า
"เสด็จพ่อ หม่อมฉันมีคำพูดจะกล่าวพะยะค่ะ"
ฮ่องเต้ฉินมีใจลำเอียง ทว่าเวลานี้เป็นสถานการณ์ที่น้ำกับไฟมิอาจอยู่ร่วมกันได้ การเคลื่อนไหวที่ไม่ระวังแม้เพียงเล็กน้อยอาจก่อให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างสองอาณาจักรได้
เขาขมวดคิ้วและกล่าวด้วยเสียงอันเคร่งขรึมว่า
คำพูดที่ลื่นไหลของฉินเหยียนทำให้ทุกคนในคณะทูตของอาณาจักรจ้าว ต่างก็โกรธจนหน้าเขียว สีหน้าของจ้าวจีเอ๋อร์ทั้งซีดและเขียว แต่กลับมิอาจหาข้อแก้ตัวใดๆที่จะหักล้างได้จึงพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
ฉินเหยียนกล่าวเสริมต่อโดยไม่สนใจว่า
"หากพวกท่านไม่คิดจะเชื่อมสัมพันธไมตรีโดยการอภิเษกสมรสก็กล่าวออกมาตรงๆ และอย่าหาข้ออ้างโดยใช้ข้าเป็นเครื่องมือ การที่เฒ่าชราผู้นั้นทำให้อาณาจักรจ้าวอับอาย นั่นเป็นเรื่องของพวกเจ้า หากจะโทษก็ต้องโทษเขา กลับไปเฆี่ยนศพของเขาเสีย และเรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับต้าฉินของพวกเราแต่อย่างใด"
"ทว่าเวลานี้นี่เป็นเวทีของต้าฉินของพวกเราซึ่งเป็นเจ้าบ้าน ผู้ที่มาเยือนก็คือแขก แขกควรทำตามสิ่งที่เจ้าบ้านเห็นว่าเหมาะสม ต้าฉินของพวกเราย่อมจัดงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับพวกท่าน แต่หากกระทำเกินหน้าเกินตาโดยการพ่นถ้อยคำไร้สาระในอาณาเขตของพวกเรา ต้าฉินย่อมมิอาจยอมให้อาณาจักรจ้าวทุ่มก้อนหินใส่เท้าของตนได้"
ฉินเหยียนเกือบจะกล่าวคำพูดของเขาออกมาอย่างเปิดเผยแล้ว เวลานี้สงครามในท้องพระโรงค่อยๆสงบลง
จากนั้นฮ่องเต้ฉินก็ตระหนักว่าอาณาจักรจ้าวกำลังใช้ข้อแก้ตัวเพื่อสร้างปัญหาจึงอดมิได้ที่จะถอนหายใจ
สมแล้วที่เป็นโอรสของข้า ปราดเปรื่องจริงๆ!
องค์หญิงสามจ้าวจีเอ๋อร์ไม่พอใจและต้องการโต้แย้ง ทว่าทูตของอาณาจักรจ้าวที่อยู่ข้างๆดึงแขนเสื้อของนางไว้แล้วขยิบตาให้นาง
ความหมายก็คือให้ทำตามแผน เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะวิวาทกันอย่างเปิดเผย หากจะประจัญหน้ากันจริงๆในเวลานี้พวกเขาอยู่ในอาณาเขตของอาณาจักรฉิน ผู้ที่เสียเปรียบย่อมเป็นพวกเขาอย่างแน่นอน
จ้าวจีเอ๋อร์เข้าใจและต้องยอมรับว่าฉินเหยียนผู้นี้ปราดเปรื่องมากจริงๆ เพียงไม่กี่คำก็เกือบทำให้นางตกหลุมพราง จากนั้นนางจึงระงับความโกรธในใจและเปลี่ยนเป็นกล่าวอย่างละอายว่า
"คำกล่าวขององค์ชายสิบสี่มีเหตุผล เมื่อครู่ข้าตัดสินวิญญูชนอย่างไม่ยุติธรรมด้วยจิตใจที่คับแคบ"
"ในเมื่อองค์ชายสิบสี่ความสามารถโดดเด่นและมีวาทะศิลป์ยอดเยี่ยม หากต้องการให้ข้ายอมอภิเษกสมรส ท่านต้องทำให้ข้ายินยอมด้วยใจจริง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...