องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 270

ฮ่องเต้ฉินโกรธมากจนเป็นลม หมอหลวงทุกคนต่างมารวมตัวกันที่นี่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล ต่างยุ่งอยู่กับการวินิจฉัยและการรักษา

หลังจากที่จับชีพจรของฮ่องเต้ฉินและรอให้ฮ่องเต้ฉินได้ดื่มยาต้ม ถึงจะได้ออกมารายงานว่า

“ฝ่าบาททรงสบายดี ได้รับการรักษาแล้ว พระองค์ต้องพักผ่อนสักสองสามวัน ระหว่างนี้ทรงอย่าทำให้พระองค์ท่านต้องโมโหเลย”

บรรดาขุนนางต่างพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมๆ กัน หากฝ่าบาทยังคงสบายดี บรรดาองค์ชายจะยังคงรักกัน แต่หากพระองค์ทรงประชวรในตอนนี้ เกรงว่าบรรดาองค์ชายได้เป็นศัตรูกันแน่

องค์ชายใหญ่ฉินชงรีบเสนอขึ้นมาว่า

“ในเมื่อเสด็จพ่อต้องได้รับการพักผ่อน พวกเราพี่น้องไม่ควรรบกวนท่านในเวลานี้”

บรรดาองค์ชายคนอื่นต่างเห็นด้วย ประการแรกต้องการให้ฮ่องเต้ฉินพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ประการที่สองต้องแจ้งข่าวว่าฮ่องเต้ยังคงมีสุขภาพแข็งแรงแก่คนในราชวัง พวกเขาจะได้ไม่เคร่งเครียด

แต่ไท่ฟู่กับไม่คิดเช่นนั้น เขาฉวยโอกาสใช้สถานะที่เป็นอาจารย์ของฮ่องเต้ เริ่มแพร่เรื่องนี้ออกนอกราชวัง

“องค์ชายสิบสี่ อ๋องเหยียน ไม่เชื่อฟังคำของบิดา ไม่เชื่อฟังคำของข้าในฐานะข้าราชสำนัก เราไม่อาจไว้ชีวิตคนที่คิดกบฏเช่นนี้ได้ พวกเราต้องตัดเงินและเสบียงของเขา!”

“ใช่ ไท่ฟู่พูดถูก ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของอ๋องเหยียน”

“ข้าจะรอรวบรวมรายชื่อสมาชิกเพื่อฟ้องร้ององค์ชายสิบสี่และยึดอำนาจของเขา เราจะไม่ยอมถูกเขาควบคุมอีกต่อไป!”

...

ทันทีที่องค์ชายใหญ่ ฉินชง กลับมายังตำหนักของตนเอง เขาได้รับจดหมายจากฉินเหยียน

ในจดหมายเขียนว่า

พี่ใหญ่ ข้าได้เอ่านจดหมายลับจากท่านพี่แล้ว แต่ทว่าหลี่กวงต้องตาย

หากไม่ฆ่าเขา ประชาชนจะขาดความเชื่อมั่น หากฆ่าเขา ประชาชนจะยังคงรวมเป็นหนึ่ง

ดังนั้นข้าต้องทำเช่นนี้ ความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดก็คงเป็นเรื่องที่ต้องฆ่าเขา

ข้าต้องใช้เรื่องนี้ทำให้ประชาชนได้รู้ว่า ธรรมะย่อมชนะอธรรม คนชั่วจะต้องได้รับโทษ

องค์ชายใหญ่ฉินชงถอนหายใจหลังจากอ่านจดหมายจบ

“น้องสิบสี่ เจ้าช่างใส่ใจประชาชนยิ่งนัก เมื่อเทียบกับพี่ใหญ่อย่างข้าแล้ว ข้ารู้สึกละอายใจจริงๆ”

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือต้องหาวิธีการจัดการกับความโกรธเกรี้ยวของเสด็จพ่อ

ท้องพระโรงในวันนี้ หากไม่ใช่เพราะเสด็จพ่อโกรธจนเป็นลมหมดสติไป ข้าเกรงว่าตอนนี้คงมีคำสั่งสั่งไปยังเขตชายแดนเป็นแน่

แม้ว่าเจ้าสิบสี่จะไม่ถูกโทษประหาร แต่เขาไม่สามารถหลีกหนีความผิดไปได้อยู่ดี

ดังนั้นองค์ชายใหญ่ฉินชงรีบหยิบพู่กันขึ้นมาและเขียนจดหมายแจ้งฉินเหยียนเกี่ยวกับอาการป่วยหนักของเสด็จพ่อทันที และถามถึงวิธีการตอบโต้

...

ไม่กี่วันต่อมา

“รายงานขอรับ มีจดหมายลับจากเมืองหลวง”

หลังจากที่ฉินเหยียนได้รับจดหมายลับองค์ชายใหญ่แล้ว เขาอ่านมันอย่างละเอียด จากนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบ

จ้าวจือหย่าได้ยินเรื่องการเปลี่ยนแปลงในเมืองหลวงมาบ้าง จึงรีบมาหาฉินเหยียน

“องค์ชาย เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”

“ข้ารู้แล้ว”

ใจของฉินเหยียนเหมือนกำลังจมน้ำ เขามองไปยังเมืองใหม่ที่ทั้งคึกคักและมีชีวิตชีวาอยู่ด้านนอกหน้าต่าง จากนนั้นกลับมาจมดิ่งในความคิดอีกครั้ง

จ้าวจือหย่าไม่รู้เหตุผล ดังนั้นจึงถามออกไปว่า

“องค์ชาย ไม่ใช่ว่าจือหย่าไม่ได้เตือนท่าน หากท่านทำเช่นนี้ รู้อยู่แล้วว่าหลี่หวงเป็นคนที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งเป็นการส่วนตัว แต่ท่านยังคงฆ่าเขา เรื่องนี้ทำให้เบื้องบนต้องขุ่นเคืองมิใช่หรือ?”

ฉินเหยียนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พูดอย่างใจเย็น

“รู้แล้วอย่างไร อยู่ใกล้กษัตริย์ ก็เหมือนอยู่ใกล้เสือ ท่านพ่อคิดอยากจะใช้คนๆ นี้ทดสอบข้า หากข้ายอมกล้ำกลืนความโกรธ ก็เท่ากับว่าเมืองใหม่ที่ข้าสร้างขึ้นมาต้องพังทลายลง”

เขาอ่านอย่างละเอียดและพูดออกมา

“บ้าไปแล้ว น้องสิบสี่ เจ้าบ้าไปแล้ว!”

...

วันต่อมา

ตอนเช้า ตำหนักจินหลวน

หลังจากที่พักผ่อนมาหลายวัน ฮ่องเต้ฉินก็ฟื้นตัว ภายใต้สายตาที่จับจ้องของบรรดาขุนนาง เขานั่งลงบนเก้าอี้มังกรอย่างสง่าผ่าเผย

บรรดาขุนนางทุกคนต่างคุกเข่าแสดงความเคารพ

“เข้าเฝ้าฝ่าบาท ข้าพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นๆ ปี!”

ฮ่องแต้ฉินนั่งตัวตรง โบกมือ

“ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอะไรมากหรอก”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”

หลังจากที่ทุกคนยืนขึ้น ฮ่องเต้ฉินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทันที

“มีเรื่องก็รายงานมา ถ้าไม่มีก็เลิกประชุมได้”

ไท่ฟู่ส่งสัญญาณให้บรรดาสมาชิก และมีคนลุกขึ้นยืนและพูดว่า

“กราบทูลรายงานฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า องค์ชายสิบสี่ อ๋องเหยียน ไม่เชื่อฟังคำของพระองค์ ได้โปรดตัดสินใจโดยเร็ว ยกเลิกอำนาจทั้งหมดของอ๋องเหยียนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหามากไปกว่านี้พ่ะย่ะค่ะ!”

บรรดาขุนนางต่างพากันคุกเข่า

“ฝ่าบาทได้โปรดทรงตัดสินใจโดยเร็วเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์