เหล่าผู้ตรวจตราต่างยืนตัวตรงอย่างไม่เกรงกลัวต่ออำนาจ และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
"ไท่ฟู่อย่าได้พูดจาเหลวไหล เป็นหน้าที่ของผู้ตรวจตราที่จะต้องบันทึกเหตุการณ์น้อยใหญ่ในท้องพระโรงให้ชัดเจนทุกวัน องค์ชายแปดฉินอู่ฉวยโอกาสตอนฝ่าบาททรงประชวรครอบครองท้องพระโรงแต่เพียงผู้เดียว ใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ ในฐานะเพื่อนร่วมงานเหตุใดจึงมิอาจบันทึกเล่า?"
เขากล่าวพลางออกคำสั่งว่า
"เขียนไปว่าไท่ฟู่ลุกขึ้นมากล่าวเพื่อความเป็นธรรม ใช้อำนาจกดขี่ผู้อื่น ใช้ข้ออ้างเพื่อกดดันผู้ตรวจตรา มีเจตนาบิดเบือนความจริง ใส่ร้ายผู้ตรวจตราว่าเป็นกบฏ ถูกหรือผิดความยุติธรรมอยู่ในใจของประชาชน ให้ชนรุ่นหลังได้แสดงความคิดเห็น"
ทันใดนั้นองค์ชายแปดฉินอู่ก็ตื่นตระหนก ไท่ฟู่ก็ตื่นตระหนกเช่นกัน ไม่ว่าผู้ใดย่อมไม่อยากทิ้งชื่อเสียงอันเหม็นฉาวไปชั่วลูกชั่วหลานในบันทึกประวัติศาสตร์
ด้วยความโกรธจัดเขาจึงกล่าวว่า
"พวกเจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล! หยุดเขียน! หยุดเขียนเดี๋ยวนี้!"
ไท่ฟู่ก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าหลังจากจับกุมจ้าวจือหย่าแล้วจะไปพัวพันผู้ตรวจตราที่สร้างปัญหามากมายถึงเพียงนี้ พวกเขาช่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันและร่วมมือกันอย่างดีจริงๆ
"เจ้าพวกผู้ตรวจตราที่อวดภูมิเหล่านี้ คำพูดและการกระทำจะรุนแรงเกินไปหน่อยแล้วกระมัง! ไม่มีหลักฐานพวกเจ้าก็แค่ปั้นแต่งขึ้นมาเอง! บิดเบือนประวัติศาสตร์!"
ทันทีที่กล่าวคำพูดนี้ออกมา เขาก็ตกหลุมพรางของผู้ตรวจตราเข้าพอดี
ผู้ตรวจตราของจักรพรรดิประสานมือแล้วถามว่า
"ขอถามไท่ฟู่ว่าจ้าวจือหย่า ผู้เรียบเรียงแห่งวังหลวง ปั๋วซื่อผู้ตรวจตราแห่งหอประวัติศาสตร์ที่มีความผิดข้อหากบฏ มีหลักฐานหรือไม่?"
เหงื่อเย็นของไท่ฟู่ไหลออกมา
"การจับกุมจ้าวจือหย่าก็เพียงแค่เป็นการซักถามตามปกติ ยังมิได้ตัดสินว่านางมีความผิดข้อหากบฏ"
ผู้ตรวจตรากลับมิได้ทำตามความต้องการของไท่ฟู่ เขาเขียนพลางกล่าวว่า
"ไท่ฟู่พูดจาเพ้อเจ้อปลิ้นปล้อน พยายามกลับขาวเป็นดำ ทุกอย่างที่บันทึกไว้ในวันนี้ล้วนเป็นความจริง มันจะถูกถ่ายทอดไปในบันทึกประวัติศาสตร์ และส่งไปยังหอประวัติศาสตร์!"
ไท่ฟู่ถูกผู้ตรวจตราทำให้สำลักจนเกือบตาย เขาเป่าเคราและจ้องมองพลางกล่าวว่า
"ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะเขียนอย่างไร คดีนี้จะต้องจัดการเช่นนี้!"
"จ้าวจือหย่าและองค์ชายสิบสี่เป็นพวกเดียวกัน เจตนาที่จะก่อกบฏเห็นได้อย่างชัดเจน ในฐานะผู้ตรวจตราแทนที่จะแนะนำตักเตือนกลับกล้าที่จะช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ มีความผิดเป็นสองเท่า!"
เหล่าผู้ตรวจตรายังคงเขียนต่อว่า
"ไท่ฟู่ก่อความวุ่นวายในราชสำนัก ใส่ร้ายผู้ตรวจตราว่าเป็นกบฏ ปิดท้องฟ้าด้วยมือข้างเดียว กลับถูกเป็นผิด ผูกขาดอำนาจ!"
ไท่ฟู่โกรธมากจนหนังศีรษะตึง และคำรามว่า
"ใครก็ได้! มาไล่ผู้ตรวจตรากลุ่มนี้ออกไปที!"
แต่ทั่วทั้งท้องพระโรงไม่มีผู้ใดฟังคำสั่งของไท่ฟู่เลย อย่างไรเสียผู้ตรวจตราที่อวดภูมิเหล่านี้ต่างก็รู้จักแต่การบันทึกเท่านั้น ภายใต้พู่กันของพวกเขาสามารถเผยแพร่และถ่ายทอดเรื่องราวทุกยุคทุกสมัย
ผู้ใดก็ตามที่กล้าลงมือกับผู้ตรวจตราต่างก็กลัวว่าตนจะเสียชื่อเสียงไปชั่วลูกชั่วหลาน
"ลงมือสิ จะยืนเหม่ออยู่ทำไม?"
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครลงมือ เหล่าผู้ตรวจตราจึงเขียนต่อไปว่า
"ไท่ฟู่โกรธมากจนไล่ผู้ตรวจราชการแผ่นดินออกจากท้องพระโรง จิตใจที่ไม่จงรักภักดีเห็นได้อย่างชัดเจน หลักฐานเป็นที่ประจักษ์ หอประวัติศาสตร์ช่วยเหลือผู้จดบันทึกประวัติศาสตร์ของต้าฉิน ห้าสิบแปดคนร่วมกันบันทึก เอาความเชื่อถือเป็นประกัน สิ่งที่บันทึกในวันนี้ไม่มีเท็จแม้แต่คำเดียว"
.........
"หากเลือกได้ย่อมเลือกให้มีชื่อเสียงถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์"
ฉินเหยียนถามอีกว่า
"แล้วผู้ใดเป็นผู้รับผิดชอบในการเรียบเรียงและบันทึกประวัติ?"
องค์ชายเจ็ดจึงตระหนักได้ทันที
"การรวบรวมประวัติศาสตร์ถูกกำหนดโดยท่านขงจื่อ บรรดาผู้ตรวจตราของจักรพรรดิ ปั๋วซื่อผู้ตรวจตรา และคนอื่นๆจะต้องเข้าร่วมอยู่ในท้องพระโรงของแต่ละอาณาจักร ไม่สอบถามการเมือง มุ่งเพียงจดบันทึกและเรียบเรียงเรื่องราวน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นทุกวันในวังหลวงและในท้องพระโรง ท้ายที่สุดจึงจะรวบรวมเป็นเล่มและเก็บไว้ในหอประวัติศาสตร์ ทิ้งชื่อเสียงไว้ในประวัติศาสตร์หรือเสียชื่อเสียงไปชั่วลูกชั่วหลาน"
ฉินเหยียนยิ้มอย่างมั่นใจ
"ดังนั้นเหล่าผู้ตรวจตราอาจดูเหมือนไร้กำลังและอำนาจแต่พวกเขาสามารถพูดออกมา และพู่กันที่อยู่ในมือก็มักจะมีประสิทธิภาพมากกว่ามีดที่สังหารคน"
และในขณะที่ฉินเหยียนเพิ่งจะพูดจบนี้เอง
ก็มีคนเหยียบกระเบื้องบนหลังคา ต้าหย่งปีนเข้ามาทางหน้าต่าง เขาคุกเข่าลงข้างนึงแล้วยื่นจดหมายลับด้วยมือทั้งสอง
"อ๋องเหยียน มีรายงานรับส่งมาจากในวังพะยะค่ะ!"
ฉินเหยียนแทบจะรอไม่ไหวที่จะเปิดมันออกมาอ่านในทันที และในที่สุดเขาก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก
"วิกฤตของจ้าวจือหย่าจบลงแล้ว แต่เรายังประมาทไม่ได้ เพื่อที่จะป้องกันไท่ฟู่ลูบหน้าปะจมูก จะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือต่อไป"
"พะยะค่ะ!"
ต้าหย่งบินผ่านหน้าต่างแล้วจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...