องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 330

เขาเขียนพระราชโองการแล้วออกคำสั่งว่า “ส่งพระราชโองการของข้าไป เรียกโอรสของข้าฉินเหยียนเข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” ขันทีเการับพระราชโองการมาแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังจวนจงเหรินทันที

......

จวนจงเหริน

ขณะนี้ฉินเหยียนกำลังชำระล้างร่างกายอยู่ จ้าวจีเอ๋อร์คอยปรนนิบัติเขาและถามขึ้นอย่างสงสัยว่า

“ท่านอ๋องเพคะ เหตุใดจึงต้องรีบชำระล้างร่างกายเร็วเพียงนี้ละเพคะ มีเรื่องสำคัญอะไรจะเกิดขึ้นงั้นรึเพคะ?”

ฉินเหยียนพูดอย่างจริงจังว่า “จะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นจริงๆ ตั้งแต่ถูกลดตำแหน่งกลับเข้าเมืองแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านพ่อเรียกข้าเข้าเฝ้า ดังนั้นจะต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ”

จ้าวจีเอ๋อร์ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่และถามขึ้นว่า “เหตุใดท่านอ๋องจึงมั่นใจว่าฮ่องเต้ฉินจะต้องเรียกเข้าเฝ้าละเพคะ?”

ฉินเหยียนยิ้มอย่างมั่นใจ เขาไม่ได้อธิบายอะไร ทันใดนั้นเอง

ต้าหย่งเข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ขันทีในพระราชวังกำลังมุ่งหน้ามายังจวนจงเหรินพ่ะย่ะค่ะ!”

“รู้แล้วล่ะ” จากนั้นฉินเหยียนก็ลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำแล้วกางแขนพร้อมพูดว่า “รีบสวมเสื้อผ้าให้ข้า”

“เพคะ” จ้าวจีเฮ่อร์ซับน้ำบนร่างกายของฉินเหยียนจนแห้งแล้วยกชุดหรูหราขึ้นมาเพื่อจะสวมให้ฉินเหยียน

ฉินเหยียนปฏิเสธว่า “ไม่สวมชุดนี้ สวมชุดสีขาวธรรมดาๆ”

จ้าวจีเอ๋อร์เองก็คิดได้ทัน บัดนี้ฉินเหยียนเป็นสามัญชนธรรมดา การสวมชุดหรูหราเข้าเฝ้าจะไม่เหมาะไม่ควร อีกทั้งฮ่องเต้ฉินยังขี้สงสัยด้วย ตอนนี้ไม่ควรทำให้ฮ่องเต้ฉินเห็นข้อผิดพลาดใดๆไม่ได้เด็ดขาด จ้าวจีเอ๋อร์เปลี่ยนสวมชุดสีขาวธรรมดาตามที่ฉินเหยียนต้องการ

เมื่อฉินเหยียนสวมชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขันทีเดาก็รีบเข้ามาประกาศพระราชโองการทันที

“มีพระราชโองการ! องค์ชายสิบสี่ฉินเหยียนโปรดรับพระราชโองการ!”

ฉินเหยียนลูบศีรษะแล้วเดินออกมาทันที เขาคุกเข่ารับพระราชโองการ “ข้าน้อยฉินเหยียน น้อมรับพระราชโองการขอรับ”

ขันทีเกาเห็นว่าฉินเหยียนสวมชุดสีขาวก็อึ้งไปทันที จากนั้นเขาก็ละสายตาแล้วอ่านพระราชโองการ

“ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา โอรสลำดับที่สิบสี่ของข้าเข้าพระราชวังในทันที ห้ามมีข้อผิดพลาดแต่อย่างใด!”

ฉินเหยียนรับพระราชโองการไว้เหนือศีรษะแล้วพูดว่า “ท่านพ่อทรงมีอายุยืนยาวหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”

ขันทีเการีบเดินเข้าไปพยุงฉินเหยียนให้ลุกขึ้นแล้วพูดอย่างถ่อมตนว่า

“องค์ชายสิบสี่พ่ะย่ะค่ะ รถม้าเตรียมเรียบร้อยแล้ว มุ่งหน้าไปยังพระราชวังพร้อมข้าเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนเองก็ไม่รีรอ เขาพูดว่า “ขอรบกวนขันทีเกานำทางด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ เชิญด้านนี้พ่ะย่ะค่ะ!”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนยืนขึ้นแล้วมานั่งตรงข้ามของฮ่องเต้ฉิน ทั้งสองไม่ได้สบตากันเลย เพียงแค่จ้องมองกระดานหมากรุกเท่านั้น

“นั่งลงเถิด ในการเล่นหมากรุกไม่มีการเห็นแก่พ่อหรือลูก ในสนามรบไม่มีการแบ่งแยก นั่งลงเริ่มหมากกันเถิด”

ฮ่องเต้ฉินพยายามทำให้ผ่อนคลายลง

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะท่านพ่อ!”

ฉินเหยียนสะบัดชายชุดขาวแล้วนั่งลงตรงข้ามฮ่องเต้ฉิน ฮ่องเต้ฉินถือตัวหมากสีดำเอาไว้แล้วเริ่มเดินบนกระดานก่อน ฉินเหยียนถือตัวหมากสีขาวแล้วเดินตาม หลังจากที่ทั้งสองผลัดกันลงแล้วฮ่องเต้ฉินก็เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า

“ตอนนั้นที่ข้าอำนาจเจ้าเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพ ให้เจ้าไปรักษาชายแดน เจ้าทำมันออกมาได้ดีอย่างมาก สามารถนำชัยชนะมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เหล่าทหารต่างมีขวัญกำลังใจล้นหลาม เหตุใดเจ้าจึงไม่ฮึดสู้ใช้ประโยชน์จากมันแล้วบุกทะลวงเข้าไปยึดครองอาณาจักรจ้าว”

“แม้จะได้รับพระราชโองการแต่เจ้าก็ยังคงไม่คงต่อต้าน ยังคงไม่เคลื่อนทัพเช่นเคย เจ้าทำเช่นนั้นเพราะเหตุใดกันแน่?”

สีหน้าของฉินเหยียนนิ่งเฉย เขาเดินหมากไปแล้วตอบกลับว่า

“ท่านพ่อ ข้าได้รับคำสั่งในยามที่ตกอยู่ในอันตราย ข้านำกองทัพปกป้องชายแดนอย่างสุดกำลัง สามารถชนะได้ด้วยการใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศ แต่หากเข้าโจมตีอาณาจักรจ้าว ในตอนนั้นมันคือการเอาไข่ไปกระทบหิน รนหาที่ตายพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินไม่สบอารมณ์อย่างมาก

“แต่มีการร่ำลือไปทั่วว่าเจ้าคือเทพจุติ สามารถเรียกลมเรียกฝนและสายฟ้าได้มิใช่รึ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์