องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 349

บนแท่นชมเพลิง

ฉินเหยียนกอดอกและมองไปที่เหล่าผู้ตรวจตราในลานของตำหนักหย่างซินที่ร้องขอคำสั่งตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง

เหล่าผู้ตรวจตราได้ร้องขอให้ขุนนางฉ้อฉลเหล่านั้นถูกประหาร ในขณะที่องค์ชายและพระสนมต่างเสี่ยงชีวิตเพื่อหาทางออกให้กับตระกูลขุนนาง ทั้งสองฝ่ายยังคงยืนกรานในความคิดเห็นของตนเองและติดอยู่ในทางตัน

ฉินเหยียนส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาว่า

"พวกเจ้าดูสิ เวลานี้เกิดเป็นทางตัน หากไม่สังหารคนทรยศเหล่านี้ก็ยากที่จะบรรเทาความโกรธของประชาชน ทว่าหากสังหารคนเหล่านี้ทั้งหมดก็จะไม่มีขุนนางในราชสำนัก แล้วราชสำนักจะขับเคลื่อนไปได้อย่างไร"

องค์ชายเจ็ดฉินอวี่เม้มริมฝีปาก และกล่าวด้วยความกังวลว่า

"ถกเถียงกันมาทั้งเช้าแล้วก็ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะทำลายทางตันนี้ได้อย่างไร?"

ฉินเหยียนยิ้มอย่างมั่นใจพลางเชิดคางของเขาไปทางตำหนักหย่างซิน และกล่าวว่า

"วิธีแก้ไขสถานการณ์นี้ข้าได้ชี้แจงให้เสด็จพี่ใหญ่ทราบแล้ว และมันมิใช่เรื่องด่วนในเวลานี้"

หลังจากที่กล่าวจบฉินเหยียนก็เงยหน้าขึ้นพินิจพระชายาองค์ชายเจ็ด จางอวิ๋นซู

"พี่สะใภ้ หากท่านไม่มีเรื่องอื่นใดข้ามีเรื่องสำคัญกว่าที่อยากจะฝากให้ท่านไปทำ"

จางอวิ๋นซูรีบประสานมือ และรับคำสั่ง

"ข้าจะทุ่มเทสติปัญญาและความสามารถตราบจนชีวิตจะหาไม่"

...........

องค์ชายใหญ่ฉินชงเป็นหนังหน้าไฟ เขาพาเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลคุกเข่าลงหน้าตำหนักหย่างซิน

ผู้อาวุโสของตระกูลประสานมือ และกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า

"ขอฝ่าบาทโปรดทรงเมตตา กระหม่อมทราบดีถึงความผิดที่คนในตระกูลของกระหม่อมได้กระทำไป กระหม่อมรู้สึกละอายใจต่อความไว้วางใจและการปลูกฝังของฝ่าบาทที่มีให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา วันนี้กระหม่อมไร้ยางอายและขอวิงวอนต่อฝ่าบาทขอโปรดทรงเมตตาและโปรดเห็นแก่ความจงรักภักดีของกระหม่อมไว้ชีวิตตระกูลของกระหม่อมด้วยเถิดพะยะค่ะ"

"ตระกูลของกระหม่อมยินดีที่จะมอบคืนงบประมาณหลวงที่ถูกยักยอกไปทั้งหมดและจ่ายค่าปรับเป็นเงินสิบเท่าเข้าท้องพระคลังเพื่อแสดงถึงความจริงใจกระหม่อม เพียงขอฝ่าบาทโปรดทรงผ่อนปรนและให้โอกาสตระกูลของกระหม่อมได้กลับตัว กระหม่อมขอฝ่าบาทโปรดทรงเมตตาด้วยเถิดพะยะค่ะ!"

องค์ชายใหญ่ฉินชงก็ประสานมือ และร้องขอความเมตตาว่า

"ขอเสด็จพ่อโปรดทรงเมตตาไว้ชีวิตพี่น้องและญาติของหม่อมฉันด้วยเถิด หม่อมฉันขออาสานำพาพี่น้องของกระหม่อมไปโจมตีอาณาจักรจ้าว ทำความดีลบล้างความผิด ขอเสด็จพ่อโปรดอนุญาตด้วยเถิดพะยะค่ะ!"

หลังจากนั้นไม่นานเกากงกงก็เดินออกมาจากตำหนักหย่างซินและประกาศว่า

"ฝ่าบาททรงเรียกองค์ชายใหญ่เข้าเฝ้า!"

"พะยะค่ะ!"

องค์ชายใหญ่ฉินชงรีบลุกขึ้นและติดตามเกากงกงเข้าไปในพระตำหนัก

เอียนอ๋องที่แปดฉินอู่ถามด้วยเสียงต่ำว่า

เมื่อแต่ละตระกูลใหญ่ได้ยินก็รีบประสานมือ และกล่าวว่า

"รบกวนกงๆแล้วที่มาแจ้งข่าว พวกข้าจะรีบกลับไปรวบรวมเงินเดี๋ยวนี้!"

เมื่อกล่าวจบทุกคนก็ขอลากลับและพยายามหาทางรวบรวมเงินเพื่อจ่ายค่าปรับในการไถ่ชีวิต

........

หลังจากนั้น

เพื่อที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ตระกูลขุนนางใหญ่ๆในเมืองหลวงต่างก็นำโฉนดที่ดินที่เป็นทรัพย์สมบัติของบรรพบุรุษออกมาเพื่อเตรียมขาย

ตามบทลงโทษในราชโองการนั้นจะต้องจ่ายค่าปรับสิบเท่าของจำนวนเงินที่ยึดทั้งหมด ทว่าบ้านก็ถูกยึดไปแล้วและไม่มีเงินอยู่ในมือจึงทำได้เพียงยืมเงินจากตระกูลใหญ่และพ่อค้าจำนำเท่านั้น พวกเขาพยายามทุกวิถีทางที่จะเอาของทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาเพื่อรวบรวมเงินไปไถ่ชีวิต

แต่ถึงอย่างนั้นเงินที่สามารถรวบรวมมาได้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าปรับ ซึ่งทำให้ตระกูลใหญ่ทั้งหลายกังวลเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามตระกูลฝั่งพระมารดาขององค์ชายใหญ่ฉินชงกลับรวบรวมค่าปรับเพียงพอและจ่ายเงินให้กับท้องพระคลังแล้ว นับว่าสามารถรักษาชีวิตของทุกคนในตระกูลที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ได้แล้ว

เหล่าองค์ชายที่ได้รับข่าวนี้จึงแอบถามองค์ชายใหญ่ฉินชงเป็นการส่วนตัวว่าเขาหาเงินมากมายเช่นนี้ได้จากที่ใด

องค์ชายใหญ่ฉินชงมิได้ปิดบังและบอกพวกเขาว่า เหตุผลที่เขาสามารถรวบรวมเงินค่าปรับในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้เพราะเขาไปที่ธนาคาร ธนาคารได้ตั้งโรงรับจำนำขึ้นซึ่งเขาสามารถจำนำทรัพย์สินของตนและเปลี่ยนเป็นเงิน เขาจึงสามารถคลี่คลายปัญหาในเวลานี้ไปได้

หลังจากองค์ชายทุกคนรู้ข่าวนี้จึงรีบบอกตระกูลฝั่งพระมารดาทันที แต่ละคนต่างก็นำสิ่งของมีค่ามาและหลังจากปลอมตัวแล้วก็ไปที่โรงรับจำนำที่องค์ชายใหญ่กล่าวถึง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์