องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 360

รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้าโดยมีทหารชั้นยอดคุมตัวซ่งอันเซิงที่กรามหลุดรวมไปถึงเหล่าทาสในตระกูลของเขาตามมาอยู่ด้านหลัง

ทุกๆที่ที่เคลื่อนผ่าน เหล่าชาวประชาทั้งหมดต่างก็เผยให้เห็นความประหลาดใจ

ราษฎรที่เห็นฉากที่ซ่งอันเซิงถูกลงทัณฑ์ต่างก็เล่าปากต่อปากว่ามีผู้มีอำนาจมาขจัดความชั่ว

ดังนั้นผู้คนในเมืองจึงเดินตามไปจนมีผู้คนจำนวนมากเดินตามหลังรถม้าไปจนถึงประตูของศาลาว่าการ

จ้าวจีเอ๋อร์ลงจากรถม้าพลางปลอบเด็กสาวที่สะอึกสะอื้นว่า

"แม่นาง หากเจ้าไม่ได้รับความยุติธรรมก็จงร้องทุกข์เถิด"

ทันทีที่กล่าวจบ

เมื่อเหล่านักการที่ยืนเฝ้าประตูเห็นฉากนี้จึงรีบวิ่งเข้าไปยังศาลาว่าการ และตะโกนด้วยความตื่นตระหนกว่า

"ใครก็ได้ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!"

ไม่นานหลังจากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็กรูออกมาจากศาลาว่าการซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นนักการ แต่ละคนต่างถือมีดดาบและไม้โบยพลางจ้องมองเหล่าองครักษ์ที่คุมตัวซ่งอันเซิงและทาสราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม และตะโกนว่า

"บังอาจ! แม้แต่คุณชายซ่งพวกเจ้ายังกล้าจับ ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ! รีบปล่อยคนเดี๋ยวนี้!"

ในเวลานี้เจ้าเมืองซุ่นชิ่งก็รีบวิ่งออกมาด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนกและซีดเซียวราวกับว่าภัยพิบัติกำลังมาเยือน เขาชี้ไปที่ทุกคนด้วยมือที่สั่นเทา และกล่าวว่า

"พวกเจ้ากินดีหมีมาหรืออย่างไร! แม้แต่คุณชายซ่งพวกเจ้ายังกล้าทำให้ขุ่นเคือง รู้หรือไม่ว่าพวกเจ้ากำลังล่วงเกินผู้ใด!"

ต้าหย่งไม่ชอบผู้ที่อาศัยบารมีของนายเที่ยวรังแกชาวบ้านจึงก้าวไปข้างหน้าและยกมือขึ้นตบไปที่ใบหน้าของสุนัขรับใช้อย่างแรง

"เจ้ากล้าตีข้าหรือ! ข้าเป็นถึงเจ้าเมืองซุ่นชิ่ง พวกเจ้าต้องการกบฏเช่นนั้นหรือ ใครก็ได้ฆ่าพวกมันให้หมด!"

เหล่านักการต่างก็ก้าวไปข้างหน้า ในขณะที่กำลังจะลงมือนั้นเองเหล่าองครักษ์คนอื่นๆก็เริ่มเคลื่อนไหว

ในชั่วพริบตาเจ้าเมืองและนักการทั้งหมดต่างก็ถูกตีจนล้มลงพลางปิดใบหน้าที่บวมแดงและกลิ้งไปบนพื้น

"พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?"

เจ้าเมืองจ้องมองต้าหย่งและคนอื่นๆด้วยความตื่นตระหนก

ต้าหย่งหยิบตราทหารรักษาพระราชวังของเมืองหลวงออกมาและแสดงให้เจ้าเมืองเห็น

"เบิ่งตาสุนัขของพวกเจ้าแล้วดูให้ชัดว่านี่คืออะไร!"

เจ้าเมืองที่เอามือปิดหน้าพยายามอ่านตัวหนังสือบนตรา จากนั้นเขาก็ตกใจมากและกล่าวอย่างไม่น่าเชื่อว่า

"ตรา ตราของราชวงศ์!"

ต้าหย่งพ่นลมออกมาทางจมูกและหยิบกลองร้องทุกข์ขึ้นมา จากนั้นจึงหันหลังกลับแล้วยื่นให้แก่ชายชราที่ถูกซ่งอันเซิงรังแกพลางกล่าวว่า

"ผู้เฒ่า จงตีกลองร้องทุกข์เพื่อร้องเรียนซ่งอันเซิง!"

ชายชราลังเลที่จะรับกลองร้องทุกข์มา และกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า

"ข้า ข้ามิกล้า....."

ต้าหย่งกล่าวอย่างเหยียดหยามว่า

"ฮึ เช่นนั้นก็สมควรแล้วที่โดนรังแก!"

จากนั้นเขาจึงตีกลอง

"เปิดศาล ตัดสินคดีความ!"

เหล่านักการที่ถูกตีจนล้มลงต่างก็ไม่กล้าชักช้า พวกเขากัดฟันยืนขึ้นและเดินโซซัดโซเซเข้าไปยังห้องโถงของศาลาว่าการ จากนั้นจึงหยิบไม้โบยมายืนทั้งสองฟากฝั่งและเคาะไม้โบยไปบนพื้นพลางกล่าวด้วยเสียงสั่นเทาว่า

"เวย อู"

บนรถม้า หลังจากที่องค์ชายเจ็ดฉินอวี่ลงจากรถแล้วฉินเหยียนก็ลงจากรถเช่นกัน เขาเอามือไพล่หลังและก้าวไปอยู่ ด้านหน้าสุดแล้วจึงตามมาด้วยองค์ชายเจ็ดฉินอวี่

จ้าวจีเอ๋อร์ จางอวิ๋นซู และเหล่าปิ่นหิรัญย์ทั้งสิบสองนางประคองเด็กสาวและชายชราที่ถูกซ่งอันเซิงรังแกและเดินตามพวกเขาเข้าไปด้านใน

เมื่อฉินเหยียนยืนอยู่ที่ประตูก็เห็นแผ่นป้ายแขวนอยู่กลางโถง

"นภาสูงหนึ่งจั้ง"

ฉินเหยียนขมวดคิ้วและมองไปที่เจ้าเมืองอีกครั้งด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร

เหล่าองครักษ์นำเก้าอี้สองตัวมาวางไว้ทางด้านซ้ายและด้านขวาของโถง ฉินเหยียนและองค์ชายเจ็ดฉินอวี่ก้าวไปข้างหน้าและนั่งตัวตรง จ้าวจีเอ๋อร์และจางอวิ๋นซูต่างยืนอยู่ด้านหลังของทั้งสอง ส่วนสิบสองปิ่นหิรัญย์รออยู่ที่ลานด้านนอกโถง

เหล่าราษฎรต่างรออย่างใจจดใจจ่ออยู่นอกประตูเพื่อชมความครื้นเครงจนรอบๆศาลาว่าการเนืองแน่นไปด้วยผู้คน

ในโถงพิจารณา

เจ้าเมืองมองดูอย่างระมัดระวังและเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ข้างๆองค์ชายเจ็ดผู้ซึ่งเมื่อดูจากท่าทางแล้วองค์ชายเจ็ดมีความยำเกรง จึงถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาว่า

"อวี่ชินหวังพะยะค่ะ ขอบังอาจถามว่าผู้นี้คือ?"

องค์ชายเจ็ดฉินอวี่ขมวดคิ้วพลางกล่าวด้วยเสียงที่ดุดันว่า

"หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว เปิดพิจารณาคดีได้!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์