แบ่งออกเป็นสองด้าน
ด้านหนึ่งผู้คนกำลังดื่มสังสรรค์ร้องเพลง หญิงสาวรายล้อม ส่วนอีกด้านบ้านเมืองลุกเป็นไฟ ความคับแค้นใจได้ร่ำลือไปทั่ว
ในขณะนี้จ้าวหรงจีและหลี่ชางคนอื่นๆ รวมถึงเหล่าผู้ลี้ภัย พากันหลบๆซ่อนๆ จนในที่สุดก็ได้มาถึงชายแดนแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ดีใจก็เห็นว่ามีทหารกลุ่มหนึ่งถือธงของอู๋ซานกุ่ยไว้อยู่บนถนนไม่ไกลนี้ พอเห็นใครเข้าก็จับแล้วถามชาวเมืองอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เคยกินเนื้อหมูรึไม่?”
ชาวเมืองที่ถูกจับตัวสั่นเทาแล้วตอบกลับทันทีว่า “เคย เคยขอรับ”
ทหารจ้องเขม็งแล้วพูดเสียงเข้มงวดว่า “จ่ายเงิน!”
คำพูดนั้นทำเอาชาวเมืองมึนงงไปหมด แล้วถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่า “ท่านทหาร จ่ายค่าอะไรรึขอรับ?”
ทหารพูดทันทีว่า “คนเลี้ยงหมูใช่รึไม่ คนก็เป็นคนอาณาจักรใช่รึไม่ เจ้ากินเนื้อหมูก็เท่ากับกินเนื้อหมูของอาณาจักรจ้าว เจ้าไม่จ่ายแล้วใครจ่าย! รีบเอาเงินมา!”
ชาวเมืองยังไม่ทันได้ตั้งใจ ทหารก็เข้าไปค้นตัวทันที แล้วเอาเงินที่ชาวเมืองหลงเหลือจากการลี้ภัยไป ชาวเมืองที่ถูกแย่งเงินไปร้องไห้คุกเข่าขอให้ทหารคืนให้
“ท่านทหาร ข้าเหลืออยู่เท่านั้นเองขอรับ ขอร้องละเมตตาคืนให้ข้าเถิดขอรับ!”
แต่ทหารไม่ได้แยแสอะไร เขาเตะเท้าออก ชาวเมืองที่ถูกชิงเงินไปถูกเตะไปไกล จากนั้นก็จับคนต่อไปอย่างโอหัง
“เคยกินเนื้อหมูรึไม่!”
เหล่าชาวเมืองที่เห็นสภาพของคนที่ถูกทำร้ายเมื่อครู่นี้แล้ว ต่างก็พากันส่ายหน้า “ไม่เคยขอรับ ไม่เคย”
แต่ทหารกลับไม่ปล่อยไปง่ายๆ แล้วถามขึ้นอีกว่า “เคยกินข้าวรึไม่!”
คำถามนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการวางกับดักเหล่าชาวเมือง เป็นคนก็ต้องกินข้าว เหล่าชาวเมืองตอบอย่างไม่อาจปฏิเสธว่า
“เคย เคยกินขอรับ”
ทหารยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “เช่นนั้นก็ต้องจ่าย!”
ชาวเมืองตะลึงแล้วถามอย่างต่ำต้อยว่า “ท่านทหารขอรับ กินข้าวก็ต้องจ่ายเงินรึ?”
ทหารของอู๋ซานกุ่ยชี้นิ้วอย่างไม่พอใจแล้วพูดว่า “ไร้สาระ ข้าวที่เจ้ากินมันหล่นลงมาจากฟ้ารึไง?”
เหล่าชาวเมืองพยายามอธิบาย “ท่านทหาร อาหารที่ข้ากิน ข้าปลูกมันเองกับมือทั้งนั้น ไม่ใช่อาหารของหลวงขอรับ”
องครักษ์เงาคนหนึ่งรีบพูดออกมาโดยไม่ลังเลว่า “ข้าไปเอง ข้ายืนดีที่จะเป็นหนอนบ่อนไส้ตัวนี้ ข้าเกลียดวิธีการดำเนินการของอู๋ซานกุ่ยมานานแล้ว ข้าจะทำให้มันต้องชดใช้กับสิ่งที่มันได้ทำลงไป!”
คนที่พูดคือหวังจื้อหย่วน เขาเคยเป็นคนอาณาจักรจ้าวมาก่อน ทั้งพ่อและแม่ล้วนเป็นชาวนา หลายปีก่อนตอนที่อาณาจักรจ้าววางแผนจะโจมตีอาณาจักรฉิน จึงได้ขึ้นภาษีอย่างต่อเนื่อง พ่อและแม่ไม่มีเงินจ่ายภาษีจึงถูกทหารทุบตีจนตายต่อหน้าต่อตาเขา เขาเองก็ถูกจับไปเป็นทหาร
หลังจากนั้นก็ได้รับความพ่ายแพ้มา และถูกฉินเหยียนจับไปเป็นเชลยศึก แต่กลับถูกการปกครองด้วยเมตตาเอาชนะใจ ชาวเมืองอาณาจักรฉินมีชีวิตที่สงบสุข ไม่ถูกกดขี่และไม่มีการกดขี่ทางชนชั้น เขาถูกเอาชนะใจโดยสิ้นเชิง ยินดีจะทำงานให้แก่อ๋องเหยียน
เขาเกลียดการกดขี่ที่สุด เกลียดชังเหล่าข้าราชการที่โลภมากชั่วช้าที่สุด ไม่เพียงแค่อู๋ซานกุ่ยเท่านั้น ทั่วทั้งอาณาจักรฉินเน่าเฟะไปหมด ตั้งแต่ผู้เลื่องอำนาจจนถึงขุนนางปกครองเขตพื้นที่ ไม่มีผู้ใดที่ไม่รังแกข่มเหงชาวเมือง
ระหว่างทางนี้ทำให้หวนนึกถึงความทรงจำอันเจ็บปวด และทำให้เขาเกลียดการกระทำของอู๋ซานกุ่ยจนเข้ากระดูก ดังนั้นเขาจึงได้เสนอตัว จะทำให้อู๋ซานกุ่ยต้องชดใช้
หลี่ชางเห็นแววตาที่หนักแน่นของหวังจื้อหย่วน จึงได้มอบผ้าเช็ดหน้าที่เขียนด้วยเลือดและของให้กับเขา
“นี่คือสิ่งของ เจ้าเก็บไว้ให้ดี ระวังตัวมากๆล่ะ”
“วางใจเถิด ข้าจะต้องทวงความยุติธรรมให้ชาวเมืองให้จงได้”
หวังจื้อหย่วนรับผ้าเช็ดหน้าและของมาแล้วก็ก้าวเดินไปยังทางของเขาอย่างมั่นใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...