องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 445

“พระเจ้า นี่ นี่มันหรูหราเกินไปแล้ว!”

ที่แท้กองทัพก็มาถึงเมืองใหม่แล้วนี่เอง ทันทีที่เข้าเมือง ทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับภาพทิวทัศน์ตรงหน้า มีอาคารสูงๆมากมาย และงานแกะสลักบนตัวอาคารอย่างวิจิตรบรรจง อลังการยิ่งใหญ่ ที่สุดที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดคืออาคารที่ทยานขึ้นไปบนเมฆ

บนนถนนมีผู้คนสรรจรมากมาย รถม้าเต็มถนนและตรอกซอกซอย มีเสียงหัวเราะดังไปทั่วเมือง ราวกับแดนสวรรค์ มีสถานศึกษา ร้านขายยา ห้องศิลปะการต่อสู้ ร้านค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ มีทุกอย่างที่ควรมีอย่างครบครัน ขนาดของเมืองทั้งเมืองนั้นใหญ่มากจนแม้แต่เมืองหลวงยังเทียบไม่ได้

ภาพทิวทัศน์ตรงหน้า ทำให้เปิดโลกทัศน์ของพวกเขาอย่างมาก! แม้แต่จ้าวจีเอ๋อร์ก็คิดไม่ถึงว่าเมืองใหม่ได้พัฒนาจนถึงขั้นนี้แล้ว มันหรูหรามากกว่าก่อนหน้านี้มาก

ฉินเหยียนเองก็อยากจะลงไปเดินชม แต่เพราะปวดขาจึงต้องออกคำสั่งในรถม้าว่า “ไปที่จวนเจ้าเมือง”

ด้วยคำสั่งนี้ กองทัพใหญ่ก็เคลื่อนทัพไปยังจวนเจ้าเมืองทันที ทหารหัวกะทิที่เฝ้าอยู่หน้าประตูอยู่ตลอด เมื่อเห็นว่ามีขบวนรถม้ามาก็เตือนขึ้นอย่างเข้มงวดว่า

“จวนส่วนตัวของท่านอ๋อง ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้า”

ทันใดนั้นเองฉินเหยียนก็เปิดผ้าม่านประตูออกแล้วพูดอย่างเกรงขามว่า “ข้ากลับมาแล้ว!”

ทหารหัวกะทิตาเป็นประตายทันที “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”

เขารีบประสานมือคารวะ “ท่านอ๋องทรงพระเจริญพ่ะย่ะค่ะ!!”

จวนเจ้าเมืองยังมีระเบียบเหมือนตอนที่ฉินเหยียนจากไป เมื่อเหล่าหญิงรับใช้และทหารหัวกะทิได้ยินว่าอ๋องเหยียนกลับมาแล้ว ก็ดีใจกันอย่างมาก ต่างพากันทำความเคารพโดยมีผ้าม่านรถม้าคั้นอยู่

ส่วนฉินเหยียน ตอนนี้เขาอยากจะกลับไปพักผ่อนเพราะสงครามอันเหน็ดเหนื่อยจากเมื่อวานนี้ แต่ข่าวที่อ๋องเหยียนกลับมาแล้วก็ถูกกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ยังมีคนตีกลองตีฆ้องประกาศอยู่บนถนนด้วย

“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว! ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”

เมื่อเหล่าชาวเมืองได้รู้ว่าฉินเหยียนกลับมาแล้ว ก็รีบพากันไปที่จวนเจ้าเมือง แล้วล้อมจวนเอาไว้แน่นหนา แต่ละคนต่างแบกตะกร้าที่มีอาหารหลากหลายเอาไว้ เพื่อรอถวายให้อ๋องเหยียนทั้งหมด

จ้าวจีเอ๋อร์ชะเง้อหน้าออกไปมองแล้วเห็นชาวเมืองมากมาย นางจึงพูดว่า

“ชาวเมืองด้านนอกรอพบท่านอ๋องกันหมดเลยเพคะ”

ฉินเหยียนดึงหน้าแล้วนวดเอวแล้วพูดอย่างจนปัญญาว่า “ใช่ว่าข้าไม่อยากพบพวกเขา แต่ข้าปวดเอวจนยืนไม่ขึ้นแล้ว”

จ้าวจีเอ๋อร์พูดว่า “หากเหล่าชาวเมืองไม่ได้พบท่านอ๋องคงไม่มีทางจากไปแน่นอนเพคะ ออกไปพบพวกเขาเถิดเพคะ”

ฉินเหยียนจนปัญญาอย่างมาก จึงต้องเรียกวอมา เหล่าทหารหัวกะทิพร้อมใจกันยกวอที่ฉินเหยียนนั่งอยู่ขึ้น ยกฉินเหยียนออกมาหน้าประตูใหญ่

สองล้านไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆเลย เห็นได้ชัดว่ามันเหนือความคาดหมายของฉินเหยียน ขณะที่ตรวจดูบุคลากรที่บันทึกไว้ เขาก็ถามขึ้นว่า “ประชากรมีการกระจายตัวอย่างไรบ้าง เมืองใหม่มีพื้นที่เพียงพอรึไม่?”

ผู้ดูแลตรอกทั้งแปดพูดต่อว่า “การจะช่วยให้พวกเขารอดไม่ใช่ปัญหาพ่ะย่ะค่ะ สามารถเปิดพื้นที่รกร้างเพื่อให้พวกเขาทำการเกษตร เพื่อเลี้ยงดูตนเองต่อไปโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินพ่ะย่ะค่ะ”

ช่างรายงานว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ความสูงของอาคารโดยพื้นฐานอยู่ที่สี่ถึงห้าชั้น อาคารที่สูงที่สุดนั้นคือศูนย์การค้าที่สร้างขึ้นใหม่พ่ะย่ะค่ะ มีความสูงถึงเจ็ดชั้นพ่ะย่ะค่ะ”

“ด้วยคำสั่งของอ๋องเหยียนก่อนหน้าที่ ชั้นแรกคือศูนย์การค้า จะขายเสบียงอาหาร ชั้นสองคือสินค้าทั่วไป ชั้นสามคือผ้าและเสื้อผ้าต่างๆ ชั้นสี่คือ......”

“ชั้นที่เจ็ดคือที่ที่พ่อค้าขายสินค้าฟุ่มเฟือย ยิ่งสูงมากเท่าไรสินค้าก็จะยิ่งราคาแพง สินค้าเกือบทั้งหมดสามารถซื้อได้ในศูนย์การค้าได้”

ฉินเหยียนเข้าใจคร่าวๆแล้ว จึงได้พูดว่า “ดูท่าว่าพี่ใหญ่ของข้าจะดูแลเมืองใหม่ได้ดีเลยนะ”

ผู้ดูแลตรอกทั้งแปดประสานมือคารวะแล้วพูดว่า “องค์ชายใหญ่ถือเป็นที่รักของเหล่าชาวเมือง แต่ก็เทียบกับพระองค์ไม่ได้เลยแม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรชีวิตที่สันติสุขที่เหล่าชาวเมืองได้มีในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะท่านอ๋องทั้งนั้น ที่พาเหล่าชาวเมืองสร้างมันขึ้นมากับมือพ่ะย่ะค่ะ”

เอาใจเขามาใส่ใจเรา ชาวเมืองมีชีวิตที่ดี ฉินเหยียนเองก็มีความสุข เขาถามต่อว่า

“อีกไม่นานก็ถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ต้องส่งคนไปเข้าร่วมเสียแล้ว เมืองใหม่มีผู้มีความสามารถใหม่ๆบ้างรึไม่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์