องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 492

สีหน้าของไท่ฟู่นั้นแสดงความรู้สึกออกมามากมาย แม้แต่ตอนนี้เขายังไม่เข้าใจว่าฉินเหยียนได้วางกับดักขนาดใหญ่เช่นนี้ไว้รอบตัวเขาได้อย่างไร

สายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและพูดออกมาด้วยความโกรธ

“ข้าไม่เข้าใจ เจ้าเริ่มวางแผนนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไร?”

ฉินเหยียนโน้มตัวไปข้างหน้า แสดงท่าทีที่ไม่อาจเดาได้

“แผนนี้ นับตั้งแต่วันที่เจ้าใส่ร้ายข้า กำหนดไว้ว่าเจ้าต้องสูญเสียทุกอย่าง”

“เจ้าโจมตีเขตปกครองเมืองทั้งสิบหกของเยี่ยนหยุน ข้าถูกขังอยู่ในจงเหรินฝู แต่ความจริงแล้วข้าใช้เวลาทั้งหมดสามเดือนในการกำจัดตระกูลซ่ง”

ไท่ฟู่ขมวดคิ้วอย่างหนัก

“เป็นไปไม่ได้!”

“ตระกูลซ่งของข้าถูกกวาดล้าง อีกทั้งยังถูกโจมตีถึงขนาดนี้ แต่ข้ากลับไม่ได้รับข่าวสารใดๆ เลยได้อย่างไรกัน!”

ฉินเหยียนเยาะเย้ย

“นี่ก็แค่เรื่องง่ายๆ ข้าสกัดจดหมายของเจ้าทุกช่องทาง ด้วยเหตุนี้ ทำให้จดหมายลับที่พวกเจ้าส่งถึงกันมาไม่ถึงเจ้า”

ไท่ฟู่ยังคงไม่เชื่อและปฏิเสธเสียงแข็ง

“เป็นไปไม่ได้! ในช่วงระยะเวลาสามเดือน ข้าได้รับจดหมายลับจากตระกูลตลอด!”

ฉินเหยียนยิ้มอย่างน่ากลัวและพูดว่า

“แน่นอนว่าเจ้าต้องได้รับ เพราะรายงานข่าวล้วนเป็นข่าวเท็จที่ข้าส่งให้เจ้าน่ะสิ”

ประโยคนี้ทำให้ไท่ฟู่ถึงกับพูดไม่ออก แต่เขายังไม่ยอมรับคามพ่ายแพ้และสาปแช่งเสียงดัง

“ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้ากล้าดีอย่างไรมาแก้แค้นข้า!”

ฉินเหยียนพูดต่อ

“ใครแก้แค้นใครกันแน่?”

“ตระกูลซ่งของเจ้ากล้าควบคุมทั้งเขตจังหวัดซุ่นชิ่ง อีกทั้งยังกล้าซ่อนชุดเกราะไว้เป็นจำนวนมาก ถ้าข้าไม่เข้าไปค้นจวนของเจ้า ข้าคงไม่ค้นพบหลักฐานในการก่อกบฎใดๆ”

“ข้าแค่ใช้กลอุบาย สร้างสถานการณ์ ส่งไส้ศึกเข้ามาแฝงตัว ยึดไพ่ไม้ตายของเจ้า เจ้าคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง”

“ไท่ฟู่เจ้าเป็นคนมีไหวพริบ เจ้าระมัดระวังตัวมาโดยตลอด เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าเจ้ามาถึงจุดนี้?”

“อ้อ ใช่ ข้าเกือบลืมบอกเจ้าว่าตอนนี้ที่เขตจังหวัดซุ่นขิ่งไม่มีตระกูลซ่งอีกต่อไปแล้ว หลุมศพของบรรพบุรุษตระกูลซ่งถูกเผาจนมอดไหม้ ผู้นำอาวุโสของตระกูลซ่งหายตัวไป คงต้องทนทุกข์อยู่กับความอับอายไปอีกหลายพันปีเลยทีเดียว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไท่ฟู่รู้สึกว่าหัวใจเขาเต้นรัว ตระกูลซ่งถูกฉินเหยียนทำลายโดยไม่รู้ตัว

เขาทรุดลงไปกับพื้น รู้สึกไร้เรี่ยวแรง พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า

“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อพบเบาะแสแล้ว เหตุใดถึงไม่ลงโทษข้า? เหตุใดเจ้าถึงยังปล่อยให้ข้าได้โจมตีอาณาจักรจ้าว?”

ฉินเหยียนพูดอย่างเย็นชา

“ถ้าอยากให้ทุกอย่างพินาศ ต้องให้อีกฝ่ายอาละวาดเสียก่อน!”

“จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างเจ้า จะไม่ยอมรับความผิดจนกว่าจะถูกจับได้คาหนังคาเขา”

“ดังนั้นข้าจึงวางแผนดังเช่นที่เกิดขึ้นในเมืองอวิ๋นเฉิง เพื่อให้กองทัพฉินต้องทนทุกข์กับการต่อสู้ที่น่าสิ้นหวัง การต่อสู้ล่วงเลยเป็นเวลาสามเดือน จุดประสงค์นี้ก็เพื่อให้เจ้าตะครุบเหยื่อที่ข้าปล่อยและเผยธาตุแท้ที่แท้จริงของเจ้าออกมา!”

เมื่อแผนการทั้งหมดถูกเปิดเผยหน้าต่อไท่ฟู่ สีหน้าของเขานั้นตกตะลึงจนถึงขึ้นพูดไม่ออก

สือเหล่ยรู้สึกว่าว่าด้านที่ไม่ธรรมดาของอ๋องเหยียนนั้นทำให้เขาประทับใจมาก

ในขณะนี้ แม้แต่ทหารกองทัพส่วนตัวของตระกูลขุนนางเองยังประทับใจในแผนการและการโจมตีของอ๋องเหยียน ความตื่นตะลึงในใจยังทำให้ใจเขาเต้นรัวอยู่

ในทางกลับกัน ต้าหย่งมีสีหน้าภาคภูมิใจ เขาติดตามอ๋องเหยียนมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะไม่เข้าใจวิธีการของอ๋องเหยียนมากนัก แต่เขารู้ว่า

อ๋องเหยียนคือพระเจ้า! พระเจ้าที่ทำได้ทุกอย่าง!

ละครฉากนี้จบลงแล้ว

หมากตัวเดียวล้มลง ก็แพ้ทั้งกระดาน

ไท่ฟู่ตกตะลึง ดวงตาเขาเบิกกว้าง และยังคงพึมพำกับตนเอง

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ข้าพ่ายแพ้เช่นนี้หรือ”

ฉินเหยียนเอาสองมือไพล่หลัง มองอย่างเหยียดหยาม และแสร้งทำทีเป็นคนโง่

“หลังจากละครฉากนี้จบลง ข้าจะส่งเจ้ากลับเมืองหลวง รอฟังตัดสินเจ้าเสด็จพ่อข้าได้เลย”

หลังจากพูดเช่นนี้ เขาไม่ได้มองไปที่ไท่ฟู่อีก และสั่งว่า

“พาตัวไป!”

“รับทราบ!”

องครักษ์เงาก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อนำตัวไท่ฟู่ไป

“ข้ายังไม่แพ้ ข้ายังมีแผนสำรอง ฉินเหยียน ไอ้เด็กหน้าไม่อาย เจ้าสมควรตาย ข้าจะลากเจ้าลงไปฝังพร้อมกับตระกูลของข้า...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์