องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 514

บริกรร้านอาหารยืนอยู่หน้าร้าน เขาเอามือเท้าสะเอวแล้วพูดอย่างมั่นใจว่า

“ถุย อย่างเจ้าเนี่ยนะยังบังอาจเรียกว่าราชวงศ์อีก ราชวงศ์นั้นยิ่งใหญ่ เจ้าก็แค่ขอทาน ยังคิดจะกล่าวอ้างราชวงศ์มากินอาหาร อยากตายรึไง! ถ้าเจ้ายังบังอาจพูดจาโอหัง ข้าจะแจ้งจับเจ้า ทำให้เจ้าต้องไปกินอาหารคุกไปตลอดชีวิต! ไสหัวไป!”

“ใครจะอยากกินข้าวของเจ้า!” องค์ชายแปดฉินอู่นั่งยองๆ อยู่บนถนนแล้วด่าทอ

หากเป็นเมื่อก่อนฉินอู่ไม่มีทางแยแสร้านอาหารเล็กๆเช่นนี้แน่นอน หากจะเชิญเขาไปทานได้จะต้องเป็นร้านหรูที่มีเกียรติทั้งนั้น อย่าว่าแต่อาหารในชีวิตประจำวันเลย ต่อให้เขาอยากจะทานอาหารมื้อใหญ่ ก็จะมีคนเอามาถวายถึงที่ให้

แต่ตอนนี้แค่บริกรร้านอาหารก็ยังกล้าตะคอกด่าทอเขา เสือร่วงสู่พื้นราบ ตกอับแล้วถูกผู้น้อยเหยียดหยามชัดๆ ความโศกเศร้านับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามา จนทำให้ฉินอู่รู้สึกว่าแม้กระทั่งลมที่พัดมายังนั้น ยิ่งทำให้โศกเศร้ามากกว่าเดิม

หยางจิ่นซิ่วผู้เป็นหัวหน้าองครักษ์ขี่ม้าสูงใหญ่เดินตามขบวน นางเห็นองค์ชายแปดที่นั่งอยู่ข้างถนนแล้วรีบมาหน้ารถม้าแล้วพูดเตือนฉินเหยียนโดยมีผ้าม่านหน้าต่างกั้นอยู่

“ขอทานบนถนนคนนี้ คล้ายว่าจะเป็นเอียนอ๋องที่แปดฉินอู่นะเพคะ”

ฉินเหยียนเปิดผ้าม่านออกอย่างประหลาดใจแล้วตั้งใจมอง

“โอ้ เป็นพี่แปดของข้าจริงๆด้วย พี่แปด มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

ฉินอู่ที่กำลังโศกเศร้ากับความลำบาก เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็รีบเงยหน้าขึ้นทันที เมื่อเห็นฉินเหยียนแล้ว ความรู้สึกมากมายก็ถาโถมเข้ามา ไม่อาจเก็บความโศกเศร้าได้อีกต่อไป เขาน้ำตาไหลพรากแล้วพูดไปร้องไห้ไปว่า

“เจ้าสิบสี่ ฮือๆ......”

ลูกผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นถึงเอียนอ๋องที่แปด กำลังร้องไห้อย่างหนักราวกับเด็กน้อยบนถนน เขาร้องไห้ไปด้วยแล้ววิ่งเข้าไปหาฉินเหยียนไปด้วย กลิ่นเหม็นเปรี้ยวนั้นไม่มีใครทนได้เลย

ฉินเหยียนรีบปิดจมูกแล้วพูดว่า “เดี๋ยวก่อน พี่แปด ท่านเหม็นเกินไปแล้ว!”

ฉินอู่ไม่สนภาพลักษณ์อีกต่อไป เขาร้องอย่างโศกเศร้าต่อหน้าฉินเหยียนแล้วพูดว่า

“เจ้าสิบสี่ เจ้ารู้รึไม่ว่าหลายวันมานี้ข้าผ่านมันมาได้อย่างไร?”

ฉินเหยียนมองเขาอย่างสงสัยเล็กน้อยแล้วถามว่า “พี่แปด ท่านกลับเมืองหนานเฉิงก่อนแล้วไม่ใช่รึ เหตุใดจึงมีสภาพเช่นนี้?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยิ่งทำให้ฉินอู่โศกเศร้ากว่าเดิม

“หลังจากที่ข้าถูกช่วยออกมาก็ได้ข่าวว่าท่านแม่ถูกปลด จึงอยากจะกลับเมืองหนานเฉิงหาข่าว แต่พอถึงหนานเฉิงแล้ว ก็ได้ยินว่าตระกูลของท่านแม่ถูกพวกสารเลวกวาดล้างจนสิ้นซาก ไม่เหลือรอดเลยสักคนเดียว!”

“เมื่อชาวเมืองหนานเฉิงเห็นข้า ก็พากันวิ่งไล่ทุบตีข้ากันทันที ข้าจนปัญญาแล้วจริงๆ และไม่มีเงินติดตัวเลย แถมยังไม่มีค่าเดินทางกลับเมืองหลวงด้วย ดังนั้นข้าจึงต้องคอยขอทานไปทั้งทาง ฮือๆ ข้าลำบากมากเลย!”

ฉินอู่ยิ่งพูดก็ยิ่งเสียใจ อย่างไรเขาก็เป็นองค์ชาย กลับมีสภาพเช่นนี้ได้ก็คงลำบากเขาเกินไปแล้ว

ฉินเหยียนกระแอม อย่างไรคนของตระกูลพี่แปด เขาก็เป็นคนพาจ้าวจีเอ๋อร์กวาดล้างเอง จึงได้เปลี่ยนเรื่องแล้วพูดว่า

ผ่านไปสามวัน

ฉินเหยียนและทุกคนได้มาถึงเมืองใหม่อย่างราบรื่น ทันทีที่เข้าเมืองมาทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับทิวทัศน์ทันที แม้ว่าไท่ฟู่จะเคยเห็นความยิ่งใหญ่ของเมืองใหม่มาก่อนแล้ว แต่เมื่อได้เห็นอีกครั้งก็ยังคงเปิดโลกทัศน์เขาเช่นเดิม

อาคารสูงมากมาย เมืองใหม่มีขนาดใหญ่กว่าเมืองหลวงหลายๆเมืองอีก ถนนและตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยรถม้ามากมาย ทุกหลังคาข้างถนน โดยพื้นฐานจะมีความสูงเจ็ดถึงแปดชั้น

หากเปรียบเทียบกับอาคารที่สูงที่สุดในเมืองหลวง หลังคาเรือนทั่วไปก็เทียบเท่ากับตำหนักของพระญาติ ทั้งหรูหรา ยิ่งใหญ่และน่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก!

หยางจิ่นซิ่วอ้าปากกว้างแล้วพูดว่า “โอ้โห ตอนนี้เมืองใหม่รุ่งโรจน์มากขนาดนี้แล้วรึ!”

ฉินเหยียนพูดอย่างภูมิใจว่า “เปิดโลกทัศน์เลยละสิ? นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ในอนาคตมีเรื่องที่เหนือความคาดหมายมากกว่านี้อีก”

ฉินเหยียนเดินไปแล้วแนะนำไปว่า “ในอนาคตจะมีการเปิดเรียนมหาวิทยาลัย สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนการค้นคว้าให้แก่เหล่านักเรียนฟรี”

หยางจิ่นซิ่วไม่ค่อยจะสนใจเรื่องอื่นมากนัก นางจดจำถังหูลู่ของเมืองใหม่ไม่ลืมเพียงอย่างเดียว นางพูดเสียงเบาว่า

“เมื่อถึงจวนเจ้าเมืองแล้ว ซื้อถังหูลู่ให้ข้าสิบไม้นะ ข้าจะทานให้พอใจเลย!”

ฉินเหยียนหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “วางใจเถิด พอแน่นอน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์