ฉินเหยียนและทุกคนได้เดินทางมาถึงด่านถงกวาน เมื่อแลกเตี๊ยบบุ๊งเรียบร้อยแล้วก็ได้พาฮ่องเต้ฉินมายังเวิ่งเฉิง
ฉินเหยียนพาฮ่องเต้ฉินมายังบนกำแพงเมืองแล้วมองต่ำไปยังในเมือง และพบว่าในเมืองเวิ่งเฉิงที่ใหญ่หลวงนี้กลับไม่มีอาคารบ้านเรือนเลยสักหลัง มีแต่พ่อค้าเต็มไปหมด ตั้งแผงขายของริมถนนและหาบเร่ไปตามถนน
ฮ่องเต้ฉินถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “เมืองที่ใหญ่เพียงนี้ เหตุใดจึงไม่มีอาคารบ้านเรือนเลย? แล้วคนพวกนี้มารวมตัวกันทำไมรึ?”
ฉินเหยียนอธิบายอย่างใจเย็นว่า “เมืองนี้มีชื่อว่าเวิ่งเฉิงพ่ะย่ะค่ะ สาเหตุแรกที่สร้างมันขึ้นมาก็เพื่อต้านการโจมตีของอาณาจักรจ้าว แต่ตอนนี้อาณาจักรจ้าวได้กลายเป็นของอาณาจักรฉินแล้ว เวิ่งเฉิงจึงไม่มีประโยชน์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดังนั้นตอนนี้เวิ่งเฉิงแห่งนี้ถูกลูกแก้ไขให้เป็นตลาดนัด ไม่ว่าพ่อค้าที่ไหน ตราบใดที่จ่ายค่าเข้าเมืองก็จะสามารถทำการค้าขายที่นี่ได้อย่างอิสระ เมื่อเป็นเช่นนี้อาณาจักรฉินก็จะนำสินค้าที่มีเฉพาะเราขายให้แก่อาณาจักรอื่น และสามารถซื้อสินค้าของอาณาจักรอื่นได้ที่นี่ด้วย สะดวกอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ฟังการแนะนำของเจ้าสิบสี่แล้วฮ่องเต้ฉินก็พูดอย่างอดใจไม่ไหวว่า “ข้าจะลงไปดูเสียหน่อย”
ฉินเหยียนตอบตกลงทันที “ลูกจะพาไปดูเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
สองพ่อลูกลงมาถึงแล้วก็เดินผ่านแผงขายของต่างๆในเวิ่งเฉิง ที่นี่มีผ้าลายปักของอาณาจักรจ้าว มีผลไม้ที่มาจากหนานเยว่ มีเกลือทะเลเฉพาะของอาณาจักรหลู่ มีสินค้าทางทะเลที่อาณาจักรอู๋จับมา มีของมากมาย และขนมพื้นบ้านหลากหลายชนิด
กล่าวได้ว่าสินค้าเฉพาะของแต่ละที่สามารถซื้อได้ที่เวิ่งเฉิงทั้งหมดเลยก็ว่าได้ มีสินค้าทุกอย่าง
ฮ่องเต้ฉินยังคงมองอะไรก็แปลกใหม่ไปหมด เขาชี้ไปยังของที่คล้ายโอ่งที่สูงราวหนึ่งเมตรที่ทำจากอิฐดิน ด้านบนมีแป้งวางอยู่ แล้วถามขึ้นอย่างสงสัยว่า
“นี่คืออะไร?”
ฉินเหยียนแนะนำว่า “นี่เรียกว่าขนมปังนานพ่ะย่ะค่ะ เป็นของกินพื้นบ้านที่โด่งดังของอาณาจักรเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ ขั้นตอนการผลิตก็มีความเฉพาะเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ อุปกรณ์ที่ใช้ทำขนมปังนานที่ท่านเห็นเรียกว่าทันดูร์พ่ะย่ะค่ะ มันคล้ายกับโอ่งใส่น้ำกลับหัว มักทำด้วยขนสัตว์และดินเหนียว สูงประมาณหนึ่งเมตร ช่วงกลางใหญ่ ช่วงปากเล็ก”
“ก่อนอบแป้งนานให้เผาถ่านหรือถ่านหินที่ก้นหลุมก่อน เมื่อไฟลุกแล้วผนังของมันก็จะร้อนจัด คราวนี้ก็นำแป้งที่รีดเรียบร้อยแล้วไปแปะตรงผนัง ไม่เกินสิบห้านาทีก็จะสุกพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเหยียนพูดไปแล้วก็ยื่นเงินสองอีแปะให้แก่พ่อค้า เพื่อซื้อแป้งนานมาหนึ่งชิ้น จากนั้นก็ยื่นให้ฮ่องเต้ฉินแล้วพูดว่า
“เพราะถูกอบจนแห้ง ต่อให้จะเก็บไว้เป็นเวลานานก็จะไม่เน่าเสีย เหมาะสำหรับพ่อค้าที่ต้องเดินทางระยะยาว มันเหนียวและหนึบมาก ยิ่งเคี้ยว ยิ่งมีกลิ่นหอม ลองดูสิพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ฉินรับแป้งนานมาแล้วกัดคำโตๆอย่างลำบาก ฟันแทบจะหลุด เขาเคี้ยวอย่างลำบากแล้วพูดว่า
“รสชาติไม่เลวเลย แต่ทานลำบากไปหน่อย”
ฮ่องเต้ฉินหยิบเค้กข้าวขึ้นมาทานหนึ่งชิ้น มีกลิ่นหอมของข้าวจางๆ และมีรสหวานเล็กน้อย เป็นเนื้อสัมผัสที่ไม่เคยทานมาก่อนเลย “รสชาติไม่เลวเลย”
หลังจากนั้นฉินเหยียนก็พาฮ่องเต้ฉินไปลิ้มลองปลาย่าง หมึกย่าง หอยย่างที่เป็นอาหารพื้นบ้านของอาณาจักรหลู่ ฮ่องเต้ฉินเห็นแมลงประหลาดแปดขาที่เดินแนวแนวนอนจึงได้ถามขึ้นอย่างสงสัยว่า
“เหยียนเอ๋อร์ เจ้าสิ่งนี้ช่างมีรูปร่างที่น่าประหลาดยิ่งนัก มันคืออะไร?”
ฉินเหยียนพูดยิ้มแย้มว่า “นี่เรียกว่าปูพ่ะย่ะค่ะ สามารถเสวยได้เช่นกัน”
ฮ่องเต้ฉินพูดอย่างประหลาดใจกว่าเดิมว่า “นี่เป็นของกินเหมือนกันรึ แล้วมันทานอย่างไร?”
“จะต้มหรือนึ่งก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เมื่อสุกแล้วมันจะกลายเป็นสีแดง ไข่ปูรสชาติสดอร่อย เนื้อปูเองก็รสเลิศอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ฉินมองปูแล้วพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ได้รู้อะไรใหม่ๆแล้ว”
เมื่อเดินเที่ยวชมเวิ่งเฉิงรอบหนึ่งแล้วฮ่องเต้ฉินก็ตั้งใจเลือกปิ่นปักผมที่เป็นที่นิยมของแต่ละอาณาจักรให้กับฉีเยี่ยนเอ๋อร์ เมื่อได้ซื้อของมามากมายแล้ว ฉินเหยียนและทุกคนก็ได้เดินทางไปยังเขตปกครองสิบหกเขตแห่งเยี่ยนหยุน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...