องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 662

การเจรจายืดยาวต่อไปครึ่งเดือน

ไม่ว่าอาณาจักรใดมาเข้าเฝ้าพูดโน้มน้าวแค่ไหน จ้าวจีเอ๋อร์ก็ยังคงไม่ตัดสินใจให้ยืมเส้นทางรึไม่ ทูตทั้งสี่อาณาจักรต่างก็วิตกกังวลอย่างมาก และเพิ่มผลประโยชน์มากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นจ้าวจีเอ๋อร์ก็ยังคงไม่ยอมตอบตกลง นางเห็นว่าถึงเวลาแล้วจึงได้เรียกทูตอาณาจักรเยี่ยน อาณาจักรอู๋และอาณาจักรเยว่มา แล้วพูดอย่างไม่เกรงใจว่า

“สัจจะที่พวกเจ้าให้แก่ข้า จะพูดอย่างเดียวได้อย่างไร อย่างไรอาศัยแต่ลมปากพูด แล้วหากพวกเจ้าเกิดกลับคำขึ้นมา ข้าจะทำอย่างไรเล่า?”

แม่ทัพอาณาจักรเยี่ยนกัวฮวายประสานมือคารวะพูดขึ้นก่อนว่า “ฝ่าบาท อาณาจักรเยี่ยนนั้นหนึ่งวาจาหนักดุจติ่งทองเก้าชั้น ในเมื่อได้กล่าวออกไปแล้ว แม้ใช้ม้าถึงสี่ตัวก็ยากจะตามกลับคืน ไม่มีทางกลับคำแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

อวี๋จื่อหมิงแห่งอาณาจักรอู๋เองก็ไม่ยอม เขารีบประสานมือคารวะพูดว่า “กระหม่อมยินดีทำหนังสือสัญญา ไม่กลับคำแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

ทูตแห่งอาณาจักรเยว่เองก็พูดสมทบว่า “อาณาจักรเยว่เองก็ไม่มีทางกลับคำแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

จ้าวจีเอ๋อร์กวาดตามองทั้งสามคนอย่างเย็นชา ไม่ว่าจะเป็นการรับปากหรือหนังสือสัญญาก็ล้วนเป็นเท็จ หากอีกฝ่ายไม่ยอมรับขึ้นมาฝ่ายที่เสียเปรียบก็คืออาณาจักรจ้าว ดังนั้นหากยังไม่พบเครื่องบรรณาการ นางก็ไม่ยอมตกลง

จ้าวจีเอ๋อร์ยิ้มบางๆแล้วเสนอว่า “เช่นนี้เป็นอย่างไร พวกเจ้าไปนำของมาให้ข้าก่อน ข้าต้องการเห็นความจริงใจของพวกเจ้า จากนั้นเราค่อยมาเจรจาเรื่องจะให้ยืมรึไม่อย่างละเอียด คิดว่าอย่างไรบ้าง?””

เมื่อพูดเช่นนั้นแล้วทั้งสามก็พูดไม่ออก ฮ่องเต้หญิงเรียกร้องต้องการผลประโยชน์ต่อหน้าพวกเขาทั้งสามสูงจริงๆ! แต่หากจะคลี่คลายสถานการณ์ในตอนนี้ ก็ต้องคว้าเส้นทางอาณาจักรจ้าวมาให้ได้

ทั้งสามประสานมือคารวะแล้วพูดพร้อมเพรียงกันว่า “ตามพระประสงค์ของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

จ้าวจีเอ๋อร์แสดงสีหน้าดีใจ แล้วพูดเสียงดังว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าก็คงต้องรีบแล้วล่ะ ใครมาก่อนก็ได้ก่อน ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องตกลงคำร้องขอของอาณาจักรหลู่แล้ว”

อาณาจักรเยี่ยน อาณาจักรอู๋และอาณาจักรเยว่รีบเตรียมรถม้าแล้วจำใจกลับไปยังอาณาจักรของตนเองอย่างรวดเร็ว

เมื่อให้พวกทูตกลับไปแล้วจ้าวหรงจีก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ท่านพี่ แผนของท่านช่างร้ายกาจจริงๆ!”

จ้าวจีเอ๋อร์ยิ้มแย้ม “ข้าได้วิชามาจากพี่เขยของเจ้าทั้งนั้น”

ต่อให้จ้าวหรงจีจะไม่ชอบพี่เขยคนนี้เลย แต่เขาก็รู้สึกนับถืออย่างใจจริง และแสร้งทำเป็นพูดอย่างดูถูกว่า

“ก็มีแต่เขาเท่านั้นที่จะคิดแผนไม่เข้าท่าเช่นนี้ได้!”

......

ในช่วงเจรจาครึ่งเดือนฉินเหยียนไม่เคยปรากฏเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เขาได้วางกรอบดักทั้งสี่อาณาจักรไว้นานแล้ว บัดนี้สงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว แผนการก็ได้เริ่มดำเนินการอย่างสมบูรณ์แล้ว

จ้าวหรงจีพูดอย่างดูถูกว่า “เสบียงไม่มีก็แค่ปลูก ข้าไม่เชื่อหรอกนะว่าพวกมันจะโง่ปล่อยให้ตนเองหิวตาย”

ฉินเหยียนรู้ว่าเขาไม่พอใจอยูลึกๆ จึงได้พูดว่า “ที่เจ้ากล่าวมาก็ถูก ไม่มีใครโง่รอให้ตนเองหิวตาย แต่หากข้ากวาดซื้อเสบียงอาหารสามปีของพวกเขาล่ะ? พวกเขาจะสามารถอดทนต่อความหิวระยะสามปีได้รึไม่?”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วทุกคนก็มึนงงกันไปหมด

ฉินเหยียนพูดต่อว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้สั่งให้คนไปตรวจสอบหลายครั้ง และได้กวาดซื้อเสบียงจากชาวนาผู้เช่าและเจ้าของที่ในทั้งสามอาณาจักรแล้ว และได้ทำการซื้อขายล่วงหน้า ซื้อเสบียงทุกอย่างของทั้งสามอาณาจักรในระยะเวลาสามปี”

จ้าวจีเอ๋อร์ถามอย่างมึนงงว่า “สิ่งใดคือซื้อขายล่วงหน้าเพคะ?”

ฉินเหยียนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “ยกตัวอย่างเช่นเจ้าและข้า ตอนนี้เจ้าคือชาวนาผู้เช่า ข้าคือวิสาหกิจ ข้าได้ไปกวาดซื้อผลผลิตของเจ้าตั้งแต่ผลผลิตยังไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ เราทั้งสองได้ตกลงราคากันไว้ และราคานี้จะได้สูงกว่าปกติที่เจ้าได้อย่างแน่นอน”

“โดยจะเป็นการซื้อขายระยะเวลาสามปีในคราวเดียว ไม่ว่าเจ้าจะได้ผลผลิตเท่าไร ไม่ว่าจะขาดทุนหรือได้กำไรข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด และจ่ายผลตอบแทนให้เจ้าตามที่ได้ตกลงกับเจ้าเอาไว้”

“ข้าจะจ่ายผลตอบแทนให้เจ้าก่อน อีกทั้งยังจ่ายด้วยแจกันแก้วที่มีค่าที่สุดในท้องตลาดให้แก่เจ้า และด้วยเช่นนี้ข้าก็ได้ซื้อผลผลิตในระยะสามปีของเจ้าทั้งหมด ส่วนเจ้าก็ได้รับแจกันแก้วที่ล้ำค่า”

“ผลผลิตของเจ้าของที่ทั้งหมดในระยะสามปีนี้จะเป็นของวิสาหกิจทั้งหมด ก่อนที่จะมีสงครามเกิดขึ้น หากเจ้าเป็นเจ้าของที่ และมีการซื้อขายที่ได้ผลประโยชน์มากมายเช่นนี้ เป็นเจ้าจะปฏิเสธรึไม่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์