คำพูดเหล่านี้ของฮ่องเต้เยว่นั้นมาจากใจ ไม่มีมาดของฮ่องเต้เลย เขาร้องไห้ต่อหน้าของจ้าวจีเอ๋อร์ เขาสามารถกราบกรานขอร้องเพื่อชาวเมืองโดยไม่สนฐานะของตนเอง จ้าวจีเอ๋อร์เห็นแก่ความจริงใจของฮ่องเต้เยว่จึงได้ตอบตกลงอย่างลำบากใจว่า
“ฮ่องเต้เยว่ทำเพื่อชาวเมืองอย่างใจจริงเช่นนี้ ข้านับถืออย่างมาก ข้าตกลงจะช่วยให้อาณาจักรเยว่ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไป และจะไปส่งสารต่ออาณาจักรฉินทันที”
เมื่อฮ่องเต้เยว่ได้ยินว่าจ้าวจีเอ๋อร์ตอบตกลงยอมช่วยแล้ว ดวงตาของเขาก็เป็นประกายทันที จึงได้ประสานมือคารวะพูดอย่างซาบซึ้งใจว่า
“ขอบพระทัยในความช่วยเหลือของฮ่องเต้หญิง รถสมบัติมากมายนอกตำหนักเป็นคำขอบคุณ เมื่อชาวเมืองอาณาจักรเยว่ได้รับความสันติสุขแล้ว ข้าจะนำเครื่องบรรณาการมาถวายให้อย่างงาม ขอตัวก่อน!”
ฮ่องเต้เยว่รีบเดินทางกลับอาณาจักรเยว่ด้วยสีหน้าที่ดีใจ
เมื่อจ้าวจีเอ๋อร์เลิกพระราชสำนักแล้วก็รีบไปเข้าเฝ้าฉินเหยียนทันที นางได้พูดเป้าหมายที่ฮ่องเต้เยว่มาเยือนทั้งหมด ฉินเหยียนหลุดหัวเราะแล้วพูดว่า
“ข้ารู้จักฮ่องเต้เยว่ เขาเป็นคนที่หน้าไหว้หลังหลอก หากไม่จัดการเขาขั้นเด็ดขาดในยามที่เขาลำบาก อนาคตหากเขามีอำนาจขึ้นมา เขาจะกลับมาแว้งกัดเจ้าอย่างสาหัส ดังนั้นการต่อกรกับสุนัขบ้าเช่นนี้มีแต่ต้องทำให้เด็ดขาดเท่านั้น ทำให้เขาไม่มีโอกาสอะไรทั้งนั้นอีก”
จ้าวจีเอ๋อร์ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ดังนั้นท่านอ๋องหมายความว่า?”
ฉินเหยียนนั่งลงแล้วเปิดเครื่องเขียน เขาถือพู่กันแล้วเขียนพร้อมพูดไปด้วยว่า
“กระจายคำสั่งของข้า ให้วิสาหกิจอาณาจักรเยว่เปิดคลังเสบียง โดยขายในราคาหนึ่งตำลึงต่อข้าวสารหนึ่งถัง”
“เพคะ!”
ต้าหย่งรับจดหมายของฉินเหยียนมาแล้วรีบส่งจดหมายนกพิราบไปยังอาณาจักรเยว่
......
เมื่อวิสาหกิจในอาณาจักรเยว่ได้รับข่าวแล้วก็เปิดคลังเสบียงทันที คนจากวิสาหกิจย้ายข้าวหลายกระสอบไปไว้ตรงถนน จากนั้นก็ตีฆ้องตะโกนว่า
“เปิดคลังเสบียง เปิดคลังเสบียงแล้ว!”
เหล่าชาวเมืองที่หิวโหยกันเมื่อได้ยินว่าวิสาหกิจเปิดคลังเสบียงก็ต่างล้อมเข้ามาทันที แต่เมื่อเหล่าชาวเมืองเห็นประกาศที่หน้าประตูของวิสาหกิจแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป
วิสาหกิจได้เปลี่ยนราคาจากข้าวสารหนึ่งถังสิบอีแปะ เป็นข้าวสารหนึ่งถังหนึ่งตำลึง และแปดร้อยอีแปะสามารถแลกได้เพียงหนึ่งตำลึง นี่คือกำไรแปดสิบเท่าเลย
ชาวเมืองในพื้นที่และเหล่าชาวนาต่างก็โกรธเกรี้ยวและด่าทอว่า
“เสียสติไปแล้วรึไง! ข้าวสารหนึ่งถังหนึ่งตำลึง มันต่างอะไรจากพวกเจ้าปล้นเงิน!”
“พวกเจ้าปล้นชิงกันชัดๆเลยไม่ใช่รึไง! ไม่อยากจะพวกข้ามีข้าวกินกันก็พูดตรงๆ!”
“หยุดด่าได้แล้ว ถ้าด่าอีกก็ไม่มีข้าวกินจริงๆแล้ว!”
เหล่าชาวเมืองเห็นด้วยพร้อมเพรียงกันว่าเป็นจริงดังนั้น บางคนถึงขั้นรู้สึกผิดที่ด่าไปจนทำให้ราคาข้าวขึ้นสูงขนาดนี้ แต่บนโลกนี้ไม่มียาย้อนเวลา หากมีเวลามาผิดหวัง ก็รีบกลับไปเอาเงินมาซื้อข้าวจากวิสาหกิจจะดีกว่า และแล้วเหล่าชาวเมืองก็แยกย้ายกันไป ต่างก็กลับบ้านไปค้นเพื่อเตรียมเงินมาซื้อข้าวราคาสูง
......
ในขณะเดียวกัน
ฮ่องเต้เยว่กลับมายังอาณาจักรด้วยความดีใจ แต่สุดท้ายกลับพบว่ามีสาส์นกราบทูลว่าวิสาหกิจขึ้นราคาข้าวสูงหลายเท่า แถมยังให้ชาวเมืองไปนำเงินมาซื้อในราคาที่สูงด้วย ทำให้วิสาหกิจได้กำไรไปอย่างมหาศาลในวิกฤตครั้งนี้
เมื่อเห็นรายงานนี้แล้วฮ่องเต้เยว่ก็เดือดดาลอย่างมาก เขากัดฟันแน่น
ฮ่องเต้หญิงแห่งอาณาจักรจ้าวพูดว่าจะช่วยให้อาณาจักรเยว่ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ แถมยังรับทรัพย์สินไปมากมาย แต่สุดท้ายไม่คิดเลยว่าจะให้ชาวเมืองอาณาจักรเยว่มาซื้อข้าวสารในราคาสูงเช่นนี้
ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ปัญหาความหิวโหยไม่ถูกคลี่คลาย แถมเงินทองที่เหล่าชาวเมืองเก็บออมเอาไว้มาได้อย่างลำบากก็ต้องตกไปเป็นของวิสาหกิจจนหมด หากจะช่วยเช่นนี้ งั้นทรัพย์สินที่เขามอบให้ก็สูญเปล่า!
ดังคำกล่าวที่ว่าเสียชีพได้ แต่ไม่ยอมเสียศักดิ์ ฮ่องเต้เยว่ตบโต๊ะแล้วตะโกนออกคำสั่งอย่างเดือดดาลว่า
“ระดมกำลัง! ระดมกำลังเดี๋ยวนี้ วิสาหกิจฉวยโอกาสปล้นกันเช่นนี้ ข้าจะกวาดล้างวิสาหกิจให้สิ้นซาก! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...