องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 690

ฉินเหยียนเดินทางใช้เวลาสองวันสองคืน ในที่สุดก็ถึงอาณาจักรหลู่ เมืองอวิ้น

พวกเขาทั้งสี่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบบประชาชนคนธรรมดา ที่แต่งตัวเหมือนพวกพ่อค้า ปืน ธนูและลูกธนูถูกเก็บไว้ในกระเป๋า

ทั้งสี่ลงจากเรือและยืนในดินแดนอาณาจักรหลู่

มีคนเดินไปเดินมาที่ท่าเรือ ประชาชนทุกคนแต่งตัวธรรมดา แม้แต่นักปราชญ์ต่างสวมชุดยาวที่แสดงให้เห็นถึงความรู้

สามารถพบเห็นเด็กได้บนท้องถนนทุกสาย ต่างกำลังท่องบทกวีและอ่านหนังสือตามตรอกซอกซอย

ในโรงน้ำชาริมถนน มีคนนั่งเล่านิทานเต็มไปหมด

คนที่เดินมาต่างโค้งคำนับให้ซึ่งกันและกัน

นี่เป็นเมืองเล็กๆ ที่สร้างขึ้นริมฝั่งแม่น้ำในอาณาจักรหลู่ เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความรู้ แสดงให้เห็นว่ามรดกทางวัฒนธรรมของอาณาจักรหลู่นั้นอุดมสมบูรณ์เพียงใด

ฉินเหยียนถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว

“แม้ว่าข้ารู้อยู่แล้วว่าอาณาจักรหลู่ให้ความสำคัญกับวรรณกรรมและศิลปะการต่อสู้ แต่ข้าไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะมาถึงระดับนี้”

เขาหันหน้าไปหาเฉิงเซินแล้วพูดว่า

“เจ้าไปซื้อมามาสี่ตัว เมืองอวิ้นอยู่ไม่ไกลจากหลางหยา เราจะนั่งรถไปที่นั่น”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เฉิงเซินรับเงินที่อ๋องเหยียนมอบให้และที่ตลาดเพื่อซื้อม้า

หยางจิ่นซิ่วลูบท้องที่ร้องออกมาแล้วถามออกไปว่า

“จะได้กินข้าวเมื่อไหร่ ข้านั่งบนเรือจนเวียนหัวไปหมดแล้ว หากไม่ได้กินอีกข้าอดตายแน่”

หลังจากที่นางพูดเช่นนี้ ฉินเหยียนรู้สึกหิวเล้กน้อยและพูดว่า

“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเองก็หิวเช่นกัน พวกเราไปหาที่กินข้าวกันเถิด”

หลังจากที่เดินไปตามถนนในเมืองอวิ้นได้สักพัก ก็พบร้านอาหารใกล้ๆ มีลูกค้ามากมาย ทุกคนต่างนั่งคุยกันอย่างเพลิดเพลิน

ทันทีที่พวกเขาทั้งสามปรากฏตัวขึ้น ลูกค้าในร้านอาหารต่างมองไปที่เขาด้วยสายตาแปลกใจ บทสนทนาที่มีชีวิตชีวาเมื่อครู่ค่อยๆ เงียบลง

พวกเขาทั้งสามไม่สนใจสายตาของคนพวกนั้น เห็นที่นั่งตรงริมหน้าต่าง พวกเขาจึงรีบเข้าไปนั่งทันที พนักงานเข้ามาถามด้วยสายตารังเกียจ

“ร้านนี้ไม่รับลูกค้าผู้หญิง!”

ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมา หยางจิ่นซิ่วและเซี่ยชิงพลันอึ้งไป มีร้านอาหารที่ไล่ลูกค้าด้วยหรือ?

ฉินเหยียนถามอย่างอวดดีว่า

“หน้าร้านเจ้าไม่มีป้ายเขียนไว้เสียหน่อยว่าไม่รับลูกค้าผู้หญิง พวกนางทำอะไรผิด เหตุใดถึงไม่รับพวกนาง?”

“พวกคนต่างเมือง นี่คือกฎของอาณาจักรหลู่!”

พนักงานมองอย่างเหยียดหยามไปที่หยางจิ่นซิ่วและเซี่ยชิง

“ในอาณาจักรของเรา ผุ้หญิงควรอยู่แต่ในบ้าน ห้ามออกมาข้างนอก”

“ที่นี่เป็นร้านอาหาร ไม่ใช่ซ่อง หากพวกนางหิวต้องกลับไปกินที่บ้าน ที่ร้านไม่ต้อนรับนาง”

ฉินเหยียนสับสนหนักขึ้น ใครยั่วยุใครกันแน่?

ในเวลานี้ ลูกค้าที่มารับประทานอาหารต่างพากันมอง กระซิบกระซาบและพูดจานินทาเสียงดัง

“ชาวอาณาจักรจ้าวนี้ไม่มีกฎเกณฑ์เลยจริงๆ พาผู้หญิงออกมาเดินอวดนอกเมือง ไม่มีอารยธรรม”

“บางทีพวกเขาอาจจะเป็นโสเภณีที่หนีมาจากอาณาจักรจ้าวก็เป็นได้ ดูหน้าตาพวกเขาสิ น่ารังเกียจขนาดนี้ แถมดูอดอยากอีกต่างหาก”

“ไม่ต้องพูดถึงการอยู่ร่วมห้องกับโสเภณีเหล่านี้เลย ในอาณาจักรหลู่แม้แต่ลูกสาวที่เป็นลูกของนักวิชาการหรือนักกฎหมายก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะออกมากินอาหารข้างนอก”

บทสนทนาและคำสาปแช่งเหล่านี้ ทำให้ฉินเหยียนเข้าใจวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นทันที

ก่อนจะมาที่นี่ได้ยินว่าอาณาจักรหลู่ให้ความสำคัญกับเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง ผู้ชายมีสถานะสูงกว่า วันนี้ทำให้ได้เรียนรู้อะไรมากมายจริงๆ

“ข้าไม่เถียงกับเจ้าแล้ว เปลี่ยนร้านอาหารดีกว่า”

ในตอนที่ฉินเหยียนกำลังเดินออกไป พนักงานพูดออกมาว่า

“ทั้งเมืองอวิ้น หากมีร้านอาหารรับลูกค้าผู้หญิง ถือว่าวันนี้พระอาทิตย์ขึ้นฝั่งตพวันตกแล้ว ไม่มีมารยาท ไร้อารยธรรมเสียจริง ถุย”

ฉินเหยียนหยุดเดิน มองย้อนกลับไปทันที เห็นพนักงานเอาผ้าขี้ริ้วเช็ดโต๊ะ เช็ดเก้าอี้ที่พวกเขาเพิ่งนั่ง

“ข้าไว้หน้าเจ้าแล้วนี่!”

ฉินเหยียนเดินกลับมาด้วยความโกรธ คว้าคอพนักงาน

“ข้าไปจี้จุดเจ้าเข้า เจ้าจัดการกับข้าเช่นนี้หรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์