ฉินเหยียนรู้สึกมาตลอดว่ามุมมองที่ชายสูงหญิงต่ำนั้นผิด เขามีมุมมองชายหญิงเท่าเทียมกันมาตลอด ดังนั้นเขาไม่รู้สึกว่าการทำดีต่อภรรยา การปรนนิบัติภรรยาจะผิดตรงไหน
และแล้วเขาก็ได้รับอ่างทองคำแล้วยกมาวางข้างๆของจ้าวจือหย่า พร้อมพูดเสียงอ่อนโยนว่า
“เชิญภรรยาล้างมือ”
จ้าวจือหย่าเอามือจุ่มลงในอ่างน้ำด้วยสีหน้านิ่งเฉย นางสะบัดเล็กน้อยเพื่อแสดงว่าล้างเสร็จแล้ว
ฉินเหยียนวางอ่างทองคำลงแล้วหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดให้จ้าวจือหย่าอย่างอ่อนโยน
คนรับใช้ที่อยู่รอบข้างต่างหน้าแดงหูแดงไปหมด ไม่คิดเลยว่าลูกเขยคนนี้จะมีจิตใจที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ถูกผู้คนมากมายจับจ้องแล้วยังไม่รู้สึกอับอายเลยแม้แต่น้อย
ซีผอพูดต่อว่า “ล้างมือเสร็จสิ้น ยกอ่างทองแดงล้างเท้าได้!”
ฉินเหยียนยกอ่างทองแดงมาวางไว้ตรงข้างๆเท้าของจ้าวจือหย่า เขาถกกระโปรงขึ้นแล้วนั่งลง แล้วใช้มือค่อยๆถอดรองเท้าของจ้าวจือหย่าออกอย่างเบามือ จากนั้นก็ใช้มือรองเท้าของนางวางลงในน้ำล้างเท้า
ทุกคนที่เห็นดังนั้นก็แสดงสีหน้าออกมา อดทนต่อความอับอายเช่นนี้ได้ ดูท่าการเป็นเขยแต่งเข้านั้นใช่ว่าใครจะเป็นก็ได้
แต่ที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ ฉินเหยียนไม่รู้สึกอับอายเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกสุขใจอย่างมาก เขาห่างกับจ้าวจือหย่ามาหลายปี เมื่อได้พบกันอีกครั้งแล้ว ได้ล้างมือล้างเท้าให้นางเช่นนี้ ทำให้ฉินเหยียนรู้สึกสุขใจอย่างยิ่ง
เมื่อล้างเสร็จแล้ว ฉินเหยียนก็หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดเท้าให้จ้าวจือหย่า
การสัมผัสเป็นครั้งคราวทำให้จ้าวจือหย่ารู้สึกถึงความคุ้นเคย นั่นทำให้นางขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อขั้นตอนพิธีเสร็จสิ้นแล้ว ซีผอก็ตะโกนเสียงดังว่า
“สำเร็จพิธีการ! ขอแสดงความยินดีด้วย ขอให้ท่านทั้งสองครองคู่กันและรักใคร่กันตลอดไป!”
ฉินเหยียนหยิบตั๋วเงินออกมาแล้วส่งให้ซีผอเพื่อเป็นการขอบคุณ
ซีผอที่ได้รับสินบนเองก็ไม่ทำให้ฉินเหยียนลำบาก นางมองทุกคนแล้วไล่ออกไปทันที
“จะมองอะไรกัน แต่งเข้าเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรน่าดูแล้ว ไปกันได้แล้ว ไป”
ซีผอปิดประตูด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทุกคนเองก็รู้สึกหมดอารมณ์ ต่างก็พากันเดินไปยังข้างกายของจ้าวเหวินเซิงแล้วกล่าวคำชมเชยประชดทุกประเภท
“ยินดีด้วยสหายจ้าว ยินดีด้วย ได้เขยที่รักได้และปล่อยวางเป็นเช่นนี้”
“นี่พวกเจ้าคิดว่าตอนอยู่บนเตียง เจ้าเขยแต่งเข้าจะรุกหรือรับรึ ฮ่าๆๆ......”
เมื่อเสียงค่อยๆห่างไป ทุกคนจากกันไปแล้ว ในเรือนหอก็เงียบลง ทันใดนั้นบรรยากาศก็เก้ๆกังๆ เงียบสงบอย่างมาก
ฉินเหยียนหาผ้าขนหนูมาผืนหนึ่ง แล้วเช็ดสิ่งสกปรกที่เลอะชุดแต่งงานออกไป จ้าวจือหย่านั่งอยู่บนที่นอนแล้วจ้องมองฉินเหยียน นางมองพิจารณาอย่างสงสัย สุดท้ายก็พูดขึ้นก่อนอย่างอดใจไม่ไหวด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า
“ในช่วงที่ข้าตกต่ำที่สุด ข้าจำเป็นต้องส่งเจ้ากลับอาณาจักรหลู่ ต้องทำการคลอดคนเดียว เผชิญหน้ากับคำด่าทอ ทำให้เจ้าต้องเป็นโรคฮีสทีเรีย เป็นความผิดของข้าเอง ข้าขอสาบานต่อสวรรค์ นับจากนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องเสียใจอีกแม้แต่น้อย หากข้าผิดคำสาบาน......”
ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกจ้าวจือหย่าปิดปากเอาไว้แล้ว
“ข้าขอรับน้ำใจไว้ละกัน เพียงแต่ตอนนี้ข้าไม่ใช่ข้าเมื่อก่อน ข้ากินพิษรักไป ไร้อารมณ์ และไม่รู้จักความรัก ดังนั้นสุดท้ายเจ้าอาจต้องผิดหวัง”
ฉินเหยียนดึงนางเข้ามากอด
“ไม่เป็นไร เจ้าไม่รู้จักความรัก แต่ข้ารู้ ข้าจะหาทุกวิถีทางเพื่อรักษาเจ้า”
จ้าวจือหย่าพิงอยู่ในอ้อมอกของฉินเหยียน “ความรู้สึกเช่นนี้ดีจัง”
ฉินเหยียนลูบใบหน้าของจ้าวจือหย่าอย่างอ่อนโยน แล้วจับคางของนางแล้วพูดอย่างลึกซึ้งว่า
“ยังมีที่รู้สึกดีกว่านี้อีกนะ อยากจะลองรึไม่”
จ้าวจือหย่ากะพริบตาปริบๆแล้วพูดว่า “ข้าเป็นภรรยาของเจ้าแล้ว ออกเรือนแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องอยู่ด้วยกันให้ได้ แล้วแต่จะบัญชาเจ้าค่ะ”
เมื่อพูดดังนั้นแล้ว ฉินเหยียนก็เข้ามาใกล้ๆเรื่อยๆ จากนั้นก็จูบลงบนริมฝีปากของจ้าวจือหย่า แล้วดันร่างของนางลงบนที่นอนด้วย
เวลาชั่วครู่แห่งค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิ ห่างกันสามปี ยิ่งห่างไกล ยิ่งทำให้รักกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...