องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 839

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ก็มีคนสนใจมากมาย และถามขึ้นว่า

“แล้วพวกเจ้ารู้รึไม่ว่าสำนักใหม่ที่พรรคยาจกและสำนักเฉาปรองดองกันแล้วคือสำนักอะไร?”

ฟางถังจิ้งเผยสีหน้าเก้อเขินออกมาแล้วพูดว่า

“จากที่ข้ารู้มา สำนักที่ปรองดองกันแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าจะชื่อสำนักขวาน”

เมื่อพูดเช่นนั้นแล้วก็มีคนหลุดหัวเราะออกมา

“สำนักขวานรึ? ชื่อบ้าอะไรกันเนี่ย?”

“เป็นถึงสำนักที่สองสำนักปรองดองกันนะ กลับตั้งชื่อเช่นนี้เนี่ยนะ ใครได้ยินคงหัวเราะจนฟันล่วง!”

“ยาจกจะไปมีวัฒนธรรมอะไรกัน ตั้งว่าขวานได้ก็ไม่เลวแล้ว”

ในขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันเบาๆก็มีได้ยินเสียงของใครบางคนดังขึ้นอย่างเสียงดัง

“ต้องขออภัย! ที่ให้ทุกท่านคอยนาน!”

ทุกคนมองไปตามเสียงแล้วเห็นฉินเหยียนสวมชุดหรูหราเดินเข้ามาท่ามกลางสายตาของผู้คน

เขายืนอยู่ตรงกลางตำหนักแล้วประสานมือคารวะไปทั่ว แล้วพูดอย่างยิ้มแย้มว่า

“เปลี่ยนเสื้อผ้านานไปหน่อย ต้อนรับได้ไม่ทั่วถึงอย่าได้ถือสานะทุกท่าน”

ทุกคนจ้องมองเขา ไม่รู้ว่าคนผู้นี้คือใคร เมื่อเดินเข้ามาแล้วทุกคนก็เงียบกันหมด

ฟางถังจิ้งเองก็สงสัย เหตุใดท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอกบัวจึงได้มาทักทายเหล่าจอมยุทธด้วยตนเอง?

แต่ฉินเหยียนกลับตบหน้าผากเบาๆแล้วพูดว่า

“ดูความจำของข้าสิ ตื่นเต้นที่ได้พบท่านจอมยุทธจนลืมแนะนำตัวไปเลย ข้าขอพูดอย่างเป็นทางการ ข้าคือผู้นำพรรคยาจกเฉียวเฟิง”

เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วฟางถังจิ้งก็รู้สึกตกตะลึงมาก เขาเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง เฉิงอาหนิวคือผู้นำพรรคยาจกเฉียวเฟิง!

จากที่เขารู้มาเฉิงอาหนิวก็เป็นเพียงนามแฝงของเขา ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือฉินเหยียนแห่งอาณาจักรฉิน บัดนี้กลายเป็นผู้นำพรรคยาจกเฉียวเฟิง นี่เขามีกี่ฐานะกันละเนี่ย!

เขารู้แต่ไม่พูด ฟางถังจิ้งไม่พูดอะไร แต่ก็ได้เริ่มบ่นในใจว่าเจ้าหมอนี่เปลี่ยนไม่หยุดจริงๆ

เมื่อทุกคนได้ยินฉินเหยียนแนะนำตัวอย่างจริงจังแล้วรู้ว่าเขาคือผู้นำพรรคยาจก ก็ได้ลุกขึ้นแล้วประสานมือคารวะทักทาย

“ยินดี ยินดี”

ฉินเหยียนประสานมือคารวะกลับไป แล้วก็เห็นว่าข้างที่นั่งหลักมีชายชราที่แผ่ออร่าเซียนออกมา เขาประสานมือคารวะพูดว่า

“ผู้นำพรรคยาจกเกรงใจเกินไปแล้ว ชื่อเสียงของท่านต่างหากที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วยุทธภพ!”

ฉินเหยียนพูดอย่างไม่แยแสว่า “ไม่เลยไม่เลย ได้ยินมาว่าวันก่อนตอนที่เชิญท่านลงเขา มีลูกน้องของข้าไม่รู้ความ จึงได้ทำให้หลังคาภูเขาอู่ตังเกิดความเสียหายไป ข้าต้องขออภัยด้วย ท่านวางใจได้เลย ข้าได้จัดการเจ้าพวกนั้นแล้ว เมื่อท่านกลับไปแล้ว ภูเขาอู่ตังจะต้องซ่อมแซมเรียบร้อยแล้วแน่นอน”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ท่านฝ่าซั่นก็เดือดดาล แค่ทำหลังคาพังนิดๆหน่อยๆที่ไหนกัน ดูท่าจะทำลายภูเขาอู่ตังแล้วด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายมันก็เพราะเขาเอง จึงได้แสร้งพูดอย่างไม่แยแสว่า

“ผู้นำเฉียวเกรงใจเกินไปแล้ว เป็นเพราะศิษย์ของข้าโง่เขลา เกิดเข้าใจผิดกัน พวกหลังคาเก่าๆพวกนั้นข้าอยากจะรื้อถอนนานแล้ว พวกเจ้าช่วยทลายมันก็สมดังที่ปรารถนา”

ฉินเหยียนกลั้นหัวเราะ เจ้าคนชรานี่ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆเลย เมื่อเชิญเขานั่งแล้วก็หันหน้าไปพูดกับบรรดาสำนักและพรรคว่า

“ทุกท่านเชิญนั่งเถิด!”

เมื่อทุกคนพากันนั่งลงแล้วฉินเหยียนก็พูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า

“ที่เรียกรวมทุกท่านในคราวนี้ ประการแรกเพราะอยากจะให้ทุกท่านมาเป็นสักขีพยานในพิธีสมรสของข้าและผู้นำสำนักเฉา ประการที่สองคืออยากจะใช้โอกาสนี้ในการโน้มน้าวทุกท่านให้ปล่อยวางความบาดหมางต่อกัน”

“บัดนี้ความนิยมการเข่นฆ่ากันในยุทธภพ ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว อย่างไรยุทธภพไม่ควรจะเข่นฆ่ากันไปทั่ว ยุทธภพควรจะเป็นหลักทำนองคลองธรรม”

“ไร้สาระ!”

มีคนตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นมาชี้ด่าฉินเหยียนว่า “เจ้าว่าปล่อยวางก็ปล่อยวางได้เลยรึ ว่าที่ภรรยาของเจ้า ผู้นำสำนักเฉา สังหารลูกศิษย์นอกสำนักของภูเขาหนิวโถวไปกว่าหนึ่งร้อยคน แล้วหนี้คราวนี้จะคิดอย่างไร?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์