“สองอาณาจักรทำสงครามกัน มีกฎว่าห้ามฆ่าทูต!”
กั๋วฮวายสั่งให้หยุดและคนของเขาก็ไม่กล้าลงมือต่อ
ซือหม่าจี๋หลุดพ้นจากการจับกุม จ้องไปที่ทุกคนด้วยสายตาจริงจัง
“เป็นที่เราทุกคนทราบกันดีว่าภูมิประเทศอาณาจักรเยี่ยนเป็นที่ราบเฆี่ยนม้าห้อเหยียดได้ ทหารม้าอาณาจักรเยี่ยนจะมีบทบาทที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตได้”
“แต่อาณาจักรหลู่ของเรามีภูเขา แม่น้ำ ภูมิประเทศเป็นที่ราบสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่จำกัดความสมารถของทหารม้าแห่งอาณาจักรเยี่ยน”
“แผนการที่ดีที่สุดในขณะนี้คือท่านต้องถอนกองทัพทหารและเจรจาข้อตกลงกับอาณาจักรหลู่”
ใจของกั๋วฮวายลังเล หลังจากคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้
“สิ่งที่เจ้าพูดมานั้นถือว่าสมเหตุสมผล แต่จะให้ข้าถอนทัพกลับนั้นมีค่าใช้จ่าย มิฉะนั้นไม่สามารถอธิบายแม่ทัพทั้งสามกองทัพได้”
ซือหม่าจี๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พูดอย่างเขร่งขรึม
“หากเต็มใจที่จะถอนกองทัพทหาร พกเจ้าอยากได้พื้นที่ใดในอาณาจักรหลู่สามารถเสนอมาได้”
เมื่อได้ยินดันั้น กั๋วฮวายคิดอย่างรวดเร็ว ดูเหือนว่าอาณาจักรหลู่ต้องการต้องการสันติภาพอย่างแท้จริง นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่อาณาจักรหลู่ยอมจำนน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดถึงไม่ลองดู
“เราเสียกำลังคนและทรัพยากรไปมากเพื่อให้อาณาจักรหลู่จ่ายเงินชดเชยอย่างนั้นหรือ? อย่ามาล้อเล่นกับข้า ในเมื่อเราสามารถโจมตีพื้นที่รอบข้างอาณาจักรหลู่ได้ เช่นนั้นเมืองหลวงอาณาจักรหลู่ พวกเราก็บุกได้เช่นกัน!”
ความจริงแล้วในการเจรจาครั้งนี้ซือหม่าจี๋ไม่ได้เป็นฝ่ายตอบโต้เลยแม้แต่น้อย แต่ในเมื่อเขาอยู่ฝ่ายนี้แล้ว เขาต้องเอาชีวิตรอดกลับมาให้ไดพื่อกอบกู้ผลประโยชน์ให้อาณาจักรหลู่ เขาพูดขึ้นมอย่างฉลาดว่า
“เมื่อเจ้ายืนกรานแนวทางของตัวเอง ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
กั๋วฮวายเห็นว่ายังคงดื้อด้าน เขาหรี่ตาลงและพูดอย่างไม่พอใจ
“ซือหม่าจี๋ อย่าลืมว่าอาณาจักรเจ้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ตอนนี้อาณาจักรหลู่ถูกโจมตีแล้ว เจ้ายังมีคุณสมัติมากพอจะมาเจรจาสงบศึกกับเราอย่างนั้นหรือ?”
ซือหม่าจี๋พูดอย่างหนักแน่น
“นี่เป็นสงครามของอาณาจักรเยี่ยน เป็นเรื่องจริงที่ได้รับชัยชนะ แต่ในโลกนี้ยังมีเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้ ความเรืองรองและความตกต่ำเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เจ้าคิดว่จะต้านทานเขตชายแดนทางเหนือได้หรือ?”
“ไม่ว่าอาณาจักรเยี่ยนจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ก็ไม่ใช่อันดับหนึ่งในอาณาจักรทั้งเจ็ด ไม่ว่าทหารม้าของเจ้าจะแข็งแรงแค่ไหน พวกมันสามารถวิ่งผ่านเขาหลายลูกได้หรือ?
“อาณาจักรหลู่ของข้าพ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้ อย่างไรก็ตามอาณาจักรหลู่มีเวลาและคนที่เหมาะสม พวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ว่าพวกข้าจะต้องต่อสู้กับเจ้าด้วยเลือดเนื้อ สุดท้ายแล้วคนแพ้ก็คือพวกเจ้า ดังนั้นข้าขอแนะนำเจ้า หยุดก่อนที่จะสูญเสียทุกอย่างไป!”
ซือหม่าจี๋พูดอย่างร้อนรน จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องทันที
“ฝ่าบาท ได้โปรดทำเช่นนั้นเถิด อาณาจักรหลู่ยินดีที่จะแสดงความจริงใจ แลกเปลี่ยนเงินและทองคำให้กับพวกท่านเพื่อแลกกับเขตชายแดนฝ่ายเหนือ ขอให้อาณาจักรเยี่ยนบอกราคามาได้เลย!”
แต่เดิมกั๋วฮวายเป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้ กลับต้องอึ้งกับคำพูดของซือหม่าจี๋
ที่ซือหม่าจี๋พูดมาก็มีเหตุผล แม้ว่าเขตชายแดนอาณาจักรหลู่จะถูกพวกเขายึดมาแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเมืองหลวงจะไม่แข็งแกร่ง
รูม่านตาซือหม่าจี๋หดตัวลงอย่างรวดเร็ว ตาเขากระตุกโดยไม่รู้ตัว เขาคิดเอาไว้แล้วว่ากั๋วฮวายจะต้องเรียกร้องมากเกินไป แต่เขาไม่คิดว่าขอมากขนาดนี้ เขาพยายามไกล่เกลี่ยทันที
“ฝ่าบาท เงินหนึ่งร้อยล้านตำลึงนั้นมากเกินไป...”
ก่อนที่ซือหม่าจี๋จะได้ทันพูดจบ กั๋วฮวายแทรกขึ้นมาว่า
“ใต้เท้าซือหม่า ท่านต้องเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เสียก่อน กอทัพทหารอาณาจักรเยี่ยนยึดพื้นที่อาณาจักรหลู่แล้วหากต้องการเจรจา เช่นนั้นอาณาจักรหลู่ต้องยอมจายทั้งเงิน ชีวิต และทรัพย์สิน”
“ตราบใดที่มีเงินมาให้หนึ่งร้อยล้านตำลึง เราจะยอมถอยทัพทันที เข้าใจความหมายที่เราจะสื่อหรือไม่?
ในประโยคนี้มีคำขู่แฝงอยู่ กั๋วฮวายเรียกร้องมากเกินไป ในตอนนี้ยอมอ่อนข้อให้แล้ว หากซือหม่าจี๋ไม่ยอมตกลงด้วยเงินจำนวนนี้ กั๋วฮวายที่เป็นเหมือนสุนัขที่เสียสติ เขาสามารถลงมือทำลายทุกอย่างได้ในทันที
เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยเช่นนี้ ซือหม่าจี๋เสียความมั่นใจและพูดด้วยความสิ้นหวัง
“อ๋องเหยียน เงินจำนวนหนึ่งร้อยล้านตำลึงมิใช่เงินจำนวนน้อยๆ ได้โปรดให้ข้ากลับไปรายงานฮ่องเต้หลู่เสียก่อน”
สายตาของกั๋วฮวายแสดงท่าทีโกรธแค้นและพูดอย่างเย็นชา
“เราให้เวลาเจ้าแค่สามวัน หากหลังจากสามวัน ฮ่องเต้หลู่ไม่ตอบรับเงื่อนไข ข้าจะโจมตีอาณาจักรหลู่!”
หลังจากออกมาจากค่ายของอาณาจักรเยี่ยน รังสีของซือหม่าจี๋มลายหายไปในทันที แม้ว่าทั้งสองอาณาจักรจะต่อสู้กันมาเป็นเวลานาน แต่ฝ่ายแพ้ก็ยอมเข้ามาเจรจา
ในเวลานี้ หลังของซือหม่าจี๋ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่เขาเองก็ไม่รอช้ารีบเขียนจดหมายกลับไปรายงานฮ่องเต้หลู่ทันที บอกว่ากั๋วฮวายยินดีถอนทัพหากอาณาจักรหลู่จ่ายเงินจำนวนหนึ่งร้อยล้านตำลึงให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...