“ไม่ให้เราใช้ท่าเรือ ตอนนี้พวกเราต้องยอมก้มหัวให้กับคนอื่น” เสิ่นเฟยพูด
“ถูกต้อง เช่นนั้นใต้เท้าเสิ่นเคยคิดหรือไม่ว่า หลังจากก่อตั้งอู่เรือหลวงในอนาคตแล้ว พวกเราจะล้ำหน้าทุกคนไปอีกไกล แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างวันนี้ เพราะท่าเรือคือสาเหตุ เรือของเราไม่สามารถออกทะเลไปได้ วัสดุก็ไม่สามารถส่งเข้ามาได้ใช่หรือไม่?” หลินไห่พูด
“ฟืด” เสิ่นเฟยได้ยินเช่นนั้น เขาพลันสูดลมหายใจเข้าไปหนึ่งเฮือก
“จริงด้วย เหตุได้ข้าถึงคิดไม่ถึงเรื่องนี้?”
เสิ่นเฟยตบหัวตัวเอง ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่า
“แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ข้าคิดมาตลอดว่า จะโน้มน้าวคนอื่นให้เราใช้ท่าเรือได้อย่างไร แต่ข้ากลับไม่คิดเลยว่า วันนี้หวังจี้ตงทำเรื่องไม่ดี ในอนาคตก็ต้องมีหลี่จี้ตง เฉินจี้ตง ทำเรื่องไม่ดีต่ออยู่ดี หรือว่าข้าต้องร้องขอต่อบรรพบุรุษอย่างนั้นหรือ?”
ยิ่งเสิ่นเฟยพูดมากเท่าไร เหงื่อก็ไหลจากหน้าผากเขามากเท่านั้น สีหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันที
ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว ถ้าทุกครั้งมีเรื่องยุ่งยากเข้ามา มีคนกระโดดเข้ามาสร้างปัญหาให้เขาอีก เช่นนั้นเมื่อไหร่จะมีคามสงบสุขเล่า?
หากต้องการยุติเรื่องทั้งหมดนี้ เขาต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้ถูกคนอื่นจัดการลับหลังเช่นนี้อีก เขาต้องแน่ใจว่ามีท่าเรืออย่างน้อยหนึ่งแห่งที่ใช้เขาใช้ได้
แต่จะทำอย่างไรเล่า? หากเขาไปหาหัวหน้าเฝิง หัวหน้าเฝิงต้องขอเงินเพิ่มมากขึ้นอีกแน่ นั่นหมายความว่าเขายิ่งขาดทุน
ในเวลานี้ หลังจากที่เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง จู่ๆ เขาก็กัดฟันแน่นและพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
“อาหลิน หรือว่าเจ้ากลับไปปรึกษาอ๋องเหยียนได้หรือไม่ว่าพวกเราสร้างท่าเรือเองได้ไหม?”
เสิ่นเฟยพูดอย่างจริงจัง
“วิธีนี้ เราจะไม่ถูกบีบบังคับเรื่องท่าเรืออีก และยังสามารถปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพได้”
หลังจากที่หลินไห่ได้ยินเช่นนั้น เขากลับยิ้มออกมาและส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่เหมาะสมขอรับ”
“ทำไมหรือ?” เสิ่นเฟยถามอย่างร้อนใจ
“ใต้เท้าเสิ่น หากท่านคิดเช่นนี้ เช่นนั้นท่านต้องพิจารณาอีกหนึ่งเรื่องว่าเรือที่ท่านจะสร้างในอนาคตมีขนาดใหญ่ อีกทั้งยังหนักหลายพันตัน เจ้าคิดว่าท่าเรือแบบไหนที่สามารถจอดเรือขนาดใหญ่เช่นนี้ได้?”
หลินไห่ตอบกลับมาเช่นนี้ ทำให้เสิ่นเฟยอึ้งไป
เรือใหญ่ที่มีน้ำหนักหลายพันตันใหญ่กว่าเรือใบขนาดเล็กหลายสิบเท่าหรือร้อยเท่าเสียด้วยซ้ำ
เรื่องที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ เรือขนาดใหญ่ไม่สามารถเทียบท่าอย่างเรือเล็กได้
เสิ่นเฟยเดินไปรอบๆ อย่างฉุนเฉียว นั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมกับถูมือกับหน้าไปมา
“ถ้าอย่างนั้น อาหลิน เจ้าคิดว่าเราควรทำเช่นไร?”
“เองนี้หรือ...” หลินไห่คิดครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาเขาพลันเป็นประกายทันที
“ใต้เท้าเสิ่น พวกเราเปลี่ยนแนวคิดได้”
“เปลี่ยนแนคิดหรือ?” เขาเงยหน้าขึ้นมามองไปที่หลินไห่
“ถูกต้อง ท่านคิดดูนะขรับ ในเมื่อท่าเรือเล็กใช้ไม่ได้ เช่นนั้นพวกเราสร้างท่าเรือขนาดใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนไม่ได้หรือ?”
“นี่...”
“รับทราบขอรับ!” หลินไห่พยักหน้าอย่างจริงจัง
หลังจากที่หลินไห่เดินจากไป เสิ่นเฟยก็นั่งอยู่ตรงนั้น ขมวดคิ้วและครุ่นคิด
...
ด้านฉินเหยียน เขาได้รับจดหมายภายในครึ่งชั่วโมง
เพราเขาอยู่ที่เมืองหัวถิงแล้ว
เมื่อเขาอ่านจดหมาย เขาก็คิดพิจารณาอย่างจริงจังเช่นกัน
ต้องบอกว่าในจดหมายของเสิ่นเฟย เตือนเขาเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง
นั่นคือในเมื่อต้องการจัดตั้งกองทัพเรือ และสร้างเรือจำนวนหลายพันตัน ต้องเตรียมท่าเรือเอาไว้ล่วงหน้า
แม้ว่าในจิ่วโจวจะมีท่าเรือหลายแห่ง แต่ก็ยังไม่สามารถให้เรือใหญ่เทียบท่าได้
ตอนนี้ เขาต้องคิดวางแผนเรื่องนี้เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินเหยียนรีบหยิบปากกา หมึก กระดาษ ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขียนข้อความลงไปในจดหมาย จากนั้นก็เรียกทหารยาม
“นำจดหมายฉบับนี้ไปให้เสิ่นเฟย อีกเรื่องหนึ่ง ให้พี่เจ็ดมาหาข้าด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารยามรับจดหมายจากฉินเหยียนแล้วเดินจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...