โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น นิยาย บท 5

หรงจือจือหลับตาสนิทไม่เปล่งวาจา รู้สึกเพียงว่านางถานไร้ยางอายไร้ใดเปรียบ พวกเขาทั้งครอบครัวข่มเหงรังแกนางเช่นนี้ หากเมื่อครู่นางไม่ดื้อรั้นก้าวร้าว คงได้หนาวตายอยู่ข้างทางจริง ๆ แน่

ถึงยามนี้แล้วยังมีหน้า มาขอให้นางไปอ้อนวอนท่านพ่อ ให้ทำอะไรเพื่อฉีจื่อฟู่อีกหรือ?

ช่างหน้าด้านเสียจริง!

นางถานเห็นนางเงียบกริบไม่ส่งเสียง ก็ขมวดคิ้วพลางตะคอกด้วยเสียงเหี้ยมว่า “นางหรง ข้ากำลังคุยกับเจ้า เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”

หรงจือจือตอบกลับเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ “ได้ยินเจ้าค่ะ”

แต่ไม่คิดจะทำตามคำสั่งนั้นหรอก

นางถานกลับคิดว่าหรงจือจือยอมรับคำตามที่บอกแล้ว ท่าทางบึ้งตึงและเสียงตะคอกขู่เข็ญเมื่อครู่ ก็ดูจะผ่อนลงไปบ้างแล้ว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคำขอร้องต่อสกุลหรง

ต้องโทษสามีของตนเองที่ไม่เอาไหน ทั้งที่เป็นถึงท่านโหวในราชสำนักแต่กลับเงียบเชียบไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

หลังจากสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว นางถานบ่นออกมาเบา ๆ “แบบนี้ถูกต้องแล้ว ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นภรรยาเอกหรืออนุ จื่อฟู่ก็คือสามีของเจ้า เจ้าต้องเทิดทูนเขาไว้เสมอท้องฟ้า!”

“หรือจะบอกว่าแค่เขามีสัมพันธ์กับองค์หญิงท่านนั้นแล้ว ก็ไม่ใช่สามีของเจ้าแล้ว?”

“หากเจ้ามีคุณธรรมจริง ก็ควรจะดูแลเด็กในพระครรภ์ขององค์หญิงเสมือนบุตรที่เจ้าคลอดออกมาเอง หากว่าเป็นเด็กชาย ก็ถือว่าเป็นบุตรชายคนโตของครอบครัวเรา”

“เจ้าเกิดเป็นสตรี จะไม่อาศัยพึ่งพิงบุรุษแล้วหรืออย่างไร? ดูแลบุตรขององค์หญิงให้ดี แล้ววันข้างหน้าแม้เจ้าจะเป็นเพียงอนุ แต่เขาก็จะหาข้าวปลาอาหารมาให้เจ้ากิน!”

เป็นครั้งแรกที่หรงจือจือรู้สึกว่า เสียงพูดของคน บางครั้งยังน่ารำคาญเสียยิ่งกว่าเสียงหมาหอน

ก่อนหน้านี้นางรู้สึกเพียงว่าแม่สามีคนนี้แค่กฎระเบียบเยอะ ยากจะปรนนิบัติดูแล พอมาวันนี้ถึงได้รู้ความจริง คิดไม่ถึงเลยว่าแม่สามีจะใจดำอำมหิตและเห็นแก่ตัวได้ถึงเพียงนี้

จริงอย่างที่คาดคนเรามักต้องเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างก่อน ถึงจะกระชากหน้ากากที่สวมอยู่ในชีวิตประจำวันออกมาได้

ท่ามกลางเสียงบ่นไม่หยุดของนางถาน ในที่สุดรถม้าก็เคลื่อนกลับมาถึงจวนโหวแล้ว หลังจากรถม้าจอดสนิท หรงจือจือที่นั่งอยู่นอกสุดก็ลงจากรถม้าก่อน

เพียงแต่หนนี้ นางกลับไม่หันไปประคองนางถานลงจากรถม้าด้วยความสุภาพนบนอบเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา แต่เอ่ยปากขึ้นว่า “วันนี้ข้ารู้สึกไม่สบายตัวนัก ขอตัวกลับไปที่เรือนก่อน!”

สิ้นเสียงนี้ นางก็นำหน้าเจาซีสืบเท้ายาว มุ่งตรงไปที่เรือนของตนเองทันที

เมื่อก่อนที่เคยทุ่มเทปรนนิบัตินางถานสุดดวงใจ นั่นก็เพราะความกตัญญู บัดนี้เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว นางถานไม่คู่ควรกับความกตัญญูของนางแม้แต่น้อย

ภายใต้การประคองของฉีจื่อฟู่ นางถานลงจากรถม้าพร้อมโทสะที่เดือดกรุ่น ชี้นิ้วไปยังเงาหลังของหรงจือจือ โกรธจนร่างกายแทบทรุดลงให้ได้ “เจ้าดูนางสิ พวกเจ้าดูนางสิ! วันนี้กลายเป็นบ้าอะไรไปแล้วไม่รู้!”

ฉีจื่อฟู่เอ่ยทันที “ท่านแม่ ลูกจะไปเกลี้ยกล่อมนาง คิดดูแล้วคงนางอาจจะแค่ทำใจยอมรับทันทีไม่ได้ ไว้ลูกได้คุยกับนางดี ๆ สักพัก ปัญหาจะต้องคลี่คลายได้แน่นอนขอรับ”

นางถานโบกมือ บอกเป็นนัยว่าหากเขาจะไปจงรีบไป วันนี้นางรู้สึกว่าประเดี๋ยวจะต้องขาดใจตายเพราะโทสะแน่

กระทั่งฉีจื่อฟู่เดินออกไปแล้ว

นางถานหวนคิดถึงเหตุการณ์บนรถม้าเมื่อครู่นี้ขึ้นมา ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ทันใดนั้นก็ยกเท้าเตะรถม้าของหรงจือจือไปหนึ่งที ใครจะรู้ว่ารถม้าคันนั้นจะแข็งมาก ทำนางเจ็บจนหน้าถอดสี ร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด

ซิ่นหยางโหวมองนางปราดหนึ่งด้วยความรำคาญ “ดูเจ้าสิ ไม่เหลือเค้าของฮูหยินโหวแม้เพียงสักนิด!”

สิ้นเสียงนั้น ก็สืบเท้ายาว ๆ เข้าไปในเรือน

นางถาน : “…!”

ทั้งหมดต้องโทษนางแพศยาชั้นเลวหรงจือจือ หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายทำให้ตนเองโมโหแล้ว ตนเองหรือจะถูกท่านโหวดูหมิ่นดูแคลน?

เช้าวันพรุ่งนี้ หรงจือจือจะต้องมาน้อมคารวะตนในยามเช้า นางจะต้องทำให้หรงจือจือได้คุกเข่านานขึ้นกว่าเดิมแน่!

……

หรงจือจือครั้นกลับมาถึงเรือนของตนเองแล้ว ก็หันไปมอบหมายหน้าที่ให้เจาซี “ส่งคนกลับไปถามเรือนสกุลหรง ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในเรือน”

งานเลี้ยงค่ำวันนี้ ท่านพ่อมิได้มาเข้าร่วม คิดว่าคงส่งคนเข้ามาทูลขอพระราชทานลาจากฝ่าบาทแล้ว

งานเลี้ยงฉลองชัยของบุตรเขย ท่านพ่อยังไม่มาร่วมงานเลี้ยง เกรงว่าในเรือนคงเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่แล้ว

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น