ที่เฉียวเทียนจิงสามารถดำรงตำแหน่งขุนนางนี้ได้ ไม่ได้เป็นเพราะท่านพ่อของเขาแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเขาก็มีความมุมานะเหมือนกัน เขาดำรงตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่อย่างระมัดระวังและมีจิตใจที่รับผิดชอบสูงไม่เคยทำผิดพลาดมาก่อน
ในเวลานี้เขาทำสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าถึงแม้จะไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธเคืองอะไร แต่ก็ยังคงดูน่าเกรงขามในแบบของตัวเองที่ยังหล่อคมคายอยู่
เฉียวตี้อี้อายุแค่สิบห้าปีก็เดินเส้นทางทหาร ตอนนี้กำลังฝึกฝนอยู่ในค่ายทหารและมีตำแหน่งเล็ก ๆ
นี่คือความต้องการของนายท่านเฉียวที่กำชับเอาไว้เป็นพิเศษ เพราะเฉียวตี้อี้ยังเด็กและยังเลือดร้อนจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะใจร้อนวู่วาม ยังไม่ควรให้ตำแหน่งสูง ๆ แก่เขา ควรจะขัดเกลาฝึกฝนอย่างหนักก่อน!
ในเวลานี้ในใจของเฉียวตี้อี้ตกใจมากถึงขั้นพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แต่ปกติเขาเป็นคนเชื่อฟังพี่ใหญ่ของเขามากที่สุด ในตอนนี้พอเห็นพี่ใหญ่ทำสีหน้าเคร่งขรึมให้จึงรีบหุบปากทันที
เฉียวเจียวเจียวมองพี่ชายทั้งสองคนที่หยุดชะงักไม่ขยับเขยื้อน จึงอดสงสัยไม่ได้
[ทำไมพี่ใหญ่กับพี่รองอยู่ ๆ ถึงมองหน้ากันล่ะ?]
จากมุมมองของนางจะเห็นเพียงแต่รูปคางที่เหลี่ยมได้มุมของทั้งคู่เท่านั้น
เมื่อเฉียวเทียนจิงได้ยินดังนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้มหน้าไปสัมผัสใบหน้าที่นุ่มละมุนของเฉียวเจียวเจียวอย่างสนิทสนม
“น้องสาวช่างน่ารักจริง ๆ หน้าตาเหมือนท่านแม่มาก”
เฉียวตี้อี้ก็ตั้งสติตอบสนองกลับมาแล้วเช่นกัน เขาโน้มตัวลงมาเล็กน้อย และมองไปที่เฉียวเจียวเจียวอย่างไม่ละสายตา เมื่อเห็นดวงตาสีเข้มของนางทำตาแป๋ว ช่างดูน่ารักมากจริง ๆ นั่นแหละ
เฉียวเจียวเจียวมองพี่ชายทั้งสองคนที่โดดเด่น ทันใดนั้นก็เศร้าใจขึ้นมาอีกครั้ง
[ชายหนุ่มผู้มีแสงสว่างเจิดจ้าทั้งสองคนเช่นนี้ แต่พี่ใหญ่กลับถูกคนใส่ร้ายในกรมขุนนางที่ปฏิบัติหน้าที่ จนชื่อเสียงอันโด่งดังของเขาถูกทำลายจนป่นปี้ และในที่สุดก็ถูกทำโทษให้ม้าทั้งห้าแยกร่าง!]
[ส่วนพี่ชายคนรองก็ถูกคนร้ายวางแผนล่อสังหารในสนามรบขณะที่กำลังต่อสู้เพื่อบ้านเมือง ต้องตายในสนามรบเหมือนศพไร้บ้าน!]
[ส่วนข้าก็ตายตั้งแต่ยังเล็ก อีกทั้งยังตายตั้งแต่อายุสามขวบโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่!]
[อ๊ากกก! สวรรค์ทำไมถึงทำเช่นนี้กับพวกข้า ทั้งที่เป็นตระกูลที่จงรักภักดีทั้งตระกูล แต่กลับต้องมาถูกประหารทั้งตระกูล อีกทั้งยังจบสิ้นทั้งตระกูลไร้ซึ่งผู้สืบสกุลต่ออีก นี่มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!]
เฉียวเทียนจิงกับเฉียวตี้อี้ : !!!
อะไรนะ!
น้องสาวจะตายเมื่ออายุครบสามขวบหรือ!
ไม่ได้นะ เรื่องนี้พวกเขาไม่อาจยอมรับได้แน่นอน!
ท่านพ่อท่านแม่ของพวกเขารอคอยมานานกว่าสิบปีกว่าจะได้น้องสาวคนนี้มา!
ขณะนี้เฉียวเทียนจิงกับเฉียวตี้อี้ไม่ได้ตกใจกับชะตาชีวิตของพวกเขาเป็นอย่างแรก แต่กลับเป็นห่วงความปลอดภัยของเฉียวเจียวเจียวก่อน
เมื่อครู่นี้เฉียวเจียวเจียวไม่ได้เปิดเผยชะตาชีวิตของตัวเองให้ฟัง ตอนนี้พอนายท่านเฉียวกับฮูหยินเฉียวรู้แล้วว่าเฉียวเจียวเจียวจะตายก่อนวัยอันควร ก็รู้สึกเหมือนโลกหมุนหนักมาก
ฮูหยินเฉียวก็มีแผนของตัวเองเช่นกัน นางส่ายหน้าอย่างเห็นอกเห็นใจ “ท่านพี่เป็นบุรุษ อยู่ที่นี่จะทำอะไรไม่สะดวก หลายวันต่อจากนี้คงต้องให้ท่านลำบากไปพักที่ห้องหนังสือก่อนนะเจ้าคะ?”
[อ๊ากกก! เฟืองแห่งโชคชะตากำลังเริ่มหมุนแล้ว! ฮือ ๆ ๆ ไม่ได้นะ ข้าหิวจนจะตาลายอยู่แล้ว! ไอหยา ๆ ๆ ท่านพ่อท่านไปไม่ได้นะ!]
เฉียวเจียวเจียวร้อนอกร้อนใจมาก แต่เมื่อน้ำนมเข้าปากสมองของนางก็ขาวโพลน นางดื่มไปสองสามอึกและก็หลับสนิทไป
ฮูหยินเฉียวเห็นเฉียวเจียวเจียวนอนหลับสนิทไปแล้ว จึงเรียกแม่นมหลิวที่อยู่ข้างกายให้เข้ามาแล้วสั่งกำชับอย่างเรียบเฉยว่า
“แม่นม คืนนี้ท่านไม่ต้องมาคอยปรนนิบัติรับใช้ข้านะ ให้ท่านแอบไปจับตาดูเฝ้าสังเกตอยู่ที่นอกห้องหนังสือ คอยดูสิว่ามีสาวใช้คนไหนที่คิดไม่ซื่อบ้าง”
แม่นมหลิวได้ยินเช่นนี้ก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ฮูหยิน ท่านหมายความว่า!”
ฮูหยินเฉียวทำสีหน้านิ่งเฉย “จวนหลังใหญ่ขนาดนี้ก็ต้องมีสุนัขและแมวมาขอข้าวกินบ้างแหละ”
“แม่นม อย่าได้ทำให้เป็นเรื่องเอิกเกริกใหญ่โตเลย ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำให้นายท่านดูไม่ดีเพราะเขายังคงจริงใจต่อข้า ข้าเองก็รู้ดี”
แม่นมหลิวรับคำสั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และก็รีบออกไปทันที
อีกทางด้านหนึ่ง เฉียวจงกั๋วมาถึงห้องหนังสือด้วยใบหน้ายิ้มระรื่นใจ และสั่งให้คนรับใช้ส่งเหล้ามาให้สองไหใหญ่ และตะโกนบอกว่าวันนี้มีความสุขมากจะต้องดื่มเหล้าให้เมาจนหัวราน้ำไปเลย
แสงพระจันทร์สาดส่องลงมากระทบที่เรือนจนดูวังเวง เทียนจิง ตี้อี้สองพี่น้องกำลังยืนประชันหน้ากันด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมทั้งคู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาฝ่าลิขิตสวรรค์
จุติใหม่เป็นตัวประกอบในโลกนิยาย คือเรื่องเดียวกัน...
สถานะขี้นว่าเสร็จสิ้น คือไม่มีตอนต่อไปแล้วใช่ไมค่ะ...
รออัพเดทอยู่น๊า...