“อื้อ อยากสิ อยาก”
เมื่อสัมผัสได้ถึงออร่าที่แสนเยือกเย็นของชายหนุ่ม ก็เหมือนกับชะตาชีวิตที่ไม่แน่นอนที่เพิ่งเดินออกมาจากนรก ทำให้เธอรู้สึกถึงความตายที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมเป็นครั้งแรก
เมิ่งหว่านชูพยักหน้าหงึกๆ ตามสัญชาตญาณเอาตัวรอด “อยากแน่นอน แต่จะพิสูจน์ยังไงล่ะ”
“ดีมาก”
น้ำค้างแข็งบนใบหน้าที่เย็นเยียบของฉิงมั่วหันละลายหายไป ริมฝีปากบิดขึ้นเป็นเส้นโค้ง
เขาโน้มตัวลงมาที่ข้างหูของเธอ ลมหายใจรดใส่เส้นผมบริเวณต้นคอ ให้ความรู้สึกอ่อนระทวย แต่เธอกลับรู้สึกเสียวสันหลังมากกว่า
ผ่านไปสองสามวินาที จึงได้ยินเสียงชายหนุ่มพูดขึ้น “ผมมีอยู่วิธีหนึ่งที่จะขจัดปัญหาทั้งหมดได้”
“วิ...วิธีอะไร”
“นั่นก็คือ...”
คำพูดของเขาหยุดลงครึ่งๆ กลางๆ เหมือนกำลังแกล้งเธอ จนกระทั่งหญิงสาวตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหวแล้วจึงพูดขึ้นว่า “ตัดมดลูกของคุณทิ้งซะ!”
“มด...มดลูก?”
เมิ่งหว่านชูตกใจผงะถอยหลังไปสองก้าว และชนเข้ากับโซฟาด้านหลังล้มลง เธอมองฉิงมั่วหันด้วยความตะลึง “ไม่ ไม่เอา...ฉันไม่เอานะ”
หากตัดมดลูกออก ตลอดชีวิตนี้ก็จะไม่สามารถมีลูกได้
เธอไม่มีทางยอมรับข้อตกลงนี้เด็กขาด
“ฉิงมั่วหัน คุณเป็นปีศาจหรือไง”
เมิ่งหว่านชูที่เข้มแข็งมาโดยตลอดอดไม่ได้ที่จะตกใจ
ก่อนหน้านี้ เธอไม่รู้จักตัวตนของฉิงมั่วหัน แต่เมื่อรู้แล้ว ความกลัวกลับเพิ่มทวี
เพราะผู้ชายคนนี้มีความสามารถในการบดขยี้ทุกอย่าง
ทำให้เธอตายก็ง่ายดายเหมือนเหยียบมด
ฉิงมั่วหันพ่นเสียงเยาะเย้ยเบาๆ แล้วจึงหยิบโทรศัพท์กดโทรออก “ซ่งฉือ ติดต่อโรงพยาบาลให้เตรียมการผ่าตัดมดลูก...”
“ไม่ ไม่ได้ ไม่ได้นะ!”
ไม่รอให้ฉิงมั่วหันพูดจบ เมิ่งหว่านชูรีบลุกขึ้นและคว้าโทรศัพท์มือถือของเขามากดวางสาย เธอตะโกนขึ้นด้วยความโกรธและน้อยใจ “มีสิทธิ์อะไร คุณมีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ”
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะแสร้งทำเป็นกระต่ายขาวตัวน้อยที่ไร้เดียงสาและน่าสงสารต่อหน้าชายคนนี้
เพราะไอ้สารเลวนี่เป็นเดรัจฉานเลือดเย็น
“ได้ไม่ได้ ก็ต้องลองดู”
ฉิงมั่วหันหยิบโทรศัพท์จากมือถือและเดินผ่านเธอไป
“อย่าเพิ่งไป!”
เมิ่งหว่านชูคว้ามือของฉิงมั่วหันไว้ คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง แล้วพูดทั้งน้ำตาว่า “คุณชายฉิง คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันจะท้องหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่ถ้าท้องขึ้นมาจริงๆ ฉันจะทำแท้งแน่นอน”
เพื่อรักษา ‘มดลูก’ เอาไว้ เมิ่งหว่านชูพยายามอีกครั้ง
ศักดิ์ศรีอะไร ไม่มีค่าพอจะเทียบกับชีวิตน้อยๆ ได้
เธอไม่อยากเสียมดลูกไปตั้งแต่อายุยังน้อย กลัวว่าอีกหน่อยหากจะเป็นฝ่ายสู่ขอก็ไม่มีผู้ชายคนไหนเอาด้วย
“เมื่อกี้นี้ยังทำท่าไม่พอใจอยู่เลย ตอนนี้มาคุกเข่าอ้อนวอนแล้วหรือ” มือใหญ่ๆ ของชายหนุ่มบีบคางเธอ “คุณบอกสิ ผมควรเชื่อคุณในแบบไหนดี”
“คุณชายฉิง คนเราต้องมีมโนธรรมบ้างสิ คุณย่าของคุณเป็นคนวางยา แต่คนที่นอนกับคุณคือฉัน ฉันเป็นเหยื่อนะ ทำไมฉันต้องมารับผิดชอบผลกรรมนี้ด้วยล่ะ”
เธอโกรธมาก
เมื่อสักครู่เธอดูน่าสงสาร แต่ตอนนี้คุกเข่าลงกับพื้นแล้วกลับมาท่าทางขุ่นเคือง อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงกระตุ้นความสนใจของฉิงมั่วหัน
“เพราะ...มีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้”
เขาโยนคำคืนให้เมิ่งหว่านชู และพูดอีกว่า “รออยู่ที่นี่ทำตัวดีๆ ซะ เดี๋ยวจะมีคนมารับคุณไปผ่าตัด”
ฉิงมั่วหันหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดมือที่บีบคางของเธอ ราวกับรู้สึกสกปรก
เขาทิ้งทิชชูลงถังขยะแล้วหันหลังเดินจากไป
“คุณชายฉิง?”
“คุณชายฉิง? พวกเราต้องคุยกันหน่อยแล้ว”
“เฮ้ ฉิงมั่วหัน อย่าเพิ่งไปนะ”
“ฉิงมั่วหัน แกมันคนชั่ว ไอ้เลว!”
“โชเฟอร์คะ ไปโรงพยาบาลเซิ่งเต๋อ ไม่ดีกว่าค่ะ ไปคฤหาสน์หลงซีค่ะ”
เดิมเธอคิดจะไปหาพ่อแม่บุญธรรมที่โรงพยาบาลเซิ่งเต๋อ แต่เวลานี้เธอเปลี่ยนใจไปคฤหาสน์หลงซีแทนเพื่อเอาเงินจากพวกตระกูลหลี แล้วค่อยพาพ่อแม่บุญธรรมของเธอไปจากหลานเฉิง
ตอนที่เธอบริจาคกระดูกให้ลูกชายคนเล็กของตระกูลหลี บิดาผู้ให้กำเนิดสัญญาว่าจะให้เงินเธอห้าแสนเป็นค่าตอบแทนเมื่อพวกเขาไปจากหลานเฉิง
เมิ่งหว่านชูไม่อยากลดตัวลงไปรับเงินของพวกเขา แต่เวลานี้เธอไม่มีทางเลือก
เงินเดือนของเธอยังไม่ออก แล้วห้าพันสุดท้ายที่มีก็จ่ายเป็นค่ารักษาให้ฉิงมั่วหันไปแล้ว หากเธอจะพาพ่อแม่บุญธรรมกลับชนบท ยังไงก็ต้องใช้เงิน
หากไม่มีเงิน อะไรก็ยากไปหมด
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงคฤหาสน์หลงซี
เมิ่งหว่านชูเดินลงจากรถ ตรงไปที่ประตูแล้วกดกริ่ง
ไม่นานนักประตูคฤหาสน์ก็เปิดออก จ้าวรั่วหลานที่เต็มไปด้วยเครื่องเพชรก็ขมวดคิ้วขึ้นทันทีที่เห็นเธอ “เธอมาที่นี่ทำไม”
จ้าวรั่วหลานอายุกว่าห้าสิบปีสวมเสื้อเชิ้ตคอวีเข้าเอวสีฟ้าอัญมณีและกางเกงเอวสูงสีดำ เพราะเธอดูแลตัวเองอย่างดี จึงยังดูอ่อนวัยและมีราศี
เธอคือมารดาผู้ให้กำเนิดเมิ่งหว่านชู
“หลีฟู่อานล่ะ ฉันมีธุระกับเขา”
เมิ่งหว่านชูเอ่ยถามเข้าประเด็น
“พูดจาอะไรกัน ทำไมถึงเรียกชื่อของเขาตรงๆ แบบนี้” ใบหน้าของจ้าวรั่วหลานเต็มไปด้วยความดูถูกและดูแคลน
บางครั้งเมิ่งหว่านชูก็ไม่เข้าใจ เธอและหลีอวิ่นเอ๋อร์เป็นพี่น้องท้องเดียวกันแท้ๆ ทำไมสามีภรรยาคู่นี้ถึงได้รังเกียจเธอนัก
“เรียกชื่อไม่ได้เหรอ”
เมิ่งหว่านชูหัวเราะขึ้น “ได้ ไอ้คนที่เป็นสามีคุณน่ะ ฉันมีธุระด้วย”
“เธอ...ฮึ มาจากบ้านนอกจริงๆ ไม่มีมารยาทซะเลย”
เธอทำให้จ้าวรั่วหลานโมโหอยู่ไม่น้อย
“มารยาทต้องถูกสอนโดยแม่แท้ๆ คนที่ไม่มีพ่อแม่แท้ๆ อย่างฉันรอดมาได้จนป่านนี้ก็ไม่เลวแล้ว มาพูดเรื่องมารยาทอะไรกัน”
เมิ่งหว่านชูไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะต้องมาพบพ่อแม่แท้ๆ อีกครั้งด้วยท่าทีแบบนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ประธานตัวร้ายกับยัยจอมแสร้ง