สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา นิยาย บท 113

"ฉันมองออก!"

หร่านจ้ายเซียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นแค่เรื่องศักดิ์ศรีของตระกูลไค มันยังรวมถึงศักดิ์ศรีของฉันด้วย! ถ้าหากฉันยอมปล่อยให้เรื่องผ่านไปแบบนี้ แล้วต่อไปฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปพบคนอื่น?"

"ความหมายของคุณคือ…"

"ฉันไม่สนว่าเขาเป็นใคร คิดบัญชีก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง"

พูดจบ หร่านจ้ายเซียนชี้ไปทางไคเหิงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม "ไคเหิง ถ้าหากแกยังคิดจะขวางฉัน ความสัมพันธ์ของเราขาดกัน ไสหัวไป!"

พูดจบ คนที่อยู่ด้านหลังของหร่านจ้ายเซียนคิดจะตรงเข้าไปหาหลินหยาง

ร่างกายของไคเหิงสั่นสะท้าน เห็นสีหน้าของชายชราจริงจังขนาดนี้ เขารู้ได้ในทันทีว่าหร่านจ้ายเซียนโกรธแล้ว

เขาไม่อยากมีปัญหากับหลินหยาง แต่เขาจะยอมมีปัญหากับหร่านจ้ายเซียนเหรอ?

ชั่วขณะไคเหิงเริ่มทำตัวลำบาก

ดูเหมือนไม่ออกลงคงจะไม่ได้แล้ว!

หลินหยางคิดในใจ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา

เรื่องมันมาถึงขนาดนี้ เขาก็ไม่ถือสาที่จะทำร้ายคนเพิ่มอีกสักสองสามคนแล้ว!

แต่ในช่วงเวลาสำคัญกับมีเสียงที่ไพเราะและดังชัดเจนดังขึ้น

"ว้าว! คึกคักจังเลย! พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?"

เสียงพูดดังขึ้นอย่างกะทันหัน

ทุกคนหันไปมองตามทิศทางของเสียง กลับเห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักมากเดินตรงเข้ามา โดยมีชายชราสวมชุดสูทคนหนึ่งเดินตามหลังเธอ

ยัยเด็กผู้หญิงคนนี้มาจากไหน? ทำไมถึงไม่รู้อะไรเลย!

มีคนขมวดคิ้ว

แต่แล้วเด็กสาวคนนั้นไม่สนใจอะไร เธอเดินเข้ามากระพริบตาให้กับหลินหยางแล้วเดินตรงเข้าไปหาซูเหยียน

"คุณน่าจะเป็นพี่เหยียนใช่หรือเปล่า? สวัสดี!" เด็กสาวยิ้มแล้วพูด

"คุณคือ…" ซูเหยียนรู้สึกมึนงงไปหมด

"อ๋อ คุณเรียกฉันว่าเสี่ยวหลานก็พอ ฉันมาอวยพรวันเกิดคุณปู่จางแทนใครบางคน!" เด็กสาวยิ้มอย่างลึกลับแล้วถามเสียงดัง "ไม่ทราบว่าคนไหนคือคุณปู่จางจงหัว?"

"ฉันเอง" จางจงหัวมองเด็กสาวด้วยความสงสัย "นางหนู เธอเป็นใคร?"

"สวัสดีคุณปู่จาง ฉันชื่อเซี่ยโยวหลาน ตั้งใจเดินทางมาจากเยี้ยนจินเพื่อมอบของขวัญให้กับคุณ ฉันขออวยพรให้คุณสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว มั่งมีศรีสุข!" เด็กสาวยิ้มแล้วพูด

คำพูดประโยคนี้ถึงกับทำให้หร่านจ้ายเซียนหน้าถอดสี

"เซี่ยโยวหลาน? หรือ…หรือว่าเธอคือคนของตระกูลเซี่ยแห่งเยี้ยนจิน?"

ตระกูลเซี่ยแห่งเยี้ยนจิน?

ร่างกายของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกเย็นวูบเหมือนตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง…

ตระกูลเซี่ยแห่งเยี้ยนจิน!

คำพูดประโยคนี้เป็นเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่กดทับอยู่บนหัวใจของทุกคน ทำให้แต่ละคนรู้สึกหายใจลำบาก

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์มีเพียงหร่านจ้ายเซียนที่มาจากเยี้ยนจิน แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายที่รู้สึกตกใจกับคำพูดประโยคนี้

ตระกูลเซี่ยเป็นตระกูลใหญ่ระดับไหน!

ตระกูลเซี่ยเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลมากแค่ไหน!

แต่ตอนนี้ คนของตระกูลเซี่ยกลับเดินทางมาที่มณฑลกวงหลิว ยิ่งไปกว่านั้นยังมาอวยพรวันเกิดให้กับจางจงหัว?

แบบนี้มันหมายความว่ายังไง?

ตระกูลจางไปรู้จักกับตระกูลเซี่ยตั้งแต่เมื่อไหร่?

ไม่ถูก ไม่ใช่กับตระกูลจาง แต่น่าจะเป็นซูเหยียน!

อย่างไรก็ตามเมื่อกี้เซี่ยโยวหลานเดินเข้ามาแล้วพูดกับซูเหยียนเพียงคนเดียว

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที

ทางด้านของตระกูลไคถึงกับหน้าซีดขาวจนถึงขีดสุด

"ตระ…ตระกูลเซี่ย? อืม…ดี! ดี! ยินดีต้อนรับ!" จางจงหัวเริ่มจะตอบสนองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน เขารู้สึกอึ้งไปสักพักใหญ่

"คุณปู่จาง โยวหลานมาอย่างเร่งรีบจึงไม่ได้เตรียมของขวัญล่ำค่าอะไร แค่หยิบอะไรนิดหน่อยออกมาจากบ้าน นี่เป็นไข่มุกกลางคืนจากทะเลตงไห่ ส่วนพวกนี้เป็นพญารังนกโลหิต หวังว่าคุณจะชอบของพวกนี้" เซี่ยโยวหลานยิ้มแล้วพูด

ชายชราสวมชุดสูทที่อยู่ด้านหลังก้าวออกมานำของขวัญมอบให้

"อะไรนะ?"

เกิดความโกลาหลขึ้นทันที

"ไข่มุกกลางคืนจากทะเลตงไห่? ว่ากันว่านี่เป็นไข่มุกกลางคืนชั้นเยี่ยม ไม่เพียงแต่เม็ดใหญ่เท่านั้น กลางคืนยังส่องแสงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เก็บไว้ในห้องนอน มันมีผลที่อัศจรรย์มากสามารถช่วยให้จิตใจสงบและเลือดลมไหลเวียนได้ดี ทั่วประเทศมีเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น ปัจจุบันราคาถูกปั่นจนสูงมาก มีผู้คนมากมายที่ต้องการซื้อของสิ่งนี้ แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะอยู่ในมือของตระกูลเซี่ย…"

"โดยเฉพาะพญารังนกโลหิตยิ่งไม่ธรรมดา เล่ากันว่าพยานรังนกโลหิตจะพบได้ครั้งเดียวในรอบสามสิบปี พยานรังนกโลหิตมากมายขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการเก็บ นี่ไม่ใช่ของที่มีเงินแล้วจะซื้อได้…"

"สมกับที่เป็นตระกูลเซี่ย"

"เธอบอกว่าของพวกนี้แค่หยิบอะไรนิดหน่อยออกมาจากบ้านเหรอ? แบบนี้มันจะเวอร์เกินไปหรือเปล่า…"

แขกทุกคนถึงกับสูดอากาศที่เย็นวูบเข้าไปในปอด

ผู้เฒ่าจางก็มองตาค้างเหมือนกัน แต่ว่าเขาเป็นคนที่เคยเห็นอะไรมามากมาย หัวเราะฮ่าฮ่าแล้วพูด "นางหนูมีความจริงใจ ฉันต้องขอขอบคุณมาก!"

"คุณปู่จางเกรงใจแล้ว" เซี่ยโยวหลานยิ้มแล้วพูด

"นางหนูพูดจาสมเหตุสมผลฉลาดหลักแหลม สมกับที่เป็นคนของตระกูลเซี่ย เพียงแต่วันนี้เกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลจางนิดหน่อย เกรงว่าคงจะกลายเป็นเรื่องตลก นางหนู เธอเข้าไปพักผ่อนดื่มน้ำชาข้างในก่อน หลังจากฉันจัดการเรื่องที่นี่เสร็จแล้วค่อยไปต้อนรับเธออีกที" จางจงหัวถอนหายใจแล้วพูด

"ได้ค่ะคุณปู่จาง แต่ว่าโยวหลานอยากให้พี่ซูเหยียนอยู่เป็นเพื่อน" เซี่ยโยวหลานยิ้มพูด

คำพูดประโยคที่เรียบง่ายแต่กลับเป็นเหมือนเดิมคำตัดสินโทษประหาร ทำให้หร่านจ้ายเซียนเงียบพูดอะไรไม่ออกทันที

คนของตระกูลไคทำหน้าตกใจจนถึงขีดสุด

ไคเหิงหันหลังแล้วเดินจากไปโดยตรง

ตระกูลเยว่ ตระกูลเหมยและคนอื่นหลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยโยวหลาน ทุกคนรู้ได้ในทันทีว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ใครจะไปคิด…เบื้องหลังของซูเหยียนจะมีตระกูลเซี่ย…

ปัง! ปัง! ปัง!...

หลินหยางยกเก้าอี้ฟาดใส่ตัวของไคโม่เหมือนกับเป็นบ้าไปแล้ว

โหดร้ายและไม่มีความปราณีแม้แต่นิดเดียว

จนกระทั่งเก้าอี้พังไปแล้วหนึ่งตัว เขาเดินไปเปลี่ยนเก้าอี้ตัวใหม่มา ในระหว่างนั้นถึงขั้นสามารถได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก

"หยุด…หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!" ไคเจียงกระวนกระวายจนทนไม่ไหวแล้ว เขาคิดจะเดินเข้าไปแต่โดนหร่านจ้ายเซียนห้ามเอาไว้

"ปล่อยให้เขาทำ" หร่านจ้ายเซียนพูดเสียงเบา

"พ่อทูนหัว!" ไคเจียงเริ่มร้อนรนแล้ว

"แกคงจะไม่อยากให้ตระกูลไคต้องจบสิ้นหรอกมั้ง?" หร่านจ้ายเซียนพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง

ร่างกายของไคเจียงสั่นสะท้าน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

คุณนายจางยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น เห็นคนของตระกูลจางไม่กล้าทำอะไร เธอเข้าใจได้ในทันทีว่าผู้มามีอิทธิพลมากแค่ไหน

เพราะแบบนี้ จึงไม่มีใครกล้าแตะต้องหลินหยางอีก

หลินหยางยังคงใช้เก้าอี้กระหน่ำฟาดลงบนตัวของไคโม่อย่างต่อเนื่อง

บรรยากาศในตอนนี้ดูแปลกประหลาดมาก

ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ตัวเองกำลังเห็น

ภายในห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของไคโม่

หลังจากผ่านไปแล้วประมาณสิบวินาที เสียงของไคโม่เงียบไปแล้ว

เหมือนจะหมดสติไป บนตัวของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด กล้ามเนื้อบนร่างกายไม่มีส่วนไหนที่อยู่ในสภาพชิ้นดี

"หลินหยางพอได้แล้ว อย่าถึงขั้นทำให้มีคนตาย!" ชายชราเริ่มทนดูไม่ได้แล้ว

"วางใจเถอะ ผมเคยอ่านตำราการแพทย์มาบ้าง เขาไม่ตายหรอก"

เขาพูดเพียงแค่ไม่ตาย แต่ไม่ได้บอกว่าไม่พิการ

หลินหยางถอนหายใจแล้วมองเก้าอี้ที่พังเสียหายในมือของตัวเอง เขาโยนเก้าอี้ทิ้งไปด้านข้างแล้วพูด "หามไปรักษาเถอะ"

ไคเจียงเดินเข้าไปประคองไคโม่ ผ่านไปสักพักพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง "เกรงว่าพี่ใหญ่ของผมคงจะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา