สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา นิยาย บท 1313

“ผม…ไม่มีพรรคพวก เจ้าลัทธิส่งผมมาคนเดียว…” เสว่ฟงพูดด้วยเสียงที่อ่อนแรง

“แค่คุณคนเดียว? อย่ามาโกหกผม!” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุร้าย เตรียมใช้เข็มเงินอีกครั้ง

“หมอเทวดาหลิน ผมไม่ได้โกหกคุณ! ผมสาบาน! เจ้าลัทธิส่งผมมาคนเดียว เขาไม่จำเป็นต้องส่งใครมาช่วยผม อาศัยผมคนเดียวก็พอที่จะจัดการคนในสถาบันการแพทย์พรรคซวนอี ถ้าแม้แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ส่งคนมามากกว่านี้มันจะมีประโยชน์อะไร?” ฟงเสว่รีบอธิบาย

หลินหยางได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล

ถูกต้อง ในเวลาแบบนี้ฟงเสว่ไม่จำเป็นต้องโกหกเขา

“แล้วตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่?”

หลินหยางรู้สึกสงสัยอย่างมาก

ทันใดนั้น เขานึกอะไรขึ้นได้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูดเสียงเบา “คุณมีเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกันในลัทธิโลหิตมารหรือเปล่า?”

“มี…เสว่ขง…”

“เขาเป็นคนข้างกายของเจ้าลัทธิหรือเปล่า?”

“ไม่ เสว่ขงเป็นคนรับผิดชอบด้านขนส่ง”

“แบบนี้ก็เท่ากับว่าเขาน่าจะไม่รู้สถานการณ์ของคุณในตอนนี้ใช่หรือเปล่า?” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง

“นอกจากเจ้าลัทธิจะไปบอกเขาด้วยตัวเอง”

“งั้นดี คุณรีบโทรหาเขาเดี๋ยวนี้ ลองถามเขาดูว่าลัทธิโลหิตมารมีการเคลื่อนไหวอะไรหรือเปล่า!”

หลินหบางพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม กดหาเบอร์โทรของเสว่ขงแล้วโทรออกไป

ผ่านไปสักพัก มีคนรับสาย มีเสียงที่ประหลาดใจดังขึ้นจากปลายสาย

“เสว่ฟง? คุณโทรมาหาผมทำไมตอนนี้? เจ้าลัทธิสั่งให้คุณไปจัดการเรื่องของสถาบันการแพทย์พรรคซวนอีไม่ใช่เหรอ?”

“อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องพวกนี้…เสว่ขง ผมขอถามคุณหน่อย ช่วงนี้เจ้าลัทธิสั่งให้ทุกคนเคลื่อนไหวอะไรหรือเปล่า?” เสว่ฟงถาม

“คุณถามเรื่องนี้ทำไม?”

“รีบตอบผมมาเถอะ…” เสว่ฟงเร่งเร้า

เสว่ขงรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ยังตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา

“เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน กลุ่มเงาโลหิตและกลุ่มสายเลือดปีศาจมารับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผม พวกเขาบอกว่าได้รับคำสั่งเดินทางไปจัดการธุระที่สำนักฉี๋หลินและเกาะหวางโยว ถ้าผมเดาไม่ผิด ต้องเป็นเพราะเจ้าลัทธิโกรธมาก ก็เลยส่งคนไปโค่นล้มทั้งสองสำนัก!” เสว่ขงพูด

ทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ สมองของหลินหยางวูบไปชั่วขณะ…

สำนักฉี๋หลินและเกาะหวางโยว?

ลัทธิโลหิตมารคิดจะลงมือกับสถานที่ทั้งสองแห่ง?

“พวกเขาออกเดินทางเมื่อไหร่?” หลินหยางถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

เห็นได้ชัดว่าเสว่ขงก็ยังไม่รู้ตัว เขาพูด “น่าจะเมื่อสามชั่วโมงก่อน…”

หลินหยางครุ่นคิด กดวางสายแล้วหยิบเข็มเงินขึ้นมาแทงใส่เสว่ฟง

“ไม่…ไม่…”

เสว่ฟงคิดว่าเข็มเงินเหล่านี้จะทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าตาย แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ ทันทีที่เข็มเงินฝังเข้าไปในเลือดเนื้อ ภาพตรงหน้าของเขามืดดับหมดสติไปโดยตรง

“ฉงฉางไป่!”

หลินหยางตะคอกอย่างกะทันหัน

คนทั้งกลุ่มตั้งสติได้รีบวิ่งเข้าไปหาหลินหยาง

“อาจารย์…”

“เอาคนนี้ไปขังไว้ก่อน หลังจากนั้นรีบทำการรักษาคนอื่น” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

“ครับ”

ฉงฉางไป่รีบสั่งคนไปจัดการทันที

ถึงแม้มีคนมากมายที่แขนขาขาด แต่เนื่องจากดาบของเสว่ฟงคมมาก ต้องการต่อแขนขาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องยาก แม้แต่แขนของฉินหนิง ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ในปัจจุบันก็สามารถต่อได้อย่างสมบูรณ์

แต่อาการของบางคนค่อนข้างสาหัส

อย่างเช่น หม่าไห่

“ประธานหลิน!”

มีเสียงตะโกนดังขึ้น

หลังจากนั้นจ้าวขวยอังหนึ่งในอาจารย์วิ่งออกมาจากด้านใน

“มีอะไร?” หลินหยางถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

ได้ยินเพียงจ้าวขวยอังพูดเสียงดังด้วยความร้อนใจ “ประธานหม่าใกล้จะไม่ไหวแล้ว ประธานหลิน เชิญคุณรีบไปดูเร็ว!”

ลมหายใจของหลินหยางหยุดชะงัก รีบวิ่งตรงไปที่ห้องผ่าตัด

หม่าไห่ในตอนนี้ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดของสถาบันการแพทย์พรรคซวนอี มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนกำลังถ่ายเลือดให้เขา

ทุกคนเงียบไม่มีใครกล้าโต้แย้ง

“ส่งคนไปลัทธิโลหิตมาเดี๋ยวนี้! ไปถามพวกเขาว่าตกลงคิดจะทำอะไรกันแน่! อีกอย่าง ตรวจสอบข้อมูลเบื้องลึกของลัทธินี้ ถ้าหากมีตรงไหนที่ล้ำเส้น รวบรวมหลักฐาน! ผมจะไปกระทืบมัน!” เจิ้งหนานเทียนตะคอก

“ครับ ท่านผู้บัญชาการ!”

ทุกคนตอบรับพร้อมกัน

ในตอนนั้นเอง มีคนเปิดประตูห้องประชุมอย่างกะทันหัน

มีชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบใกล้เคียงกับเจิ้งหนานเทียนเดินเข้ามา

“ผู้บัญชาการเจิ้ง มีเรื่องอะไรถึงโมโหแบบนี้?” ผู้ชายคนนั้นถามอย่างยิ้มแย้ม

“หวังซือเหมี่ยว?” เจิ้งหนานเทียนหรี่ตาลง “คุณมาทำอะไร?”

“ผมได้ยินมาว่าผู้บัญชาการเจิ้งต้องการตรวจสอบลัทธิโลหิตมาร ก็เลยแวะมาดู”

“ทำไม? คุณไม่อยากให้ผมตรวจสอบ?”

“ลัทธิโลหิตมารเคยทำงานให้เบื้องบนไม่น้อย เมื่อเดือนที่แล้วต่างประเทศส่งกองกำลังที่น่ากลัวเข้ามาชุดหนึ่ง หวังก่อความวุ่นวายภายใน แต่สุดท้ายก็โดนคนของลัทธิโลหิตมารหยุดไว้ได้ และจัดการอย่างเงียบๆ ถือว่าพวกเขาสร้างคุณความดี ถ้าหากพวกเราไปตรวจสอบพวกเขาแบบนี้ แบบนี้ไม่เท่ากับไม่ไว้วางใจพวกเขาเหรอ?” หวังซือเหมี่ยวพูด

“ผลงานก็ส่วนเรื่องผลงาน หรือมีผลงานแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ? พวกเขากระทำการอุกอาจเกินไปแล้ว! ในสายตาของพวกเขายังมีกฎหมายอยู่หรือเปล่า?” เจิ้งหนานเทียนถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

“เรื่องนี้อาจจะเป็นแค่การกระทำส่วนบุคคล ผมคิดว่าเจ้าลัทธิโลหิตมารต้องมีคำตอบให้พวกเราแน่ และผมก็ส่งคนไปสถาบันการแพทย์พรรคซวนอีแล้ว ผู้บัญชาการเจิ้ง คงไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องมันบานปลายหรอกมั้ง?” หวังซือเหมี่ยวหรี่ตาลง

เจิ้งหนานเทียนจ้องเขาด้วยสายตาที่เย็นชา “ผมถือว่าเข้าใจแล้วทำไมลัทธิโลหิตมารถึงไม่เห็นหัวใครเลย ดูเหมือนจะมีพวกคุณคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังใช่หรือเปล่า?”

“ผู้บัญชาการเจิ้งพูดเกินไปแล้วมั้ง?” หวังซือเหมี่ยวหรี่ตาลง รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มหายไป

เจิ้งหนานเทียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ “เอาเป็นว่าผมจะตรวจสอบพวกเขาแน่! ลัทธิโลหิตมารจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบ ไม่ว่าใครก็ขวางไม่ได้! หวังซือเหมี่ยว ผมขอแนะนำคุณด้วยความหวังดี ลัทธิโลหิตมารกำลังเล่นกับไฟ! ทางที่ดีคุณอยากเข้าไปยุ่งจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะซวยไปด้วย อย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณล่ะ!”

“เล่นกับไฟ? ผู้บัญชาการเจิ้งหมายความว่ายังไง?”

“คุณไม่รู้เหรอว่าลัทธิโลหิตมารกำลังล่วงเกินใคร?”

“หมอเทวดาหลิน?”

“ถึงแม้เขาจะถูกเรียกว่าหมอเทวดา แต่เขาเป็นคนบ้า ครั้งนี้พวกคุณล้ำเส้นแล้ว! ถึงผมไม่ออกหน้า หมอเทวดาหลินก็ต้องมาคิดบัญชีกับพวกคุณ! หวังซือเหมี่ยว ถึงเวลาอย่ามาขอให้ผมช่วยก็แล้วกัน!”

เจิ้งหนานเทียนพูดด้วยความโกรธ สะบัดมือ เดินออกจากห้องประชุม

หวังซือเหมี่ยวมองแผ่นหลังที่เดินจากไป มุมปากกระตุกขึ้น “ผู้บัญชาการเจิ้ง ดูเหมือนคุณยังไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่กำลังเล่นกับไฟ แค่หมอเทวดาหลินคนเดียว คุณคิดว่าเขาแน่มากเลยเหรอ?”

.....

.....

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา