สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา นิยาย บท 133

ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น คนทั้งกลุ่มยืนตกตะลึงมองดูโซฟาพุ่งเข้ามาหาตัวเอง หลังจากนั้นร่างกายของพวกเขาถูกชนกระเด็นจนทีละคน

ปัง ปัง ปัง...

ทุกคนล้มลงไปกองกับพื้น

แขนของหลินหยางเคลื่อนไหวอีกครั้ง เหวี่ยงโซฟาไปฟาดใส่ชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านข้างอีกคน

ชายฉกรรจ์คนนั้นตกใจจนมีดร่วงหล่นลงพื้น เขาหันหลังแล้วคิดจะวิ่งหนีแต่สุดท้ายก็ไม่ทัน โซฟาฟาดตรงแผ่นหลังของเขาอย่างแรง

ปัง!

ร่างกายของเขาโดนฟาดจนร่างกายกระเด็นออกไปเหมือนกับลูกขนไก่ พุ่งชนเข้าใส่กำแพงอย่างแรงแล้วตกลงมาไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด

แผ่นหลังของเขายุบลงไปเป็นวงกว้าง ดูเหมือนกระดูกสันหลังจะหักหมดแล้ว

ภาพที่น่าเวทนานี้ทำให้คนที่เหลือรู้สึกเย็นวูบ

ผ่านไปเพียงครู่เดียว ชายฉกรรจ์เจ็ดแปดคนล้มลงไปกองกับพื้นจนหมด บางคนก็ส่งเสียงคร่ำครวญบางคนก็หมดสติไปโดยตรง

ส่วนบ๋อยที่เหลือไม่รู้ควรจะทำยังไงแล้ว

หลินหยางวางโซฟาไม่แข็งลงอย่างไม่ใส่ใจ หลังจากนั้นก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปหาขู่หลง

คนที่เหลือกลัวจนก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

แต่วินาทีต่อมา ขู่หลงกลับชักปืนสีดำกระบอกหนึ่งออกมาจากหน้าอก ปากกระบอกปืนเล็งตรงไปที่หลินหยาง

ฝีเท้าของหลินหยางหยุดชะงักลง

"ร้ายกาจ! ร้ายกาจ! เป็นพวกมีของเหรอ? อายุแค่นี้แต่กลับดุดันมากขนาดนี้! ดูเหมือนผมจะแก่แล้ว" ขู่หลงเก็บซ่อนความตกใจที่อยู่ในแววตา ยิ้มแล้วพูด

เขาก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกันว่าลูกศิษย์ชั้นนอกที่ฝึกฝนวิชาการต่อสู้มาเป็นเวลาหลายสิบปีจะมีพละกำลังที่น่าตกใจมาก สามารถยกของที่หนักหลายร้อยกิโลกรัมขึ้นด้วยมือเดียว แต่นั่นมันก็เป็นคนที่ฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายสิบปี แต่หลินหยางอายุแค่นี้ทำไมถึงมีแรงมากขนาดนี้?

ภายในใจของขู่หลงรู้สึกตกใจมาก แต่เขาไม่แสดงออกมาให้เห็นแม้แต่นิดเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้มือและเท้าจะร้ายกาจมากแค่ไหนแต่จะสู้ปืนได้หรือเปล่า? นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว วิชาการต่อสู้เหรอ? น่าขำสิ้นดี!

แต่แล้วในตอนนั้นเอง หลินหยางที่หยุดชะงักไปสักพักก้าวเดินไปข้างหน้าต่อ

"ผมให้โอกาสคุณแล้ว อันที่จริงถ้าหากคุณยอมแพ้และยอมจำนนต่อผม คุณจะไม่เจ็บปวดมากขนาดนี้ แต่คุณไม่ได้เลือกที่จะทำแบบนั้น ในทางกลับกันยังคิดจะต่อต้าน คุณทำให้ผมรู้สึกผิดหวังมาก ในเมื่อเป็นแบบนั้นผมก็ไม่ต้องเกรงใจแล้ว" หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ

"เหอะ ไอ้ตัวเหม็นที่ไม่รู้อะไรเลย ฉันเฮียหลงไม่ได้ฆ่าคนมาสองปีเต็มแล้ว แกมีโอกาสตายด้วยมือของฉันถือว่าเป็นเกียรติของแก แต่เนื่องจากการกระทำของแกในวันนี้ ถึงฉันจะฆ่าแกไปแล้วแต่ฉันก็ยังไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้ เพื่อนของแก ญาติของแก คนรักของแกทุกคนจะต้องชดใช้แทนการกระทำที่โง่เขลาของแก!" ขู่หลงยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ในแววตาเต็มไปด้วยอารมณ์ของความดุร้าย

ไม่เคยมีใครกล้าทำตัวอวดดีต่อหน้าเขาแบบนี้มาก่อน

คนคนนี้บีบคั้นจนทำให้เขาต้องลงมือ ถ้าหากเขาไม่ทำลายคนรอบตัวของหลินหยางให้หมด แล้วแบบนี้เขาจะเชิดหน้าชูตาอยู่ในเมืองเจียงเฉินต่อได้ยังไง?

ที่ขู่หลงสามารถแบ่งเขตหากินกับลุงชางและหงซีหยุนทั้งหมดล้วนแต่พึ่งพาสิ่งเดียว :โหดเหี้ยม

ครอบครัวที่โดนเขาทำลายไม่รู้มีมากเท่าไหร่ ทุกคนในวงการล้วนแต่บอกว่าปัญหาในวงการไม่เกี่ยวข้องกับครอบครัว แต่เขาไม่ได้คิดแบบนั้น เขาคิดว่าคนที่ไม่รู้จักจับจุดอ่อนของคนหรือปัญหาล้วนแต่เป็นคนที่โง่เขลา

ดังนั้นเขาจะต้องทำลายครอบครัวของหลินหยางให้หมด

แต่ก่อนหน้านั้น เขาจะต้องส่งประธานหลินที่มีชื่อเสียงคนนี้ไปยมโลกก่อน

ขู่หลงหรี่ตาลงเตรียมพร้อมที่จะลั่นไกปืน

แต่ในขณะที่เขากำลังจะลั่นไกลปืน แต่กลับพบไม่ว่าเขาจะออกแรงยังไงก็ไม่สามารถขยับนิ้วมือได้

ราวกับนิ้วมือของเขาโดนแช่แข็ง

"นี่มันเกิดอะไรขึ้น?" ขู่หลงมองตาค้าง

"ลูกพี่ มีอะไรหรือเปล่า?"

"รีบลั่นไกเลยลูกพี่"

ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างรู้สึกมึนงงไปหมด

ขู่หลงเบิกตากว้าง เขาพยายามขยับตัวอย่างบ้าคลั่ง เตยไม่ว่างเขาจะดิ้นรนยังไง สุดท้ายทำได้แต่ส่ายหน้าของตัวเองเล็กน้อย ตั้งแต่ช่วงคอลงไปของเขาราวกับโดนน้ำแข็งปิดผนึก

"ฉันขยับตัวไม่ได้! รีบเข้ามาช่วยฉันเร็วเข้า!" ขู่หลงตะคอกสุดเสียง

ลูกน้องที่อยู่โดยรอบรีบวิ่งเข้าไปทันที

แต่ทันทีที่พวกเขาเพิ่งเข้าใกล้ ร่างกายของหลินหยางพุ่งออกไปพร้อมกับชกหมัดใส่ทุกคนจนล้มลงไปกองกับพื้นทั้งหมด

มีคนคิดจะชักปืนออกมาเหมือนกัน แต่ทันทีที่พวกเขาเพิ่งยื่นมือออกไปกลับพบว่าไม่สามารถขยับตัวได้แล้ว

รูม่านตาของขู่หลงหดเล็กลง

"เป็นฝีมือของแก?" ในที่สุดเขาก็เริ่มรู้ตัวแล้ว จึงตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง

"ใช่"

หลินหยางเดินตรงเข้าไป ดึงเข็มเงินที่ปักอยู่ตรงข้อมือของเขาออก

ขู่หลงเพิ่งจะรู้ว่ามีเข็มเงินเล่มหนึ่งปักอยู่ตรงข้อมือของเขา

ในตอนนั้นเอง ร่างกายของเขาฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ

เขารีบลุกขึ้นคลานไปเก็บปืนคิดจะยิงใส่หลิหยาง แต่เพิ่งจะคลานไปไม่ถึงไหนร่างกายของเขาเริ่มชักอย่างกะทันหัน ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง มีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดเหมือนกับโดนพิษ ผ่านไปเพียงแค่ครู่เดียวร่างกายของเขานอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นเสียชีวิตไปทั้งแบบนี้

เจ้าพ่อของเมืองเจียงเฉินตายไปทั้งแบบนี้

คงไม่เคยมีใครคิดว่าเขาจะพบกับจุดจบแบบนี้

ชวี่เทียนที่ถุูกมัดอยู่บนเก้าอี้เบิกตากว้างจนลูกตาแทบจะหลุดออกมา

บางทีตอนนี้เขาอาจจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อกี้หลินหยางถึงกล้าพูดจาบ้าบิ่นแบบนั้นออกมา

ชายหนุ่มที่เชี่ยวชาญทักษะการแพทย์คนนี้…ไม่มีทางเป็นผู้วิเศษที่รักษาช่วยชีวิตผู้คนแน่นอน!

เขาไม่เพียงแต่รักษาคนเป็นเท่านั้น เขา…ฆ่าคนเป็นด้วย!

หลังจากแก้เชือก ชวี่เทียนล้มลงไปกองกับพื้น หอบหายใจอย่างแรง

"ยังไหวหรือเปล่า?"

หลินหยางถามในขณะที่กำลังฝังเข็มให้เขา

"ยังไม่ตาย…" ชวี่เทียนพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง

"งั้นก็ดีแล้ว" หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง "โทรศัพท์สั่งให้คนมารับช่วงของขู่หลง หลังจากนั้นค่อยช่วยจัดงานศพให้เขา ไปกันเถอะ พวกเราไปหาคนต่อไป"

ชวี่เทียนรู้สึกหนังศีรษะชาไปหมด ผ่านไปสักพักถึงจะตั้งสติได้ เขารีบวิ่งตามออกไปทันที

ตอนนี้เขาเพิ่งจะตระหนักได้ คืนนี้ เป็นคืนนองเลือดของเมืองเจียงเฉิน…

โรงพยาบาลประชาชนเมืองเจียงเฉิน

ฟู่หวู่และรวมไปถึงเพื่อนร่วมชั้นที่ค่อนข้างสนิทกับชวี่ชวงซวนรวมตัวกันอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความกังวล

"พวกเธอทำบ้าอะไรของพวกเธอ?"

หญิงวัยกลางคนสวมแว่นตาคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดกับฟู่หวู่และคนอื่นด้วยความโกรธ "แค่งานเลี้ยงวันเกิดถึงขั้นสามารถทำให้เกิดเรื่องถึงขนาดนี้! ร้ายกาจใช้ได้เลยพวกเธอ! ตอนนี้ทางมหาลัยกำลังรับมือกับนักสื่อข่าวอย่างเต็มที่ ผอ. กำชับมา ห้ามพวกเธอพูดอะไรส่งเดชเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะถูกไล่ออกทันที!"

ทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ เด็กผู้หญิงบางคนตกใจจนใช้มือปิดปากไม่กล้าพูดอะไร

ฟู่หวู่กลับยิ้มอย่างเย็นชา

ไล่ออก?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา