แต่ตอนที่เขากำลังลังเล มีเสียงตะโกนด้วยความโกรธของลูกศิษย์ดังขึ้นจากโดยรอบ
“สู้ก็สู้สิ! คิดว่าพวกเรากลัวพวกคุณ?”
“มา! สู้!”
“คอยดูพวกเรากระทืบพวกคุณจนต้องล้มลุกคลุกคลานหาฟันของตัวเอง!”
“แค่สำนักสวรรค์อินทนิล กล้ามาหือกับสำนักสวรรค์นิรันดร?”
“พวกคุณจะได้เห็นความร้ายกาจของพวกเรา!”
“สู้!”
“สู้!”
“สู้!”
...
มีเสียงตะโกนดังขึ้นไม่หยุด
อาวุโสสามเห็นสถานการณ์ กําหมัดแน่น ทำได้แต่ตะคอกเสียงดัง “พวกคุณคิดจะสู้ยังไง?”
“เหอะเหอะ ง่ายมาก! ทั้งสองฝ่ายล้วนแต่อยู่ที่นี่กันหมดแล้ว ผมส่งลูกศิษย์ออกมา คุณส่งลูกศิษย์ออกมา! ใช้ทักษะการต่อสู้ทางการแพทย์เป็นพื้นฐานในการต่อสู้ ถ้าหากลูกศิษย์ของผมเป็นฝ่ายแพ้ ผมจะไม่ถามหา ‘ตำราเทพลำพอง’ กับพวกคุณอีก ถ้าหากลูกศิษย์ของคุณเป็นฝ่ายแพ้ ถ้าอย่างนั้นก็ส่งมอบ ‘ตำราเทพลำพอง’ ออกมา!” เจิ้งฮั่นซานยิ้มแล้วพูด
คำพูดประโยคนี้ ทำให้เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นทันที
“พวกคุณมีกันอยู่ยี่สิบกว่าคน! กล้าท้าสู้กับพวกเรา?”
“รนหาที่ตายเหรอพวกคุณ?”
“สำนักสวรรค์นิรันดรของเรามีคนนับหมื่น ยืนให้พวกคุณฟันก็สามารถทำให้พวกคุณเหนื่อยตาย!”
“เห็นคนของสำนักสวรรค์นิรันดรเป็นหมูเหรอ?”
เหล่าลูกศิษย์โกรธมาก แต่ละคนตะโกนเสียงดังไม่หยุด เจตนาแห่งการต่อสู้ท่วมท้น พวกเขาแทบอยากสู้กับอีกฝ่ายเดี๋ยวนี้
แต่อาวุโสและเจ้าตำหนักของสำนักสวรรค์นิรันดรกลับรู้สึกกังวล
“เจิ้งฮั่นซานไม่ใช่คนโง่! อาศัยคนแค่นี้ของเขา คิดจะสู้กับคนทั้งสำนักสวรรค์นิรันดรเป็นไปไม่ได้! พวกเขาต้องมีแผนอื่นแน่นอน อาวุโสสาม ระวังไว้ด้วย!” อาวุโสห้าเดินเข้ามาพูดเสียงเบา
“อาวุโสห้าพูดถูกแล้ว! อาวุโสสาม จะเสียเวลากับพวกเขาทำไม? ไล่พวกเขาไปก็สิ้นเรื่อง! พวกเขามีคนแค่นี้ทำอะไรไม่ได้หรอก” เจิ้งถงหยวนก็ก้าวออกมาพูดเช่นกัน
“ไล่? ตอนนี้อีกฝ่ายขอท้าสู้! ถ้าหากผมไล่พวกเขาไป นั่นหมายความว่าพวกเรากลัวพวกเขา พวกเราจะสูญเสียความเชื่อใจจากลูกศิษย์! จะปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?” อาวุโสสามพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์
“แล้วความหมายของคุณคือ…”
“พวกเขาอยากสู้ก็สู้ สำนักสวรรค์นิรันดรมีลูกศิษย์ตั้งมากมาย ไม่มีเหตุผลที่ต้องกลัวคนเพียงยี่สิบกว่าคน! เจิ้งถงหยวน! ให้ลูกศิษย์ของตำหนักศักดิ์สิทธิ์เอกไปหยั่งเชิงพวกเขาก่อน!” อาวุโสสามพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“ได้!”
เจิ้งถงหยวนพยักหน้า รีบหันไปพูด “เมี่ยวอาเหมา!”
“ศิษย์อยู่นี่!” เมี่ยวอาเหมาก้าวออกมาจากฝูงชนทันที
“ลองไปแลกเปลี่ยนฝีมือกับสหายของสำนักสวรรค์อินทนิลหน่อย!”
“รับทราบอาจารย์!”
เมี่ยวอาเหมากระโดดลอยตัวไปตรงพื้นที่ว่างตรงกลาง เขายกมือขึ้นคำนับคนของสำนักสวรรค์อินทนิล “ทุกท่าน โปรดชี้แนะ!”
“อาเสี่ยน! คุณก็แล้วกัน!” เจิ้งฮั่นซานพูด
“พวกปลาเน่ากุ้งเหม็น!”
ผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่งก้าวออกมาพร้อมกับพูดพึมพำด้วยความดูถูก
แม้จะไม่ได้พูดเสียงดัง แต่ผู้คนที่อยู่โดยรอบกลับได้ยิน
“อะไรนะ? ปลาเน่ากุ้งเหม็น? นี่คุณกำลังดูถูกผมเหรอ?” เมี่ยวอาเหมาโกรธมาก
“ทำไม? คุณไม่พอใจ? คนอย่างคุณไม่ใช่ปลาเน่ากุ้งเหม็นแล้วจะเป็นอะไร? ว่าคุณแบบนี้ยังต้องเกรงใจพวกปลาเหม็นกุ้งเน่าด้วยซ้ำ!” อาเสี่ยนพูดอย่างดูถูก
“บัดซบ! ผมจะให้คุณได้เห็นความร้ายกาจของสำนักสวรรค์นิรันดร!”
เมี่ยวอาเหมาคำราม จากนั้นหยิบเข็มเงินออกมาปักใส่ร่างกายของตนเอง
ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว!
มีคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออกจากร่างกายของเขา พละกำลัง กำลังภายใน ทุกอย่างกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปเพียงผู้เดียว กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ราวกับเทพแห่งสงครามที่ลงมาเยือนโลกมนุษย์
“อ๊าก! !”
เขาคำรามด้วยความโกรธ จากนั้นพุ่งเข้าไปหาอาเมี่ยว
ทว่าในตอนที่กำลังเข้าใกล้
ฟิ้ว!
อาเสี่ยนเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน
ผู้คนที่อยู่โดยรอบยังไม่ทันตอบสนองว่าเกิดอะไรขึ้น
ปัง! !
ร่างกายของเมี่ยวอาเหมาลอยกระเด็นออกไปกระแทกใส่รูปปั้นแกะสลักที่อยู่ด้านหลังอย่างแรง
แควก!
รูปปั้นแกะสลักที่อยู่ข้างประตูตำหนักผู้กล้าระเบิด เมี่ยวอาเหมาถึงกับหมดสติไปโดยตรง
“อะไรกัน?”
กระบี่ที่อยู่ในมือของจงหมิงแตกหักอย่างกะทันหัน!
“อะไรกัน?”
จงหมิงตกใจมาก!
เขาถึงขั้นไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายใช้วิธีอะไรทำลายกระบี่ของตนเอง
ตอนที่เขาตั้งสติได้ มีประกายแสงพุ่งผ่านตรงหน้าเขาอย่างกะทันหัน
ฉึก!
เสียงกล้ามเนื้อฉีกขาดดังขึ้น
ร่างกายของจงหมิงสั่นสะท้าน หลังจากนั้นหมุนตัวหนึ่งรอบแล้วล้มลงพื้น
ทุกคนหันไปมอง พบว่าแขนทั้งสองข้างของเขาขาดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เลือดพุ่งกระฉูดเต็มพื้น...
นอกตำหนักผู้กล้าเงียบสนิท
ทุกคนเบิกตากว้าง มองจงหมิงที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความตกตะลึง สมองของทุกคนตอบสนองกับเหตุการณ์นี้ไม่ทัน
จงหมิงแพ้แล้ว?
เขาเป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่ของตำหนักศักดิ์สิทธิ์เอกในปัจจุบัน!
ถ้าหากแม้กระทั่งเขาก็แพ้ให้กับคนชื่ออาเสี่ยนในกระบวนท่าเดียว ถ้าอย่างนั้น ในสำนักสวรรค์นิรันดรจะมีสักกี่คนที่สามารถรับมือถือ?
ชั่วขณะทุกคนเข้าใจแล้ว!
ไม่ใช่ว่าคนของสำนักสวรรค์อินทนิลอวดดี!
แต่เป็นเพราะพวกเขาแข็งแกร่ง!
ถึงมีแค่ยี่สิบกว่าคน เกรงว่าลูกศิษย์ของสำนักสวรรค์นิรันดรก็อาจจะต้านไม่ไหว
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”
เจิ้งถงหยวนหน้าซีด เขาตกใจจนเกือบทรุดลงพื้น
“อีกฝ่ายมีการเตรียมตัวมาอย่างดี” อาวุโสสามพูดเสียงแหบ “คิดจะรับมือคนพวกนี้ คงต้องใช้ลูกศิษย์ที่เข้าฝึกกับอาวุโสใหญ่ คนอื่นไปก็มีแต่เจ็บตัว!”
“ใช่แล้ว แม่อีกฝ่ายไม่ฆ่าลูกศิษย์ของเรา แต่ถ้าหากส่งลูกศิษย์ออกไปแบบนี้ มีแต่จะทำให้แขนขาของพวกเขาขาด แบบนี้มันได้ไม่คุ้มเสีย” อาวุโสห้าก้าวออกมาพูด
“แขนขาขาดแล้วยังไง? ด้วยทักษะการแพทย์ของสำนักเรา รักษาบาดแผลแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกหรือ?” อาวุโสสี่ตะคอกด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“บาดแผลทางกายภาพสามารถรักษาได้ แต่บาดแผลทางจิตใจล่ะ? ถ้าหากพวกเราส่งลูกศิษย์ทั่วไปออกไปสู้ ยังไงก็ต้องแพ้ยับเยินอยู่ดี ถ้าเกิดมีลูกศิษย์ไม่รักดีย้ายไปอยู่ข้างสำนักสวรรค์อินทนิล สำนักของเรา…ไม่สั่นคลอนหรอกหรือ? แบบนั้นจะไม่โดนสำนักสวรรค์อินทนิลตบหน้าหรือ?” อาวุโสสามพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
คำพูดประโยคนี้ ทำให้สีหน้าของอาวุโสสี่เปลี่ยนไปทันที
ไม่มีใครคาดคิด สถานการณ์จะร้ายแรงถึงขั้นนั้น…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...