แต่เขารู้ว่าตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้แต่กัดฟันตะคอก “อาวุโสใหญ่! ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่! ผมเคยพูดไปแล้ว ตอนนี้หลินหยางเป็นลูกศิษย์ของผม ไม่ว่ายังไงผมก็จะรักษาเขา! คุณคิดว่าตัดทรัพยากรของผม มันจะหยุดผมได้อย่างนั้นเหรอ? คนคนนี้ ผมช่วยแน่!”
พูดจบ เขาหันหลังเดินจากไป
“ช้าก่อนอาวุโสสอง!”
อาวุโสใหญ่ตะคอกอย่างกะทันหัน
อาวุโสสองหันกลับมา
กลับเห็นอาวุโสใหญ่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม หลังจากนั้นพูด “อาวุโสสอง อย่าคิดว่ามีแต่คุณที่พยายามทำเพื่อผลประโยชน์ของสำนัก! ผมก็ทำเหมือนกัน! ถ้าหากคุณคิดจะยืนกรานแบบนี้ต่อไป สุดท้ายคนที่เสียใจก็คือคุณ! คุณต้องคิดดูให้ดี!”
มีหรือที่อาวุโสสองจะไม่เข้าใจคำพูดประโยคนี้? แต่เขาตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลทันที “ผมไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจ”
พูดจบ เขาหันหลังเดินออกจากวังไร้ปรารถนา!
“ดี! ดีมาก!”
อาวุโสใหญ่หรี่ตาลงจ้องแผ่นหลังของอาวุโสสอง ในแววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “นี่คือสิ่งที่คุณเลือกเอง! อย่าโทษคนอื่นทีหลังล่ะ!”
....
บนถนน
ชิวซ่านเดินตามหลังหลินหยางด้วยท่าทางที่กังวล
นี่คือเส้นทางสำหรับไปสำนักสวรรค์อินทนิล
ก่อนหน้านี้สองชั่วโมง พวกเขาแอบลงจากบันไดนิรันดร จากนั้นเดินไปที่สถานีรถที่ใกล้ที่สุด เพื่อขึ้นรถไปสำนักสวรรค์อินทนิล
หลังจากนั้นหลายชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็มายืนอยู่ตรง
“พี่หลิน พวกเราจะไปสำนักสวรรค์อินทนิลจริงเหรอ? พวกเรามีกันแค่สองคน ถ้าหากคนของสำนักสวรรค์อินทนิลคิดจะทำอะไรพวกเรา พวกเรา…ควรจะทำยังไง?” ชิวซ่านถามด้วยความระมัดระวัง
“วางใจเถอะ ผมรู้จักแยกแยะ!” หลินหยางพูด
“แต่พวกเราแอบออกมาแบบนี้ ถ้าหากอาวุโสสองรู้เข้า แล้ว…พวกเราควรอธิบายยังไง?”
“ไม่ต้องกังวล พวกเราไปกลับแค่วันเดียว”
หลินหยางยิ้มแล้วพูด
ถึงจะพูดแบบนี้ก็เถอะ แต่ชิวซ่านยังคงทำหน้ากังวล
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน
“ใกล้ถึงแล้ว” ชิวซ่านพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
หลินหยางหันไปมองด้านหน้า
มันเป็นเส้นทางที่มุ่งไปสู่ภูเขาโดดเดี่ยวตรงหน้า
ด้านในเป็นป่าทึบ แสงค่อนข้างสลัว แต่ภาพภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปราวกับลอยอยู่บนท้องฟ้า ทำให้ดูสวยมาก
ที่นี่คือทางเข้าของสำนักสวรรค์อินทนิล
หลินหยางเดินตรงไปข้างหน้า
แต่ในตอนนั้นเอง มีเงาร่างหนึ่งไม่รู้โผล่ออกมาจากไหน ยืนขวางทางเดินของหลินหยางโดยตรง
“ผู้มาเป็นใคร? แจ้งชื่อแซ่มา!”
เสียงตะคอกดังขึ้น
หันไปมอง พบว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักสวรรค์อินทนิล
มือข้างหนึ่งถือกระบี่ สายตาเย็นชา ท่าทางดูเฉยเมยและไม่แยแส
หลินหยางหันไปมองมุมมืดที่อยู่ด้านหน้า เขาพบว่ายังมีลูกศิษย์อีกคนหนึ่งที่ยังไม่ปรากฏตัว และเหมือนกำลังถือของบางสิ่งอยู่ในมือ
คิดว่าถ้าหากเกิดอะไรขึ้นที่นี่ คนของสำนักสวรรค์อินทนิลต้องรู้ทันทีแน่นอน
“ผมชื่อหลินหยาง! มาหาลูกศิษย์ของผม รบกวนคุณช่วยไปเรียกลูกศิษย์ของผมออกมาหน่อย” หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ
“หลินหยาง?”
คนคนนั้นพูดพึมพำด้วยความสงสัย จากนั้นถาม “ลูกศิษย์ของคุณเป็นใคร?”
“เว่ยซินเจี้ยน” หลินหยางตอบกลับ
“อะไรนะ? เว่ยซินเจี้ยน?”
ลูกศิษย์คนนั้นตกตะลึงทันที เขากวาดสายตามองหลินหยางตั้งแต่หัวจรดเท้า พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “คุณ…มาจากสำนักสวรรค์นิรันดรใช่หรือเปล่า?”
“ใช่! เว่ยซินเจี้ยนอยู่ไหน?” หลินหยางถามด้วยเสียงที่เรียบเฉย
“ไม่รู้!” ลูกศิษย์คนนั้นตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “ฟังให้ดี คุณรีบไสหัวกลับไปเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ผมจะส่งสัญญาณแจ้งเตือน ไม่อย่างนั้นคุณจบไม่สวยแน่!”
พูดจบ เขาชักกระบี่ออกมาจ่อหน้าอกของหลินหยาง
แต่วินาทีต่อมา
ปัง!
ปลายกระบี่เล่มนั้นหักอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นมีมือข้างหนึ่งคว้าคอของลูกศิษย์คนนั้นแล้วยกสูงขึ้นจากผืน
“อ๊าก…”
ลูกศิษย์คนนั้นกรีดร้อง แต่เนื่องจากโดนบีบคอ ทำให้เขาแทบไม่สามารถส่งเสียงออกมา สิ่งเดียวที่ทำได้คือพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต
“อะไรกัน?”
ชิวซ่านถึงกับอุทาน
แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือความประหม่าและความกลัว
หลังจากที่เกิดเรื่องครั้งก่อน ความสัมพันธ์ของสำนักสวรรค์นิรันดรและสำนักสวรรค์อินทนิลแย่ลง ถ้าหากคนของสำนักสวรรค์อินทนิลคิดจะแก้แค้น พวกเขาสองคนไม่ต้องตายอยู่ที่นี่หรอกหรือ?
“พี่หลิน ตกลงคุณมีแผนอะไรกันแน่ ช่วยบอกให้ฉันรู้หน่อยได้หรือเปล่า…ถ้าหากสำนักสวรรค์อินทนิลต้องการฆ่าพวกเรา พวกเราควรทำยังไงดี?” ชิวซ่านพูดเสียงสั่น
“ไม่ต้องกังวล ผมพูดไปแล้ว ผมจัดการได้!”
หลินหยางยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่ยอมพูดให้ชัดเจน
ชิวซ่านรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย
ชายวัยกลางคนพาคนทั้งสองมาถึงสิ่งปลูกสร้างที่คล้ายคลึงกับศาลาโบราณ
ศาลาแห่งนี้สูงเกือบร้อยเมตร ไม่รู้ว่ามีกี่ชั้น มองจากระยะไกลให้ความรู้สึกที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พอเดินเข้าไปด้านในยิ่งให้ความรู้สึกที่โอ่อ่า
ตอนนี้ พื้นที่โล่งตรงหน้าศาลามีลูกศิษย์ของสำนักอินทนิลมันรวมตัวกันไม่น้อย
สีหน้าของแต่ละคนเคร่งขรึม ในมือถืออาวุธ รอบตัวเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ทันทีที่คนทั้งสองเดินเข้ามา สายตาของทุกคนหันไปมองทางหลินหยาง
สถานการณ์แบบนี้ ถ้าหากเป็นคนปกติคงตกใจกลัวจนเยี่ยวราดไปแล้ว
“คำนับเจ้าศาลาหลัว!”
ชายวัยกลางคนก้าวออกมา ยกมือขึ้นคำนับพูดกับประตูศาลา
“อืม”
มีเสียงที่เฉยเมยดังออกมาจากด้านใน
จากนั้น ผู้ชายที่มีผมขาวตรงขมับทั้งสองข้างเดินออกมาจากศาลา
“ท่านนี้คือเจ้าศาลาหลัวหม่านแห่งศาลาสุริยันนิลของสำนักสวรรค์อินทนิล! คุณยังไม่รีบคำนับจากศาลา?” ชายวัยกลางคนหันมาตะคอกใส่หลินหยาง
แต่หลินหยางกลับพูดกับหลัวหม่านด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “เจ้าศาลาหลัว ผมมาตามหาเว่ยซินเจี้ยนลูกศิษย์ของผม ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
“เว่ยซินเจี้ยนลูกศิษย์ของคุณ?” หลัวหม่านกวาดสายตามองหลินหยาง พูดด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย “เว่ยซินเจี้ยนเป็นคนของสำนักสวรรค์อินทนิล! ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเขามีอาจารย์แบบนี้! ว่าแต่คุณเถอะ คุณชื่อหลินหยางใช่หรือเปล่า? คุณมาทำตัวอวดดีในสำนักสวรรค์อินทนิลแบบนี้ ไม่เห็นคนของสำนักสวรรค์อินทนิลอยู่ในสายตาเหรอ? รีบคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”
“พูดแบบนี้หมายความว่าพวกคุณไม่คิดจะส่งตัวเขาออกมา?” หลินหยางถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“คุณยังไม่มีสิทธิ์คุยกับผม! คุกเข่าลง!”
หลัวหม่านตะคอกเสียงดังอย่างกะทันหัน ยกแขนขึ้น ซัดฝ่ามือไปทางหลินหยาง
ทันใดนั้น มีกำลังภายในที่ไร้ขีดจำกัดโถมออกมาจากฝ่ามือของเขา พุ่งตรงเข้าไปหาหลินหยางราวกับภูเขาลูกใหญ่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...