สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา นิยาย บท 1540

นี่เป็นคำพูดที่น่าทึ่งมาก!

"หมอเทวดาหลิน คุณ...คุณหมายความว่ายังไง?" จ้านอี้ตาวตกตะลึงและรีบถาม

หลินหยางยิ้ม "ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวลไป ผมไม่ได้คิดจะเอาศีรษะของตัวเองมอบให้กับจางซั่วจริงๆ สักหน่อย แค่ทำศีรษะปลอมขึ้นมาเท่านั้นเอง"

"ปลอม?"

ทุกคนต่างมองหน้ากัน

"หมอเทวดาหลิน คาดว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะ? แม้ว่าหลงเจียงเฟิงจะโง่เขลา แต่เขาก็ไม่ได้ปัญญาอ่อน เขาจะต้องตรวจสอบอย่างแน่นอน หากเป็นศีรษะปลอม เขาจะต้องรู้แน่ๆ การใช้เทคนิคปลอมแปลงธรรมดาต้องไม่ได้ผลแน่ๆ" จ้านอี้ตาวกล่าว

"ฉะนั้นผมไม่มีทางใช้เทคนิคธรรมดาๆ แน่นอน! ทุกคนรอผมอยู่ที่นี่ล่ะ"

หลินหยางลุกขึ้นและออกไปจากห้องประชุม

เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า เขาถือถุงใบหนึ่งที่มีเลือดไหลหยดย้อยเดินเข้ามาและวางศีรษะนั้นตรงหน้าของจางซั่ว

จางซั่วตกใจและเปิดถุงออก จากนั้นเขาเกือบเป็นลมหมดสติไป

ในนั้นมีศีรษะของหลินหยางอยู่!

"นี่คือ?" จ้านอี้ตาวตาโตและแทบไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เห็นคือศีรษะ จากนั้นมองไปที่หลินหยางด้วยความประหลาดใจ "หมอเทวดาหลินอายุยังน้อย แม้แต่การลงมือแบบนี้ก็ทำได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ...ไม่ธรรมดาจริงๆ!"

"ชมเกินไปแล้ว!" หลินหยางยิ้ม "จางซั่ว นายนำศีรษะอันนี้กลับไปรายงานได้แล้ว!"

"ครับ...ครับ" จางซั่วสำลักน้ำลายและถามขึ้นมา "นำศีรษะไปให้หลงเจียงเฟิงก็ได้แล้วเหรอครับ? อย่างอื่น...ผมไม่ต้องทำอะไร?"

"อืม เรื่องอื่นนายไม่ต้องทำอะไร! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง! ที่เหลือฉันจะจัดการเอง" หลินหยางกล่าว

"ครับ โอเค...งั้นผมจะไปตอนนี้เลย..."

"โอเค!"

หลินหยางพยักหน้า จากนั้นหันไปพูดกับฉินไป่ซง "ลุงไป่! ปิดสถาบันสองวันและล็อกประตูให้แน่น ส่วนคนไข้ที่มารักษาก็ให้ย้ายไปโรงพยาบาลในเมือง และงดรับคนไข้ชั่วคราว และไม่รับการสัมภาษณ์จากที่ไหนทั้งสิ้น!"

"ครับ อาจารย์!" ฉินไป่ซงรีบไปจัดการ

"อี้ตาว! เรามาทำการรักษาอาการป่วยให้คุณกันเถอะ พรุ่งนี้ผมจะออกจากเมืองเจียงเฉิน ส่วนที่นี่คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณ" หลินหยางยิ้มและกล่าวออกมา

ดูเหมือนจ้านอี้ตาวจะพอเข้าใจอะไรบางอย่างและพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร

...

ในตอนเย็น หลินหยางได้รับโทรศัพท์จากลั่วเฉียน

เธอได้พักรักษาตัวจนเกือบจะหายเป็นปกติแล้วและเตรียมที่จะกลับบ้านตระกูลลั่ว ทว่าก่อนกลับเธออยากรับประทานอาหารพร้อมกับหลินหยางสักครั้ง

หลินหยางจึงเดินทางไป

"เราไปกินอะไรกันดีเฉียน?"

รถที่ขับแล่นไปอย่างรวดเร็ว หลินหยางบังคับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียวและถามออกไป

"คุณเคยไปกินที่ภัตตาคารปี่อี้ไหม?" ลั่วเฉียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดออกมา

"ภัตตาคารปี่อี้? ไม่เคยได้ยินเลย" หลินหยางส่ายหน้า

"คุณนะวันๆ เอาแต่ทำงาน แต่กลับไม่สนใจเรื่องเล็กๆ รอบตัวเลย!"

"ขอโทษ ช่วงนี้งานเยอะมาก หรูซือทางนั้นก็ยังจำเป็นต้องใช้ยา ทางนี้ก็รับคนไข้เพิ่มมาอีกจำนวนหนึ่ง แทบไม่มีเวลาเลย" หลินหยางพูดอย่างขมขื่น

"ฉันรู้ว่าคุณยุ่ง วันนี้ฉันก็เลยพาคุณไปที่นั่นไงล่ะ ที่นั่นถือเป็นภัตตาคารที่เพิ่งเปิดใหม่ในเจียงเฉินเลยนะ และสิ่งที่พิเศษก็คือถือเป็นสถานที่เช็คอินที่มีชื่อเสียงในโซเชียลมีเดียเชียวนะ ไปทานข้าวที่นั่นต้องจองก่อนล่วงหน้าด้วย!"

"อ้อ? เจียงเฉินมีสถานที่แบบนี้ด้วยเหรอ?"

"ก็ใช่น่ะสิ ได้ยินมาว่าอาหารที่นั่นอร่อยมาก โชคดีที่ฉันจองไว้ก่อนล่วงหน้า เราไปทานอาหารที่ภัตตาคารปี่อี้กันเถอะค่ะ" ลั่วเฉียนยิ้ม

เมื่อหลินหยางได้ยินก็ชำเลืองมองเธอ

รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้จะเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว?

"ตกลง! งั้นเราไปกันเถอะ!"

หลินหยางเหยียบคันเร่งและเสียงรถที่แล่นไปบนท้องถนนก็ดังไปทั่วทั้งบริเวณ

คนเดินถนนจำนวนไม่น้อยต่างยกนิ้วกลางขึ้นมา หรือมีบ้างที่ตะโกนด่าทอ

เมื่อมาถึงภัตตาคารปี่อี้ หลินหยางก็ได้รู้ว่าสิ่งที่ลั่วเฉียนพูดมาไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด

ภัตตาคารปี่อี้ตั้งอยู่ริมถนนสายหลัก ติดกับจัตุรัสกลางเมือง มีลักษณะเป็นอาคารคล้ายปราการหอคอย

ที่ด้านบนสุดของอาคารมีรูปปั้นนกมีปีก และรูปแบบการตกแต่งทั้งหมดไปในทางคลาสสิก

ทว่าหน้าประตูภัตตาคารกลับมีรถหรูจำนวนมากจอดอยู่ และมีชายหญิงหน้าตาดีต่างยืนรอกันอยู่หน้าประตู

ซึ่งสถานที่แห่งนี้ถือว่ามีผู้คนจำนวนมาก

"ฉันได้ยินคนอื่นพูดว่า หลังจากที่มีนักเก็งกำไร บัตรคิวล่วงหน้าหนึ่งเดือนก็ถูกจองเต็มหมด ถ้าภัตตาคารปี่อี้ไม่ได้เปิดจองเฉพาะภายในเดือนนั้นๆ กลัวว่าบัตรคิวคงถูกจองเต็มทั้งปีแน่ๆ" ลั่วเฉียนหัวเราะ

"ขนาดนั้นเลยเหรอ? งั้นผมต้องลองสักหน่อยแล้วว่าที่นี่มีดียังไง" หลินหยางพูดอย่างอดไม่ได้

"เลขต่อไปก็เป็นพวกเราแล้ว" ขณะนี้ลั่วเฉียนมองนาฬิกาด้วยความตื่นเต้น

หลินหยางพยักหน้าและเฝ้ารอเรียกคิวอยู่ที่หน้าประตู

แต่ในขณะเดียวกันก็มีชายสวมชุดสูทเดินเข้ามา

"คุณผู้หญิง คุณผู้ชาย ผมให้คุณสามพัน คุณเอาหมายเลขของคุณให้ผมได้ไหม?" ชายคนนั้นกล่าว

สามพัน ราคานี้ถือว่าสูงมากกว่าสำหรับนักเก็งกำไร

ทว่าลั่วเฉียนจะยอมเพื่อเงินสามพันอย่างนั้นเหรอ?

"ขอโทษนะคะ เราก็อยากเข้าไปรับประทานอาหารข้างใน! คุณไปถามคนอื่นดีกว่าค่ะ" ลั่วเฉียนปฏิเสธไปอย่างมีมารยาท

ชายคนนั้นได้ยินก็ขมวดคิ้ว "คุณครับ งั้น...ผมเพิ่มให้อีกหนึ่งพัน เป็นสี่พัน ขายต่อให้ผมได้ไหม?"

คนที่ได้ยินก็ต่างตกตะลึง

"สี่พัน? คุณอยากได้ผมให้คุณก็ได้!" คนที่อยู่ข้างๆ ต่างหยิบบัตรคิวขึ้นมาและหัวเราะ "ผมต้องการแค่สามพันเก้า เป็นไงสนไหม? ถ้าได้ก็แลกกันตอนนี้เลย"

"หมายเลขของคุณเวลาไหนเหรอ?" ชายคนนั้นถาม

"น่าจะต้องรออีกครึ่งชั่วโมงมั้ง"

"ไม่ได้หรอก ผมอยากเข้าไปตอนนี้"

"เข้าไปตอนนี้? คุณหาจากนักเก็งกำไรก็ไม่มีหรอก นอกเสียจากคุณผู้หญิง คุณผู้ชายสองท่านนี้จะขายต่อให้คุณ"

"ผมก็เลยมาขอซื้อจากเขาไง!"

ชายใส่ชุดสูทกล่าวอย่างเคร่งขรึม "ถ้าคุณยังไม่ยอม งั้นผมขอซื้อห้าพัน เป็นไง?"

"คุณคะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ขาย ถ้าคุณอยากเข้าไปงั้นคุณก็ซื้อบัตรคิวของคนอื่นก็ได้เหมือนกันนี่คะ" ลั่วเฉียนไม่สบอารมณ์

"ห้าพันไม่ได้! งั้นก็หกพัน! หกพันไม่ได้งั้นก็เจ็ดพัน! ถ้ายังไม่ได้งั้นคุณก็บอกราคามาว่าคุณยอมขายที่ราคาเท่าไร!" ชายคนนั้นกล่าวเสียงดัง

"คุณคะ ฉันบอกคุณไปละเอียดแล้วว่าฉันไม่ขาย ไม่ว่าคุณเสนอราคาเท่าไรฉันก็ไม่ขาย!" ลั่วเฉียนรู้สึกรำคาญและพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา