อวิ๋นฝูหลิงคิดแต่จะช่วยคน จึงขี้เกียจสนใจนาง ไม่แม้แต่จะช้อนตามองสักนิด
เด็กสาวเห็นอวิ๋นฝูหลิงไม่สนใจนาง ใบหน้างามแดงเถือกทันที เหมือนถูกเหยียดหยามอย่างมาก
“นี่ ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ หรือเจ้าจะเป็นใบ้ ไม่ได้ยินอย่างนั้นหรือ?”
ขณะนี้ ท่ามกลางฝูงชน ชายวัยกลางคนร่างท้วมอายุสี่สิบกว่าคนหนึ่ง เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “แม่นางน้อย เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน คนที่พี่ชายเจ้าช่วยไม่ได้ ใช่ว่าคนอื่นจะช่วยไม่รอดนะ”
ท่ามกลางชาวบ้านมีคนไม่พอใจคำพูดของเด็กสาว แต่เห็นนางแต่งตัวหรูหรา แค่ดูก็รู้ว่าฐานะไม่ธรรมดา จึงไม่กล้าต่อว่าส่งเดช
ตอนนี้เมื่อเห็นมีคนพูดขึ้น พวกเขาจึงรีบสำทับทันที
“ตัวเองช่วยไม่ได้ ยังไม่ยอมให้คนอื่นช่วยหรือ?”
“ไม่เคยเห็นคนเยี่ยงนี้มาก่อนเลย”
“หมอหนุ่มผู้นี้ดูอายุเพียงยี่สิบต้นๆ วิชาแพทย์จะเก่งกาจสักเพียงใด?”
เดิมทีคนตระกูลเฉินยังฝากความหวังให้หมอหนุ่มช่วยลูกหลานตัวเอง เมื่อได้ยินเขาบอกว่าช่วยไม่ได้ นอกจากรู้สึกเจ็บปวดแล้ว ยังพาลโกรธอีกฝ่ายไปด้วย
ยามนี้เมื่อเห็นเด็กสาวเอ่ยปากเหน็บแนม ซ้ำยังขวางไม่ให้คนช่วยลูกตัวเอง ทำให้พวกเขายิ่งโกรธ ทันใดนั้นจึงด่าทอไปพร้อมพวกชาวบ้าน
เด็กสาวที่ถูกผู้คนต่อว่าติเตียน ทั้งโกรธทั้งอาย
นางเตรียมเอ่ยปากโต้แย้ง แต่กลับถูกติงหมิงรุ่ยห้ามเอาไว้
“ซานหู ความรู้วิชาแพทย์เรียนรู้ไม่จบสิ้น ยิ่งกว่านั้นเหนือฟ้ายังมีฟ้า วิชาแพทย์ของข้ามีจำกัด ช่วยเด็กคนนั้นไม่ได้ แต่ใช่ว่าคนอื่นจะช่วยไม่ได้”
อวิ๋นซานหูมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาของลูกพี่ลูกน้องตัวเอง ทำให้ความโกรธหายไปบ้าง แต่ก็ยังเบะปากอย่างไม่พอใจ ทว่าไม่ได้พูดสิ่งใด
ติงหมิงรุ่ยคารวะชายวัยกลางคนผู้นั้น ผิวเผินดูเหมือนคนถ่อมตน
เมื่อครู่เขาเห็นป้ายหยกรูปเห็ดหลินจือตรงเอวชายคนนั้น นั่นคือสัญลักษณ์ของสำนักผิงอัน หนึ่งในสี่สำนักแพทย์ใหญ่ของราชวงศ์ต้าฉี
สามารถถือครองป้ายหยกของสำนักผิงอัน แสดงว่าตำแหน่งของเขาในสำนักคงไม่ต่ำต้อย
ติงหมิงรุ่ยย่อมไม่อยากล่วงเกินบุคคลเช่นนี้
อีกอย่างเด็กคนนั้นถูกพุทราติดอยู่ในลำคอเป็นเวลานาน โอกาสรอดคงมีน้อยมาก
เขาไม่เชื่อว่าหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง จะมีความรู้วิชาแพทย์ที่สูงส่งจนสามารถช่วยชีวิตเด็กได้
รอให้เด็กหมดลมหายใจอย่างสิ้นเชิง ทุกคนจะเข้าใจว่าหาใช่วิชาแพทย์ของเขาไม่แตกฉาน แต่เด็กคนนั้นช่วยไม่ได้อยู่แล้ว
แววตาติงหมิงรุ่ยมีความเย็นชาวาบผ่าน
แต่ใครจะไปรู้ว่าวินาทีต่อมา เฉินเสียวเป่าที่ได้รับการช่วยเหลือจากอวิ๋นฝูหลิงจะขย้อนเมล็ดพุทราออกมา
หลังจากหายใจสะดวก เฉินเสียวเป่าร้องไห้เสียงดัง ใบหน้าที่เดิมทีขาวซีดก็เริ่มกลับมาแดงระเรื่อมีเลือดฝาด
“รอดแล้ว รอดแล้วจริงๆ...”
ชาวบ้านเห็นดังนั้น ต่างพูดกันไปว่าน่าอัศจรรย์
ดวงตาติงหมิงรุ่ยประหลาดใจ เหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
สะใภ้รองเฉินรีบเข้าไปกอดเฉินเสียวเป่าเอาไว้ “เสียวเป่าลูกแม่ เจ้าทำให้แม่ตกใจเกือบตาย!”
เฉินเสียวเป่าที่เพิ่งรอดมาได้ ดิ้นรนออกจากสะใภ้รองเฉิน จากนั้นชี้ไปที่เฉินต้ายา “ท่านแม่ นางเป็นคนทำร้ายข้า ตีนางให้ตาย ตีนางให้ตายไปเลย!”
คำพูดของเฉินเสียวเป่าทำให้สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านโจวและพวกชาวบ้านเปลี่ยนไป
ทุกคนรู้ดีว่าตระกูลเฉินรักหลานชายคนนี้มาก เด็กคนนี้จึงเสียคนและเอาแต่ใจ
แต่เมื่อได้เอ่ยปากเขากลับบอกให้ตีลูกพี่ลูกน้องตัวเองให้ตาย ช่างน่าตะลึงยิ่งนัก
ชั่วขณะนั้น รอบด้านเงียบสงัด มีเพียงเสียงร้องไห้ของเฉินเสียวเป่า
แม่เฒ่าเฉินรักหลานชายคนนี้ที่สุด อีกทั้งยังเห็นว่าเขาเกือบตาย ตอนนี้จึงตามใจเขาทุกอย่าง
“หลานรักของย่า ไม่ต้องร้องไห้ ย่าจะออกหน้าให้เจ้า จะแก้แค้นแทนเจ้าเอง…”
แม่เฒ่าเฉินกอดเฉินเสียวเป่า พร้อมปลอบโยนอย่างเมตตา
ทันใดนั้น นางหันมองลูกชายคนโต พร้อมสีหน้าเหี้ยมเกรียม “เฉินเหล่าต้า![1]”
เฉินเหล่าต้าทำใจไม่ได้ แต่ภายใต้สายตาบีบคั้นจากมารดา เขาจึงหลับตาอย่างเจ็บปวด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ