วิสารทแพทย์เทวัญ นิยาย บท 1851

ในตอนนั้น เฉียนเฉิงเกน ถังเยี่ย รวมถึงผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านหลังของซ่งเชวียก็สองคนก็ต่างพากันหันมามองเยี่ยชิว

สีหน้าของเยี่ยชิวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาพูดออกมาว่า “ศิษย์พี่อาจจะไม่รู้ ข้าก็แค่จงใจระงับพลังยุทธ์”

“ข้ากังวลว่าอาจจะต้องเผชิญหน้ากับเยี่ยหวู่ซวง ดังนั้นข้าจึงใช้สิ่งนี้เพื่อตบตาเขา”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” ซ่งเชวียพยักหน้าด้วยความชื่นชม จากนั้นพูดออกมาว่า “ที่ผ่านมาข้าเตือนเจ้ามาโดยตลอดว่าออกไปไหนให้ระมัดระวังไว้ให้มาก ดูเหมือนว่าคำพูดของข้าจะเข้าหูของเจ้าแล้ว ดีจริงๆ”

จากนั้นซ่งเชวียก็หันไปอีกด้านหนึ่งและพูดออกมา

“ถังเยี่ย เจ้าเห็นแล้วหรือยัง ศิษย์น้องอวิ๋นเจี๋ยรู้จักใช้วิธีการปลอมตัวเป็นผู้อ่อนแอเพื่อตบตาผู้อื่น เจ้ารู้จักหรือเปล่า?”

“หากไม่ใช่เพราะว่าเย่อหยิ่งและความประมาทของเจ้า เช่นนั้นเจ้าจะถูกเยี่ยหวู่ซวงทำร้ายได้อย่างไร?”

“แม้ว่าเจ้าจะเป็นบุตรนักบุญอันดับหนึ่ง แต่ในเรื่องนี้เจ้าจำเป็นจะต้องเรียนรู้มันจากศิษย์น้องอวิ๋นเจี๋ย”

ความโกรธปะทุขึ้นในใจของถังเยี่ย หากเขาเอาชนะซ่งเชวียได้ เขารับรองว่าเขาจะฉีกร่างของซ่งเชวียเป็นชิ้นๆ

“เจ้าบ้า ไม่ว่าจะพูดอะไรก็จะโยงมาสอนข้าให้ได้เลยใช่ไหม?”

“ใบหน้าของข้ามันน่ารังแกขนาดนั้นเลยงั้นหรือ?”

“ก็แค่บุตรเทพอันดับ 3 ไม่ใช่หรือไง? มีอะไรน่าโอ้อวดกัน ข้าขอสาปแช่งให้เจ้าตายอย่างแสนสาหัส”

ถังเยี่ยแอบสาปแช่งอยู่ในใจ

“เหตุใดเจ้าจึงไม่ตอบโต้?”

ซ่งเชวียเห็นถังเยี่ยไม่พูดอะไรออกมา เขาจึงพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่ง “เจ้าคิดว่าข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะสอนเจ้างั้นหรือ? หรือว่าเจ้ารู้สึกไม่พอใจกันแน่?”

ในตอนนั้น ลมปราณอันเยือกเย็นไหลเวียนไปรอบร่างกายของซ่งเชวีย

ถังเยี่ยตกใจขึ้นมาทันใด เขาพูดด้วยความเคารพว่า “ศิษย์พี่ทำถูกแล้ว คราวหน้าข้าจะตั้งใจให้มากกว่านี้”

“ทางที่ดี ในใจของเจ้าก็ควรจะคิดเช่นนี้ หึ” ซ่งเชวียพ่นลมหายใจอันเยือกเย็น

เยี่ยชิวยิ้มออกมา “ศิษย์พี่ซ่ง ศิษย์พี่ถัง เจ้าเมืองเฉียน เป็นเรื่องยากที่พวกเราจะได้รวมตัวกันเช่นนี้ มา พวกเรามาชนแก้วกันเถอะ”

จากนั้นทุกคนก็ชนแก้ว

ต้องบอกเลยว่าสุราของจวนเจ้าเมืองนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เปี่ยมล้นไปด้วยจิตวิญญาณ ประกอบกับมีกลิ่นหอมจากน้ำนม ไม่เพียงแค่ทำให้ชุ่มคอเท่านั้น แต่ยังให้ความหวานอีกด้วย

ทันทีที่เยี่ยชิวดื่มเข้าไป เขาสัมผัสได้ถึงลมปราณในร่างกายที่เริ่มเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง เขาอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “สุราชั้นยอด!”

“ดูเหมือนว่าบุตรนักบุญอวิ๋นเจี๋ยเองก็เป็นที่เข้าใจในรสสุรา” เฉียนเฉิงเกนพูดออกมา “สุรานี้มีชื่อว่า ชิงเฟิงลู่”

“เมื่อ 500 ปีก่อน ข้าได้รับตำรากลั่นสุราลับชั้นเลิศมา ใช้เวลาหลายสิบปีในการทดลอง สุดท้ายก็กลั่นสุราชิงเฟิงลู่ออกมาได้เป็นจำนวนมาก”

“ข้าปิดผนึกมันไว้ครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือข้าก็ดื่มมันจนหมดในเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา”

“และสุราชิงเฟิงลู่ที่พวกเรากำลังดื่มกันอยู่เวลานี้ก็คือสุราวิญญาณที่ถูกปิดผนึกไว้เป็นเวลา 5 ปี”

“รสชาติหอมหวาน กลมกล่อม เมื่อสุราวิญญาณไหลลงไปในลำคอ รสชาติของมันติดค้างอยู่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด......”

เห็นได้ชัดว่าเฉียนเฉิงเกนเป็นคนติดสุรา เมื่อพูดถึงชิงเฟิงลู่ เขาพรรณนาถึงมันอย่างไม่รู้จบด้วยสีหน้าเมามาย

“เจ้าเมืองเฉียน คิดไม่ถึงเลยว่าท่านมีความสามารถในการกลั่นสุรา” น้ำเสียงของซ่งเชวียเยือกเย็นเล็กน้อย

เฉียนเฉิงเกนไม่รับรู้ถึงความไม่พอใจของซ่งเชวีย เขาพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “บุตรเทพ หากว่าท่านชอบ ข้ายินดีมอบตำราลับกลั่นสุราชิงเฟิงลู่ให้กับท่าน......”

“ข้าไม่มีว่างมากพอที่จะมากลั่นสุรา” ซ่งเชวียไม่รอให้เฉียนเฉิงเกนพูดจบ เขาตำหนิออกมาว่า “ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดท่านจึงปล่อยให้เยี่ยหวู่ซวงหลุดมือไป ที่แท้ท่านก็เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการกลั่นสุราของท่านนี่เอง”

“เฉียนเฉิงเกน เจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก”

“ท่านเจ้าสำนักสั่งให้เจ้ามาปกครองเมืองสิ้นหวัง ตั้งใจให้เจ้าเป็นเจ้าเมือง แต่เจ้ากลับตอบแทนท่านเจ้าสำนักเช่นนี้งั้นหรือ?”

“ไร้ความสามารถ!”

“หมกมุ่นอยู่กับสิ่งไร้ค่า ไร้ความทะเยอทะยาน!”

“เอาแต่เพลิดเพลินกับความสุข สมควรตายยิ่งนัก!”

เหงื่อเย็นไหลออกมาจากหน้าผากของเฉียนเฉิงเกน เขาพูดติดอ่าง “บุตรเทพ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้า......”

“เข้าใจผิดอะไรของเจ้า!” ซ่งเชวียพูดอย่างไม่เกรงใจ “กลั่นสุราวิญญาณออกมามากมายถึงเพียงนี้ ซ่อนมันไว้เพื่อดื่มเพียงลำพัง ไร้ซึ่งความกตัญญูต่อท่านเจ้าสำนัก ข้าจะกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้ท่านเจ้าสำนักได้รับรู้”

ซ่งเชวียไม่ได้ยินว่าเฉียนเฉิงเกนพูดอะไรออกมา แต่เขาสังเกตเห็นแววตาที่อ่อนโยนของเยี่ยชิว แอบคิดในใจว่า “ในใจของศิษย์น้องอวิ๋นเจี๋ยนั้นมีข้าอยู่เสมอ”

“ศิษย์พี่ ข้าจะดื่มเป็นเพื่อนท่านเอง” เยี่ยชิวพาซ่งเชวียนั่งลง จากนั้นก็ชนแก้วกันต่อ

บรรยากาศเริ่มกลมกลืนกันมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากดื่มกันไปสักระยะ

“ข้าถ่วงเวลาพวกเขามาพักใหญ่แล้ว ต้าลี่กับไอ้แก่น่าจะทำสำเร็จแล้วใช่ไหม?”

เยี่ยชิวคิดถึงตรงนี้ เขาก็แสร้งทำเป็นเมาและพูดออกมาว่า “ศิษย์พี่ซ่ง ข้าไม่ได้สัมผัสดาบของท่านมานานแล้ว ช่วยแสดงให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”

ซ่งเชวียปราศจากซึ่งความลังเล หยิบดาบหนักไร้คมเล่มนั้นออกมาและยื่นให้เยี่ยชิว

จากความรู้สึกที่มือสัมผัสได้ เยี่ยชิวคิดว่าดาบเล่มนี้มีน้ำหนักอย่างน้อยหนึ่งหมื่นกิโลกรัม

แม้จะไม่ได้ลับคม แต่มันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

นี่คือดาบศักดิ์สิทธิ์!

“เป็นดาบที่ยอดเยี่ยม!” เยี่ยชิวพูดออกมาด้วยความตกใจ

“ศิษย์น้องอวิ๋นเจี๋ย หากเจ้าชอบ ข้าก็สามารถมอบมันให้เจ้าได้” ซ่งเชวียพูดอย่างไม่เห็นแก่ตัว

“ขอบคุณศิษย์พี่” พูดจบเยี่ยชิวก็เก็บดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ไปโดยตรง

ซ่งเชวียตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มและพูดออกมาว่า “ศิษย์น้องอวิ๋นเจี๋ยชอบมันก็ดีแล้ว”

เมื่อถังเยี่ยเห็นฉากนี้ เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าปกติแล้วซ่งเชวียไม่เคยปล่อยให้ดาบอยู่ห่างตัว ดาบหนักไร้คมเล่มนี้เปรียบเสมือนชีวิตของซ่งเชวีย เขาคิดไม่ถึงว่าซ่งเชวียจะยอมมอบมันให้ผู้อื่นจริงๆ

หลังจากความตกใจ ถังเยี่ยก็แอบสาปแช่งในใจว่า “ซ่งเชวีย เจ้ารักอวิ๋นเจี๋ยมากถึงเพียงนี้ ข้าจะขอสาปแช่งเจ้าตลอดไป สาปแช่งให้เจ้าต้องตายไปอย่างทุกข์ทรมาน”

และในตอนนั้น——

สวนด้านหลังจวนเจ้าเมือง จู่ๆ ก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้น!  

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ