แม้ว่าอมตะชางเหม่ยจะล้มลงจนหน้าตามอมแมมเต็มไปด้วยฝุ่น แต่เขาไม่โกรธเลยสักนิด ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้ที่กำลังผลิบาน
เขารู้ว่าเขาเลือกถูกแล้ว
จื่อหยางเทียนจุนไม่เพียงแต่ไม่ได้รังเกียจเขา แต่ยังทำให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกด้วย
เยี่ยชิวพูดว่า : “ตาเฒ่า ท่านอาจารย์อยากจะดื่มเหล้า เจ้ารีบเอาเหล้าวิญญาณออกมาเร็วเข้า”
“ได้เลย ” อมตะชางเหม่ยรีบหยิบเหล้าวิญญาณออกมาจะวงแหวนอากาศ และพูดกับจื่อหยางเทียนจุนว่า : “ผู้อาวุโส พูดตามตรงข้าก็เป็นเพียงปุถุชนทั่วไป ”
“ชีวิตข้ามีความชอบอยู่สามอย่าง ชอบเหล้า ชอบอาหาร ชอบหญิงสาว แต่เหล้าชั้นเลิศต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง! ”
“ข้าจะดื่มเป็นเพื่อนท่าน ดีไหม?”
“ดีเลย” จื่อหยางเทียนจุนก็ชอบดื่มเหล้าเช่นกัน เมื่อเขาได้ฟังคำนี้ก็รีบตอบรับในทันที
เยี่ยชิวหยิบของว่าง มันฝรั่งทอด ถั่วปากอ้า เนื้อแดดเดียว และถั่วลิสงออกมาจากถุงเฉียนคุน.......
ทั้งสามคนนั่งลงที่พื้น ดื่มไปด้วยพูดคุยไปด้วย
หลังจากดื่มไปสามรอบ
อมตะชางเหม่ยก็พูดว่า: “ผู้อาวุโส มีคำหนึ่ง ไม่ทราบว่าข้าผู้น้อจะขอได้หรือไม่?”
จื่อหยางเทียนจุนยิ้มแล้วพูดว่า: “คนกันเอง พูดเถอะ ไม่เป็นไร”
อมตะชางเหม่ยพูดว่า: “ข้าคิดว่าท่านลงมือกับเฉินเป่ยโต่วยังโหดเหี้ยมไม่พอ ไม่สมควรปล่อยเข้าไป”
“ดังสุภาษิตที่ว่า ถ้าหญ้าถูกตัดโดยไม่ถอนราก มันก็จะงอกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านมา”
“เฉินเป่ยโต่วคนผู้นี้ไม่เพียงแต่มีพลังยุทธ์สูงส่งเท่านั้น แต่จิตใจยังอำมหิตชั่วร้ายอีกด้วย เจ้าเด็กเปรตนี่ฆ่าหลานชายของเขา และท่านก็ทำลายพลังยุทธ์แปดร้อยปีของเขา เขาจะต้องคับแค้นใจแน่ๆ”
“เขาจะไม่มีปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่”
จื่อหยางเทียนจุนถามด้วยรอยยิ้ม: “ในความคิดเห็นของเจ้า เฉินเป่ยโต่วจะทำอะไรต่อจากนี้?”
อมตะชางเหม่ยโพล่งออกมา: "เขาจะทำอะไรได้อีก? เขาคงกำลังรอเวลา เวลาที่จะแก้แค้น"
จื่อหยางเทียนทุนพยักหน้า: “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
เออ?
อมตะชางเหม่ยตะลึงไปชั่วครู่: “ในเมื่อท่านรู้อยู่แล้ว ทำไมยังปล่อยเขาไป? นี่ไม่ใช่เป็นการปล่อยเสือเข้าป่าหรอกหรือ?”
เฮ้อ!
จื่อหยางเทียนจุนถอนหายใจยาว แล้วพูดว่า: “: "อย่างไรก็ตาม เฉินเป่ยโต่วก็เป็นผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ของนิกายดาบชิงอวิ๋นของเรา และเขาก็ได้ทำประโยชน์ต่อนิกายดาบชิงอวิ๋นไว้มากมาย ข้าที่จิตใจเมตตา ลงมือไม่ได้จริงๆ!””
ให้ตายเถอะ ใจมีเมตตาแต่ยังทำลายพลังยุทธ์แปดร้อยปีของคนอื่น?
อมตะชางเหม่ยพูดว่า: “ผู้อาวุโส ท่านเมตตาต่อเขา แต่เขาคงไม่ใจอ่อนกับพวกเราหรอก ข้ามั่นใจว่าคนผู้นี้จะต้องมองหาโอกาสเพื่อฆ่าเจ้าเด็กเปรตนี้อีกแน่นอน”
จื่อหยางเทียนจุนยิ้มและพูดว่า: “ตราบใดที่มีข้าคุ้มครองพวกเจ้าอยู่ เฉินเป่ยโต่วไม่กล้าแตะต้องพวกเจ้าในเวลานี้แน่”
อมตะชางเหม่ยก็ยังคงกังวลและพูดว่า: “ผู้อาวุโส ทำไมท่านไม่ตามไปฆ่าเฉินเป่ยโต่วซะ? ”
จื่อหยางเทียนจุนโบกมือ และพูดว่า : “ช่างมันเถอะ ในเมื่อตัดสินใจจะไว้ชีวิตเขาแล้ว ก็ช่างมันเถอะ”
“แต่ว่า.........” อมตะชางเหม่ยยังอยากจะโน้มน้าวต่อ แต่ถูกเยี่ยชิวขัดขวางไว้
“ตาเฒ่า ไม่ได้ง่ายเลยที่เราหนีรอดออกมาได้ มาดื่มกันเถอะ!” เยี่ยชิวมองอมตะชางเหม่ย ส่งสัญญาณให้อมตะชางเหม่ยหยุดพูดถึงเรื่องนี้ซะ ”
ตอนนี้เขายิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่า การที่ผู้อาวุโสปล่อยผู้อาวุโสตระกูลเฉินไปนั้นคงไม่ใช่เพราะว่าผู้อาวุโสได้ทำประโยชน์ต่อนิกายดาบชิงอวิ๋นอะไรหรอก แต่เป็นเพราะว่าเขาตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น
หากจื่อหยางเทียนจุนเป็นคนจิตใจเมตตาจริง ๆ เขาจะกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายดาบชิงอวิ๋นได้อย่างไร ?
คนที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานเหมือนคนเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นแก่คนเจ้าเล่ห์ทั้งนั้น
แม้ว่าเยี่ยชิวยังไม่รู้ว่าจื่อหยางเทียนจุนต้องการจะทำอะไร แต่เขาก็รู้ดีว่าท่านอาจารย์จะต้องมีแผ่นแล้วแน่นอน
และมัน.......
เป็นแผ่นการณ์ใหญ่!
อมตะชางเหม่ยต้องระงับความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ และดื่มเหล้าต่อกับจื่นหยางเทียนจุน
ดื่มไป ๆ
อมตะชางเหม่ยและจื่อหยางเทียนจุนก็เล่นเกมส์ต่าง ๆ เช่น เป่ายิ้งฉุบ ผึ้งน้อยสองตัว และเกมส์อื่นๆ
ถ้าไม่มาเห็นด้วยตาของตัวเอง ใครจะไปเชื่อว่าผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายดาบชิงอวิ๋นจะมาเล่นเกมง่ายๆ และปัญญาอ่อนเช่นนี้
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม
อมตะชางเหม่ยเห็นว่าบรรยากาศกำลังไปได้ดีจึงยิ้มและพูดว่า: "ผู้อาวุโส ข้ากับเจ้าเด็กเปรตคนนี้เป็นพี่น้องกัน เคยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาด้วยหลายครั้ง มีสุขร่วมทสุขมีทุกข์ร่วมทุกข์ ฉะนั้น ข้าเรียกท่านว่าท่านอาจารย์เหมือนกับเขาได้ไหม?”
ไม่ต้องพูดถึงนิกายดาบชิงอวิ๋นเลย แม้แต่ทั่วแคว้นตงฮวงก็มีอาวุธจักรพรรดิเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
“โอ้ สหายอมตะชางเหม่ย......”
ทันทีที่จื่อหยางเทียนจุนจะเปิดปากพูด อมตะชางเหม่ยก็ขัดจังหวะเขา
“ผู้อาวุโส ข้าเป็นรุ่นน้องท่าน ท่านเรียกข้าว่าเสี่ยวเหม่ยหรือชางเหม่ยก็ได้” อมตะชางเหม่ยพูดประจบสอพลอ ดูถ่อมตัวมาก
“เสี่ยวเหม่ยมันฟังดูแปลกๆ เรียกเจ้าว่าชางเหม่ยก็แล้วกัน!” จื่อหยางเทียนทุนกล่าวว่า “น่าเสียดายที่คราวนี้ข้ารีบออกมาเลยไม่ได้นำอาวุธจักรพรรดิติดตัวมาด้วย”
อมตะชางเหม่ยก็ไม่ได้คาดหวังว่าจื่อหยางเทียนจุนจะให้อาวุธจักรพรรดิแก่เขา เขาพูดว่า: “ผู้อาวุโส อาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็ได้”
จื่อหยางเทียนจุนส่ายหัว: “อาวุธศักดิ์สิทธิ์ข้าก็ไม่ได้เอามา”
“ถ้างั้นยาวิญญาณระดับนักบุญล่ะ?”
“ก็ไม่มี”
อะไรกันนี่ เขาคงไม่ใช้ตาแก่ตระหนี่ขี้เหนียวหรอกใช่ไม่?
ถ้าเป็นเช่นนั้น ที่ก้มหัวกราบไปสามครั้งมิเสียเปล่าหรอกหรือ?
อมตะชางเหม่ยในใจรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ในขณะที่จื่อหยางเทียนจุนเปลี่ยนเสียงของเขาและพูดว่า: “คราวนี้ข้ารีบมาเลยไม่ได้พกสิ่งของล้ำค่าใดๆติดตัวมาด้วยเลย แม้ว่าข้าจะไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์และอาวุธจักรพรรดิ แต่ว่าข้ามีเทพศาสตรา เจ้าอยากได้ไหม?”
หลังจากพูดอย่างนั้น จื่อหยางเทียนจุนก็ยื่นดาบเทพให้ต่อหน้าอมตะชางเหม่ย
ดวงตาเล็กๆ ของอมตะชางเหม่ยก็เปล่งประกายเจิดจ้าในทันที เขามองไปที่ดาบเทพและกลืนน้ำลายของเขา
“ผู้อาวุโส ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?” อมตะชางเหม่ยรีบถาม
“ล้อเล่นรึ? ข้าไม่มีนิสัยเช่นนั้น” จื่อหยางเทียนจุนถามเขา: “เจ้าจะเอาหรือไม่เอา?”
“เอาเอาเอา !” อมตะชางเหม่ยรู้สึกตื่นเต้นและคว้าดาบเทพมา
แต่แล้ว ก่อนที่หลังมือของเขาจะสัมผัสด้ามของดาบ เขาก็ถูกจื่อหยางเทียนจุนโจมตีเข้าที่ช่องท้อง และเขากระเด็นออกไป
“ข้าล้อเล่น เจ้ายังเชื่ออีกรึ? เจ้าโง่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
เรื่องนี้มีเติมเงินอ่านไหมครับ แนะนำหน่อย...
ทำไมลงวันละตอนแล้วครับ ช่วยชี้แจงหน่อยครับ...
ทำไมช่วงนี้ลงวันละตอนล่ะครับอีกอย่างช่วงแรกได้อ่านตั้งแต่7โมงเช้าแต่พอลงตอนเดียวต้องอ่านตอน3โมงเย็น...
ไอ้ชิบหาย มีแต่หน้าเปล่าๆมา3วันแล้ว พอๆเลิกอ่านบล็อคแม่งออกเลย หนังสือที่อื่นมีอ่านเยอะแยะ...
หลังๆทำไมลงแต่หน้าเปล่า ไม่มีตัวหนังสือสักตัว...
จะอ่านบท1611-1616ยังใงคับ...
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...