ศิษย์แห่งนิกายดาบชิงอวิ๋นหลายแสนคนร้องตะโกนด้วยเสียงแห่งความโกรธเกรี้ยว กึกก้องสะเทือนไปทั่วขุนเขานับหมื่นลี้
แต่เซียวฉงโหลวกลับแสดงสีหน้าเย้ยหยัน
“แม้ว่าพวกเจ้าจะมีมากมาย ก็เป็นเพียงมดปลวกกลุ่มหนึ่ง ข้าเพียงดีดนิ้วก็สามารถกวาดล้างพวกเจ้าให้สิ้นซากได้”
เซียวฉงโหลวกล่าวด้วยสีหน้ากระเหี้ยนกระหือรือ พร้อมก้าวเดินออกจากค่ายกลสงครามจักรพรรดิอย่างไม่แยแส
ราวกับว่าเขาจะฆ่าล้างศิษย์ทั้งหมดของนิกายดาบชิงอวิ๋น
ฉับๆๆ————
ขณะที่ศิษย์แห่งนิกายดาบชิงอวิ๋นต่างยกดาบยาวของตนขึ้น
แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังฝึกฝนต่ำต้อย แต่ไม่มีใครสะทกสะท้านต่อคำขู่ของเซียวฉงโหลว ความกระหายการต่อสู้ก่อตัวขึ้นบนร่างของศิษย์แต่ละคน
จิตใจแห่งการต่อสู้ของคนหลายแสนรวมกัน ราวกับกองทัพที่แข็งแกร่งเกินต้านทาน
แม้ว่าจะเต็มไปด้วยใบหน้าที่อ่อนเยาว์ แต่พวกเขากลับมีท่าทีพร้อมที่จะสละชีพ
เพื่อปกป้องสำนัก
สู้จนตัวตาย
ไม่ยอมจำนนแม้ต้องตาย
นี่คือความเชื่อเพียงหนึ่งเดียวในจิตใจของศิษย์แห่งนิกายดาบชิงอวิ๋นในขณะนี้!
เมื่อเห็นฉากนี้ เซียนกระบี่ทั้งสี่ถึงกับน้ำตาคลอ
“เหล่าชายชาตรีแห่งชิงอวิ๋น เยี่ยมจริงๆ!” จิ่วเจี้ยนเซียนกล่าวพลางก้าวออกมายืนอยู่หน้าสุดของกลุ่ม
เซียนกระบี่อีกสามคนก็ก้าวออกมายืนเคียงข้างจิ่วเจี้ยนเซียน ยืนหยัดเคียงข้างเป็นแนวหน้า
ขณะนี้ หยุนซีเอ่ยด้วยน้ำตาคลอ “ฉังเซิง.....”
“ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไร ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า!” เยี่ยชิวกล่าวจบก็จูงมือหยุนซี พร้อมก้าวข้ามเวิ้งฟ้ามายืนอยู่แถวหน้าของกลุ่ม
เมื่อทั้งคู่เคลื่อนตัวออกไป นางฟ้าไป๋ฮวาและลู่หลัวก็ก้าวตามมาทันที
“ไอ้เด็กเปรต ข้ายอมเอาชีวิตตัวเองฝากไว้กับเจ้าแล้วนะ” อมตะชางเหม่ยกัดฟันแน่นแล้ววิ่งออกไปยืนอยู่แถวหน้าของกลุ่ม
เจ้าวัวต้าลี่ยืนอยู่ที่เดิม แต่เตรียมพร้อมเต็มที่ หากเยี่ยชิวต้องเผชิญกับอันตราย เขาจะรีบเข้าช่วยโดยไม่ลังเล แม้ต้องสละชีวิตก็ตาม
ในหัวของเขามีเพียงคำสั่งของเสี่ยวไป๋เมื่อครั้งออกจากเผ่าปีศาจ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร ก็ต้องปกป้องเยี่ยชิวให้ปลอดภัย
ในเวลานี้ ทั้งนิกายดาบชิงอวิ๋นสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว เต็มเปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิมและความเกลียดชังต่อศัตรู เป็นความสามัคคีที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ทันใดนั้น—
“ฟิ้ว!”
ที่ปลายฟากฟ้า แสงดาบหนึ่งพุ่งตรงมาราวกับสายลมกรรโชกแรง
เซียวฉงโหลวเงยหน้ามอง เห็นชายชราผู้หนึ่งขี่กระบี่ลอยลงมายืนตรงด้านหน้าศิษย์ของนิกายดาบชิงอวิ๋น
“คารวะนักปราชญ์หญิง คารวะผู้อาวุโสทั้งสี่”
ชายชราผู้นั้นโค้งคำนับหยุนซีและเซียนกระบี่ทั้งสี่
จิ่วเจี้ยนเซียนจำได้ทันทีว่าชายชราคนนี้คือเจ้าเมืองจ้าวหยวนจี๋แห่งเมืองชิงเหยียน เขาจึงอดถามไม่ได้ “จ้าวหยวนจี๋ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”
“สำนักประสบภัยใหญ่ ข้าจะไม่มาได้อย่างไร!” ชายชราตะโกนด้วยเสียงก้องกังวาน “ข้าจ้าวหยวนจี๋เจ้าเมืองชิงเหยียน ขออยู่ร่วมเป็นตายกับสำนัก!”
เสียงของเขาก้องไปทั่ว
เซียวฉงโหลวแสยะยิ้มเยาะเย้ย “แค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับนักพรตทงเสินคนหนึ่ง เปรียบเสมือนแมลงตัวจ้อยในสายตาข้า ไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้หรอก”
เมื่อสิ้นคำ—
“ฟิ้วๆๆ!”
ร่างเงามากมาย จากทั่วทุกสารทิศขี่กระบี่เหาะเหิน ร่อนลงมาข้างกายจ้าวหยวนจี๋
นับรวมแล้วเกือบร้อยคน
พวกเขามีทั้งชายหญิง ทั้งคนหนุ่มและคนแก่ และผู้ที่มีพลังอ่อนที่สุดก็ยังเป็นถึงทงเสินระดับแรก
“ข้าเจ้าเมืองหยิงเฟิง จ้าวเถี่ยจู้ ขออยู่ร่วมเป็นตายกับสำนัก!”
“ข้าเจ้าเมืองชุยเสวี่ย ซีเหมินฉางไห่ ขออยู่ร่วมเป็นตายกับสำนัก!”
“ข้าเจ้าเมืองจื่ออวิ๋น หลี่หว่านเอ๋อร์ ขออยู่ร่วมเป็นตายกับสำนัก!”
“ข้าเจ้าเมืองซือจื่อ ถังจ้าว ขออยู่ร่วมเป็นตายกับสำนัก!”
“เจ้าปกครองนิกายดาบชิงอวิ๋นมานาน แม้จะไม่มีผลงานโดดเด่น แต่ก็ไม่เคยก่อความวุ่นวายใด ๆ นับว่าเป็นคนที่มีคุณสมบัติพอควร”
“หยุนซาน ในฐานะที่เจ้าเป็นเจ้าสำนัก ข้าจะให้โอกาสเจ้าเลือกทางรอดหนึ่งครั้ง”
หยุนซานยังคงยืนนิ่งด้วยสีหน้าไร้ความหวั่นไหวใด ๆ
เขารู้ดีว่า ทางรอดที่ได้รับเสนอนั้นต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงลิ่ว และราคานั้นเขาอาจไม่มีทางรับไหว
ไม่ผิดจากที่คิด เซียวฉงโหลวเอ่ยเสียงด้วยเย็นชาว่า “หากเจ้าตกลงเป็นบุตรบุญธรรมของข้า นำนิกายดาบชิงอวิ๋นทั้งมวลมาสวามิภักดิ์ต่อสำนักปู่เทียน เช่นนั้นข้าจะยอมสละทุกอย่างเพื่อปกป้องชีวิตพวกเจ้าไว้”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
โดยเฉพาะอู่จี๋เทียนจุนและปราชญ์ทั้งสาม พวกเขาหรี่ตามองเซียวฉงโหลวด้วยแววตาไม่สู้ดีนัก
พวกเขาคาดไม่ถึงว่าเซียวฉงโหลวจะเล่นไม้เด็ดนี้
หากหยุนซานยอมรับข้อเสนอจริง ความแข็งแกร่งของสำนักปู่เทียนก็จะเพิ่มขึ้นอย่างน่าหวาดหวั่น
เพราะนิกายดาบชิงอวิ๋นนั้นมีสมบัติล้ำค่ามากมายและมีเมืองใหญ่น้อยนับร้อย
“อยากฮุบทั้งนิกายดาบชิงอวิ๋นไว้คนเดียวรึ เจ้านี่ช่างโลภไม่เบา ไม่กลัวว่าจะท้องแตกตายบ้างเลยหรือไง” อู่จี๋เทียนจุนแอบแสยะยิ้มในใจ คิดอย่างเหยียดหยาม
ซึ่งเฟิงว่านหลี่เข้าใจอูจ๋เทียนจุนทันทีและพยักหน้าเล็กน้อย
หากหยุนซานยอมเข้าร่วมกับสำนักปู่เทียนจริง เขาจะลงมือในทันทีเพื่อสังหารทั้งหยุนซานและเซียวฉงโหลว
“ฮึ่ม!”
เสียงเย้ยหยันเล็ดลอดออกมาในลำคอของหยุนซาน
“ชายชาตรีแห่งชิงอวิ๋น ถึงตายก็ไม่ยอมจำนน”
"ข้าแนะนำให้ท่านเลิกฝันกลางวันเสียเถิด!"
เซียวฉงโหลวแสยะยิ้ม "เดิมทีข้าตั้งใจจะให้เจ้ารอดชีวิต หากเจ้าไม่ใฝ่หาความเมตตานี้ ก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีกต่อไป"
“อยากตายนักรึ? ดี ข้าจะช่วยให้เจ้าสมปรารถนา!”
"หลังจากข้าฆ่าเจ้าแล้ว ข้าจะสังหารทุกคนในนิกายดาบชิงอวิ๋นจนสิ้น!"
“โครม!”
หลังจากเซียวฉงโหลวพูดจบ เจตจำนงฆ่าก็พลุ่งพล่านขึ้นจากตัวเขา ราวกับเขากลายเป็นเทพอสูรที่พร้อมทำลายทุกสิ่งตรงหน้า เขาพุ่งตรงเข้าหาหยุนซานด้วยเจตจำนงฆ่าอันแรงกล้าที่จะฆ่าฟัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
เรื่องนี้มีเติมเงินอ่านไหมครับ แนะนำหน่อย...
ทำไมลงวันละตอนแล้วครับ ช่วยชี้แจงหน่อยครับ...
ทำไมช่วงนี้ลงวันละตอนล่ะครับอีกอย่างช่วงแรกได้อ่านตั้งแต่7โมงเช้าแต่พอลงตอนเดียวต้องอ่านตอน3โมงเย็น...
ไอ้ชิบหาย มีแต่หน้าเปล่าๆมา3วันแล้ว พอๆเลิกอ่านบล็อคแม่งออกเลย หนังสือที่อื่นมีอ่านเยอะแยะ...
หลังๆทำไมลงแต่หน้าเปล่า ไม่มีตัวหนังสือสักตัว...
จะอ่านบท1611-1616ยังใงคับ...
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...