วิสารทแพทย์เทวัญ นิยาย บท 2105

มีเพียงเสียงดังขึ้น แต่ไม่เห็นตัวคน

“นั่นใคร?”

เฟิงว่านหลี่ยิงแสงสองดวงออกจากดวงตาของเขา ราวกับจะมองทะลุท้องฟ้าเพื่อค้นหาว่าคนที่พูดเป็นใคร

แต่กลับไม่พบอะไรเลย

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แม้แต่อู่จี๋เทียนจุนและนักปราชญ์ทั้งสาม รวมถึงผู้มีฝีมือสูงจากพันธมิตรห้าสำนักที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างก็พยายามตามหาที่มาของเสียงนี้

แต่ก็ไม่มีใครพบสิ่งใดเช่นกัน

แต่ทว่า หยุนซานและเซียนกระบี่ทั้งสี่รวมถึงเยี่ยชิวและหยุนซีต่างก็จำได้เสียงนั้นได้ทันทีว่าเป็นของใคร สีหน้าของพวกเขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันใด

“ท่านอาจารย์นะท่านอาจารย์ ในที่สุดท่านก็ยอมโผล่อออกมาแล้วจริง ๆ”

เยี่ยชิวคิดในใจ

ใช่แล้ว เสียงพูดเมื่อครู่นั้นเป็นของจื่อหยางเทียนจุน

เยี่ยชิวมองไปรอบ ๆ แต่ก็ยังไม่เห็นร่างของจื่อหยางเทียนจุน เขาคิดในใจว่า "ท่านอาจารย์กำลังเล่นตลกอะไรอยู่กันแน่?"

ในเมื่อส่งเสียงออกมาแล้ว แต่เหตุใดถึงไม่ปรากฏตัวออกมา?

เฟิงว่านหลี่กวาดสายตามองออกไปนอกแนวรบของจักรพรรดิ หันไปมองกลุ่มเจ้าเมืองหลายร้อยคนและเหล่าศิษย์จากนิกายดาบชิงอวิ๋น เขาตะโกนด้วยเสียงดังว่า “ใครกันที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ เช่นนี้?”

“ทำตัวซ่อนเร้นอยู่เช่นนี้จะนับเป็นวีรบุรุษได้อย่างไร?”

“ถ้ามีความกล้าก็ออกมาสู้กันซะ”

แต่ทว่าไม่มีใครยอมก้าวออกมาเลย

“หึ!” เฟิงว่านหลี่หัวเราะเยาะอย่างเย็นชา แล้วหันไปจ้องมองหยุนซานอีกครั้งพร้อมกล่าวว่า “วันนี้ ต่อให้เทพเซียนมาเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้ หยุนซาน ถึงเวลาที่เจ้าต้องไปแล้ว!”

พูดจบ สิงโตทองคำที่เขาขี่อยู่ก็พุ่งตรงเข้าหาหยุนซาน ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

เมื่อมองดูเฟิงว่านหลี่กำลังเข้าใกล้หยุนซานมากขึ้นเรื่อยๆ

ในตอนนี้ ระยะห่างระหว่างทั้งสองเหลือเพียงสามศอกเท่านั้น

ทันใดนั้นเอง สายลมอ่อนๆ พัดผ่าน

“ฟู่ ~”

แล้วในชั่วพริบตา มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหยุนซาน

ไม่มีใครทันเห็นว่าร่างนั้นมาปรากฏตัวได้อย่างไร เหมือนกับว่าปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยไร้ซึ่งตัวตน

บุคคลนั้นคือ จื่อหยางเทียนจุน!

จื่อหยางเทียนจุนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหยาบๆ ดูเรียบง่าย ผมเผ้ายุ่งเหยิง เท้าเปล่าเปลือย และที่เอวห้อยน้ำเต้าไว้ ดูเหมือนเป็นเจ้าสำนักจากพรรคกระยาจก

“เจ้าเป็นใคร?” เฟิงว่านหลี่เอ่ยถาม พลางเหลือบมองสังเกตจื่อหยางเทียนจุนอย่างเงียบๆ

เขาสังเกตว่าร่างกายของอีกฝ่ายไม่มีพลังชี่แท้แผ่ออกมาเลย ราวกับเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป

แต่การที่อีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ ย่อมแสดงว่าไม่ใช่คนธรรมดา

เฟิงว่านหลี่จึงตระหนักได้ในทันทีว่า ชายชราผู้นี้คือยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่

อย่างไรก็ตาม จื่อหยางเทียนจุนไม่ได้สนใจเฟิงว่านหลี่เลย เขายื่นมือไปพยุงหยุนซานขึ้นมา พร้อมเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนว่า “เข้าใจแล้วหรือยัง?”

หยุนซานรู้สึกฉงนกับคำถามนี้ “เข้าใจอะไรหรือ?”

“เจ้าได้ประลองกับราชันย์นักปราชญ์แล้ว เจ้าได้เรียนรู้อะไรบ้างไหม?” จื่อหยางเทียนจุนถามอีกครั้ง

หยุนซานเข้าใจความหมายของจื่อหยางเทียนจุน จึงพยักหน้าแล้วตอบว่า “ได้รับประโยชน์มากทีเดียว”

“ดีมาก” จื่อหยางเทียนจุนกล่าวด้วยความพอใจและพยักหน้า

ก่อนหน้านี้ เป็นเขาที่ส่งเสียงห้ามเยี่ยชิวและเซียนกระบี่ทั้งสี่ช่วยหยุนซาน เพื่อให้หยุนซานได้สู้ด้วยตัวเองตามลำพัง จุดประสงค์ก็เพื่อฝึกฝนหยุนซานนั่นเอง

จื่อหยางเทียนจุนกล่าวกับหยุนซานว่า “หลังจากผ่านการต่อสู้ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์การต่อสู้หรือสภาพจิตใจ ก็พัฒนาขึ้นไม่น้อย คาดว่าในเวลาไม่ถึงร้อยปี เจ้าคงจะสำเร็จสู่ขั้นราชันย์นักปราชญ์ได้แน่นอน”

เฟิงว่านหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเยาะ “ท่านผู้เฒ่าท่านพูดอะไรนะ? หยุนซานจะสำเร็จสู้ขั้นราชันย์นักปราชญ์? ข้าคิดว่าเจ้าแก่จนเลอะเลือนแล้วกระมัง ยังไม่รู้สถานการณ์ตอนนี้สินะ?”

“มีข้าอยู่ที่นี่ หยุนซานจะมีชีวิตรอดได้หรือ?”

“อย่าว่าแต่หยุนซานเลย พวกเจ้าในนิกายดาบชิงอวิ๋นอย่าหวังว่าจะรอดแม้แต่คนเดียว”

จื่อหยางเทียนจุนถอนหายใจ “เจ้ายังไม่เข้าใจว่าทำไมนิกายดาบชิงอวิ๋นถึงเป็นนิกายอันดับหนึ่งของตงฮวง…”

พูดยังไม่ทันจบ

เฟิงว่านหลี่เริ่มหมดความอดทน

“ไอ้แก่ เจ้าพูดจบหรือยัง?”

“ยังคิดจะพาศิษย์ของนิกายดาบชิงอวิ๋นหนีไปอีกงั้นหรือ ฝันไปเถอะ!”

“ใครก็ตามที่เป็นคนของนิกายดาบชิงอวิ๋น วันนี้ไม่มีใครหนีรอดออกไปได้!”

ก่อนหน้านี้ เฟิงว่านหลี่เห็นว่าจื่อหยางเทียนจุนไม่ได้ตอบคำถามเขา เขาก็หงุดหงิดมากพอแล้ว พอเห็นจื่อหยางเทียนจุนคุยกับหยุนซานเหมือนกำลังวางแผนเรื่องพาศิษย์ของนิกายดาบชิงอวิ๋นหลบหนี ก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม

“ไอ้บันซบเอ๊ย เจ้ายังเห็นข้าอยู่ในสายตาหรือไม่?”

ในตอนนั้น เฉินเป่ยโต่วที่ยืนอยู่ข้างฉีหลินก็พูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโสเฟิง ไอ้แก่ตายยากคนนี้ก็คือผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายดาบชิงอวิ๋นจื่อหยางเทียนจุนนั่นเอง”

พูดจบ เฉินเป่ยโต่วก็หันไปมองจื่อหยางเทียนจุนด้วยแววตาอาฆาต แล้วกล่าวว่า “ไอ้แก่ เจ้าคงไม่คิดใช่ไหม ว่านิกายที่เจ้ากับหยุนซานสู้อุตส่าห์ปกป้องด้วยชีวิต จะมีวันพินาศจนได้”

“พูดตรงๆ ข้าเห็นภาพนี้แล้วสะใจจริงๆ”

“ข้าจะบอกเจ้าเองว่าที่นิกายดาบชิงอวิ๋นต้องพบกับหายนะเช่นนี้ มันเป็นเพราะตัวเจ้าเองทั้งหมด”

เฉินเป่ยโต่วชี้ไปที่จื่อหยางเทียนจุนแล้วกล่าวว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเข้าข้างคนอื่น ไม่ยอมให้ข้าเป็นเจ้าสำนัก นิกายดาบชิงอวิ๋นจะมีจุดจบถูกทำลายเช่นนี้หรือหรือ?”

“แต่ก็นับว่าเป็นบุญของเจ้าที่ตอนนั้นยอมให้ข้าเป็นผู้ควบคุมดวงตาของค่ายกลดาบพิทักษ์”

“ไม่อย่างนั้น ข้าคงไม่สามารถเปิดค่ายกลดาบพิทักษ์ได้ง่ายดายเช่นนี้ ฮ่าๆๆ…”

เฉินเป่ยโต่วหัวเราะลั่นฟ้า

จนถึงตอนนี้ จื่อหยางเทียนจุนจึงได้เงยหน้ามองเฉินเป่ยโต่วแล้วกล่าวว่า “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าค่ายกลดาบพิทักษ์เปิดออกเพราะเจ้าจริง ๆ?”

เฉินเป่ยโต่วเยาะเย้ยแล้วกล่าวว่า “หมายความว่ายังไง? ไม่ใช่ข้าเปิดค่ายกลดาบพิทักษ์นี่ แล้วจะเป็นเจ้าเปิดงั้นหรือ?”

จื่อหยางเทียนจุนกล่าวว่า “เจ้าไม่สงสัยหรือว่าทำไมถึงไม่ต้องท่องคาถา แต่ค่ายกลดาบก็ถูกทำลายแล้ว?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ