มีเพียงเสียงดังขึ้น แต่ไม่เห็นตัวคน
“นั่นใคร?”
เฟิงว่านหลี่ยิงแสงสองดวงออกจากดวงตาของเขา ราวกับจะมองทะลุท้องฟ้าเพื่อค้นหาว่าคนที่พูดเป็นใคร
แต่กลับไม่พบอะไรเลย
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แม้แต่อู่จี๋เทียนจุนและนักปราชญ์ทั้งสาม รวมถึงผู้มีฝีมือสูงจากพันธมิตรห้าสำนักที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างก็พยายามตามหาที่มาของเสียงนี้
แต่ก็ไม่มีใครพบสิ่งใดเช่นกัน
แต่ทว่า หยุนซานและเซียนกระบี่ทั้งสี่รวมถึงเยี่ยชิวและหยุนซีต่างก็จำได้เสียงนั้นได้ทันทีว่าเป็นของใคร สีหน้าของพวกเขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันใด
“ท่านอาจารย์นะท่านอาจารย์ ในที่สุดท่านก็ยอมโผล่อออกมาแล้วจริง ๆ”
เยี่ยชิวคิดในใจ
ใช่แล้ว เสียงพูดเมื่อครู่นั้นเป็นของจื่อหยางเทียนจุน
เยี่ยชิวมองไปรอบ ๆ แต่ก็ยังไม่เห็นร่างของจื่อหยางเทียนจุน เขาคิดในใจว่า "ท่านอาจารย์กำลังเล่นตลกอะไรอยู่กันแน่?"
ในเมื่อส่งเสียงออกมาแล้ว แต่เหตุใดถึงไม่ปรากฏตัวออกมา?
เฟิงว่านหลี่กวาดสายตามองออกไปนอกแนวรบของจักรพรรดิ หันไปมองกลุ่มเจ้าเมืองหลายร้อยคนและเหล่าศิษย์จากนิกายดาบชิงอวิ๋น เขาตะโกนด้วยเสียงดังว่า “ใครกันที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ เช่นนี้?”
“ทำตัวซ่อนเร้นอยู่เช่นนี้จะนับเป็นวีรบุรุษได้อย่างไร?”
“ถ้ามีความกล้าก็ออกมาสู้กันซะ”
แต่ทว่าไม่มีใครยอมก้าวออกมาเลย
“หึ!” เฟิงว่านหลี่หัวเราะเยาะอย่างเย็นชา แล้วหันไปจ้องมองหยุนซานอีกครั้งพร้อมกล่าวว่า “วันนี้ ต่อให้เทพเซียนมาเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้ หยุนซาน ถึงเวลาที่เจ้าต้องไปแล้ว!”
พูดจบ สิงโตทองคำที่เขาขี่อยู่ก็พุ่งตรงเข้าหาหยุนซาน ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เมื่อมองดูเฟิงว่านหลี่กำลังเข้าใกล้หยุนซานมากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนี้ ระยะห่างระหว่างทั้งสองเหลือเพียงสามศอกเท่านั้น
ทันใดนั้นเอง สายลมอ่อนๆ พัดผ่าน
“ฟู่ ~”
แล้วในชั่วพริบตา มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหยุนซาน
ไม่มีใครทันเห็นว่าร่างนั้นมาปรากฏตัวได้อย่างไร เหมือนกับว่าปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยไร้ซึ่งตัวตน
บุคคลนั้นคือ จื่อหยางเทียนจุน!
จื่อหยางเทียนจุนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหยาบๆ ดูเรียบง่าย ผมเผ้ายุ่งเหยิง เท้าเปล่าเปลือย และที่เอวห้อยน้ำเต้าไว้ ดูเหมือนเป็นเจ้าสำนักจากพรรคกระยาจก
“เจ้าเป็นใคร?” เฟิงว่านหลี่เอ่ยถาม พลางเหลือบมองสังเกตจื่อหยางเทียนจุนอย่างเงียบๆ
เขาสังเกตว่าร่างกายของอีกฝ่ายไม่มีพลังชี่แท้แผ่ออกมาเลย ราวกับเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป
แต่การที่อีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ ย่อมแสดงว่าไม่ใช่คนธรรมดา
เฟิงว่านหลี่จึงตระหนักได้ในทันทีว่า ชายชราผู้นี้คือยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่
อย่างไรก็ตาม จื่อหยางเทียนจุนไม่ได้สนใจเฟิงว่านหลี่เลย เขายื่นมือไปพยุงหยุนซานขึ้นมา พร้อมเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนว่า “เข้าใจแล้วหรือยัง?”
หยุนซานรู้สึกฉงนกับคำถามนี้ “เข้าใจอะไรหรือ?”
“เจ้าได้ประลองกับราชันย์นักปราชญ์แล้ว เจ้าได้เรียนรู้อะไรบ้างไหม?” จื่อหยางเทียนจุนถามอีกครั้ง
หยุนซานเข้าใจความหมายของจื่อหยางเทียนจุน จึงพยักหน้าแล้วตอบว่า “ได้รับประโยชน์มากทีเดียว”
“ดีมาก” จื่อหยางเทียนจุนกล่าวด้วยความพอใจและพยักหน้า
ก่อนหน้านี้ เป็นเขาที่ส่งเสียงห้ามเยี่ยชิวและเซียนกระบี่ทั้งสี่ช่วยหยุนซาน เพื่อให้หยุนซานได้สู้ด้วยตัวเองตามลำพัง จุดประสงค์ก็เพื่อฝึกฝนหยุนซานนั่นเอง
จื่อหยางเทียนจุนกล่าวกับหยุนซานว่า “หลังจากผ่านการต่อสู้ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์การต่อสู้หรือสภาพจิตใจ ก็พัฒนาขึ้นไม่น้อย คาดว่าในเวลาไม่ถึงร้อยปี เจ้าคงจะสำเร็จสู่ขั้นราชันย์นักปราชญ์ได้แน่นอน”
เฟิงว่านหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเยาะ “ท่านผู้เฒ่าท่านพูดอะไรนะ? หยุนซานจะสำเร็จสู้ขั้นราชันย์นักปราชญ์? ข้าคิดว่าเจ้าแก่จนเลอะเลือนแล้วกระมัง ยังไม่รู้สถานการณ์ตอนนี้สินะ?”
“มีข้าอยู่ที่นี่ หยุนซานจะมีชีวิตรอดได้หรือ?”
“อย่าว่าแต่หยุนซานเลย พวกเจ้าในนิกายดาบชิงอวิ๋นอย่าหวังว่าจะรอดแม้แต่คนเดียว”
จื่อหยางเทียนจุนถอนหายใจ “เจ้ายังไม่เข้าใจว่าทำไมนิกายดาบชิงอวิ๋นถึงเป็นนิกายอันดับหนึ่งของตงฮวง…”
พูดยังไม่ทันจบ
เฟิงว่านหลี่เริ่มหมดความอดทน
“ไอ้แก่ เจ้าพูดจบหรือยัง?”
“ยังคิดจะพาศิษย์ของนิกายดาบชิงอวิ๋นหนีไปอีกงั้นหรือ ฝันไปเถอะ!”
“ใครก็ตามที่เป็นคนของนิกายดาบชิงอวิ๋น วันนี้ไม่มีใครหนีรอดออกไปได้!”
ก่อนหน้านี้ เฟิงว่านหลี่เห็นว่าจื่อหยางเทียนจุนไม่ได้ตอบคำถามเขา เขาก็หงุดหงิดมากพอแล้ว พอเห็นจื่อหยางเทียนจุนคุยกับหยุนซานเหมือนกำลังวางแผนเรื่องพาศิษย์ของนิกายดาบชิงอวิ๋นหลบหนี ก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม
“ไอ้บันซบเอ๊ย เจ้ายังเห็นข้าอยู่ในสายตาหรือไม่?”
ในตอนนั้น เฉินเป่ยโต่วที่ยืนอยู่ข้างฉีหลินก็พูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโสเฟิง ไอ้แก่ตายยากคนนี้ก็คือผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายดาบชิงอวิ๋นจื่อหยางเทียนจุนนั่นเอง”
พูดจบ เฉินเป่ยโต่วก็หันไปมองจื่อหยางเทียนจุนด้วยแววตาอาฆาต แล้วกล่าวว่า “ไอ้แก่ เจ้าคงไม่คิดใช่ไหม ว่านิกายที่เจ้ากับหยุนซานสู้อุตส่าห์ปกป้องด้วยชีวิต จะมีวันพินาศจนได้”
“พูดตรงๆ ข้าเห็นภาพนี้แล้วสะใจจริงๆ”
“ข้าจะบอกเจ้าเองว่าที่นิกายดาบชิงอวิ๋นต้องพบกับหายนะเช่นนี้ มันเป็นเพราะตัวเจ้าเองทั้งหมด”
เฉินเป่ยโต่วชี้ไปที่จื่อหยางเทียนจุนแล้วกล่าวว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเข้าข้างคนอื่น ไม่ยอมให้ข้าเป็นเจ้าสำนัก นิกายดาบชิงอวิ๋นจะมีจุดจบถูกทำลายเช่นนี้หรือหรือ?”
“แต่ก็นับว่าเป็นบุญของเจ้าที่ตอนนั้นยอมให้ข้าเป็นผู้ควบคุมดวงตาของค่ายกลดาบพิทักษ์”
“ไม่อย่างนั้น ข้าคงไม่สามารถเปิดค่ายกลดาบพิทักษ์ได้ง่ายดายเช่นนี้ ฮ่าๆๆ…”
เฉินเป่ยโต่วหัวเราะลั่นฟ้า
จนถึงตอนนี้ จื่อหยางเทียนจุนจึงได้เงยหน้ามองเฉินเป่ยโต่วแล้วกล่าวว่า “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าค่ายกลดาบพิทักษ์เปิดออกเพราะเจ้าจริง ๆ?”
เฉินเป่ยโต่วเยาะเย้ยแล้วกล่าวว่า “หมายความว่ายังไง? ไม่ใช่ข้าเปิดค่ายกลดาบพิทักษ์นี่ แล้วจะเป็นเจ้าเปิดงั้นหรือ?”
จื่อหยางเทียนจุนกล่าวว่า “เจ้าไม่สงสัยหรือว่าทำไมถึงไม่ต้องท่องคาถา แต่ค่ายกลดาบก็ถูกทำลายแล้ว?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
เรื่องนี้มีเติมเงินอ่านไหมครับ แนะนำหน่อย...
ทำไมลงวันละตอนแล้วครับ ช่วยชี้แจงหน่อยครับ...
ทำไมช่วงนี้ลงวันละตอนล่ะครับอีกอย่างช่วงแรกได้อ่านตั้งแต่7โมงเช้าแต่พอลงตอนเดียวต้องอ่านตอน3โมงเย็น...
ไอ้ชิบหาย มีแต่หน้าเปล่าๆมา3วันแล้ว พอๆเลิกอ่านบล็อคแม่งออกเลย หนังสือที่อื่นมีอ่านเยอะแยะ...
หลังๆทำไมลงแต่หน้าเปล่า ไม่มีตัวหนังสือสักตัว...
จะอ่านบท1611-1616ยังใงคับ...
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...