อะไรนะ?
เมื่ออู่จี๋เทียนจุนทั้งสี่ได้ยินจื่อหยางเทียนจุนกล่าวเช่นนั้นก็ได้แต่มองดูกันไปมา
“เราไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?”
“ตาเฒ่าน่าตายนั่นพูดว่าอะไรนะ?”
“เขาบอกว่าหากพวกเราทั้งห้าสำนักยอมจำนนต่อนิกายดาบชิงอวิ๋น ก็จะเหลือหนทางรอดให้พวกเรา?”
“ไม่ใช่ว่าเขาแก่จนเลอะเลือนแล้วหรือไง!”
“มารดามันเถอะ คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใดกัน อาศัยเขาแค่คนคนเดียวยังคิดที่จะเทียบเคียงพวกเรารึไง เขาคิดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิวั่นกู่ชิงเทียนรึไง?”
“ใกล้จะตายแล้วแท้ยังกล้าเอ่ยคำพูดอวดดีแบบนี้ออกมาได้ ฉันว่าเขาคงรังเกียจที่มีอายุยืนเกินไปสินะ”
“เอามันให้ตาย”
ปราชญ์หวงกู่นั้นเดิมทีก็เคียดแค้นต่อจื่อหยางเทียนจุนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ได้ฟังคำที่จื่อหยางเทียนจุนเอ่ยออกมาก็บันดาลโทสะออกมาอย่างมาก ประกาศก้องจะลงมือทำลายเป็นผู้แรกเอง
“ตึง!”
ในมือของปราชญ์หวงกู่ก็ปรากฏกระบี่ยาวสีแดงก่ำเล่มหนึ่ง ปลดปล่อยกลิ่นอายกระหายเลือดออกมา
“กระบี่ดื่มโลหิต!”
ปราชญ์ไท่เชิงมองเพียงแวบเดียวก็มองออก : “กระบี่เล่มนี้เป็นอาวุธของปราชญ์หวงกู่เมื่อครั้งที่วัยเยาว์ เดิมที่กระบี่เล่มนี้เป็นเพียงกระบี่ธรรมดาที่แสนจะธรรมดาเท่านั้น ต่อมาได้ติดตามปราชญ์หวงกู่เผชิญความทุกข์ยากมานับครั้งไม่ถ้วน ว่ากันว่ามันได้กลืนกินโลหิตสดๆ จากสรรพชีวิตนับไม่ถ้วน จากเพียงกระบี่ธรรมดาๆ ก็ได้กลายเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอด”
“แม้กระบี่เล่มนี้ไม่อาจเทียบขั้นกระบี่สังหาร แต่มันก็เฉียบคมหาใครเทียบได้”
ปราชญ์หวงกู่ทะยานออกไป ในมือถือกระบี่ดื่มโลหิตไว้จากนั้นก็ตวัดไปที่กลางแผ่นฟ้าแฉือนลงไป
การโจมตีนี้ แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
กระบี่นี้ของปราชญ์หวงกู่เต็มไปด้วยจิตสังหารการฆ่าฟัน
จื่อหยางเทียนจุนยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไร้ความผันผวนใดทางอารมณ์เขาเพียงรอการมาถึงของกระบี่ดื่มโลหิต เมื่อนั้นเขาก็แหงนหน้าขึ้นมองเพียงชั่วครู่
“ตูม!”
ตอนที่กระบี่ดื่มโลหิตอยู่ห่างจากศีรษะของจื่อหยางเทียนจุนเพียงครึ่งนิ้ว ท่ามกลางความว่างเปล่าก็ราวกับปรากฏโล่เหล็กไร้รูปลักษณ์ออกมาปะทะกันเกิดประกายไฟออกมา
เวลานี้เองที่จื่อหยางเทียนจุนได้ลงมือแล้ว
เขายื่นนิ้วขึ้นมาสองนิ้วแล้วหนีบกระบี่โลหิตเอาไว้ตรงกลางระหว่างนิ้วทั้งสอง จากนั้นมองไปที่ปราชญ์หวงกู่พลางเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะว่า : “ว่านายเป็นแค่ไก่อ่อน นายกลับไม่ยอมรับซะงั้น แต่ความเป็นจริงแล้วนายมันก็เป็นแค่ไก่อ่อนจริงๆ นี่”
“หึ!” ปราชญ์หวงกู่ส่งเสียงหึออกมาจากในลำคอ แขนก็ออกแรงมากขึ้นพยายามที่จะดึงกระบี่ของตนออกจากนิ้วของจื่อหยางเทียนจุน
แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ว่าปราชญ์หวงกู่จะออกแรงมากเพียงใด กระบี่โลหิตที่อยู่ระหว่างนิ้วของจื่อหยางเทียนจุนก็ราวกับติดอยู่อย่างนั้นไม่สามารถออกมาได้
“นายชอบกระบี่เล่มนี่มากไม่ใช่รึไง ถ้าหากว่ามันพังไป นายไม่ปวดใจตายหรอกหรือ?”
เมื่อจื่อหยางเทียนจุนพูดจบ ก็ใช้นิ้วหักกระบี่
“ฉับ!”
กระบี่ดื่มโลหิตถูกหักต่อหน้าธารกำนัล ขณะเดียวกันปราชญ์หวงกู่ก็ตกใจเสียจนสติล่องลอยแล้ว
หลังจากลงมายังพื้นดิน
ปราชญ์หวงกู่จ้องมองไปยังกระบี่โลหิตที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวด้วยดวงตาแดงก่ำ
กระบี่เล่มนี้ไม่เพียงแต่เป็นแค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นแต่เป็นสิ่งที่เติบโตมาด้วยกันกับเขาตั้งแต่เยาว์วัย พูดได้ว่าในใจของปราชญ์หวงกู่ได้มองมันเป็นสหายที่สนิทที่สุด
จื่อหยางเทียนจุนได้หักกระบี่นี้ก็เท่ากับว่าได้สังหารสหายของเขาเช่นกัน
นี่ไม่อาจทนได้!
ปราชญ์หวงกู่กำลังเอื้อนเอ่ย จู่ๆ ก็เห็นว่ากระบี่โลหิตอีกครึ่งที่เหลืออยู่ในมือเขา บนตัวกระบี่ก็เกิดรอยร้าวขึ้นมา
“ไม่ดีแล้ว——”
ปราชญ์หวงกู่เพิ่งเอ่ยว่าไม่ดีเท่านั้น กระบี่โลหิตก็พลันแตกกระจาย ไม่เพียงเท่านั้นมันยังได้กลายเป็นฝุ่นผง
เขาคว้าจับกลางอากาศว่างเปล่า
“อ๊าก……”
ปราชญ์หวงกู่เงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมกับร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ โมโหเสียจนเกศาบนศีรษะของเขายาวออกมาเหมือนกันราชสีห์ระเบิดความโกรธ
เขาโมโหแล้วจริงๆ
ก่อนนั้นเป็นเจดีย์ฮวงกู่ที่ถูกทำลาย ตอนนี้เป็นกระบี่โลหิตที่ถูกทำลายไปอีกแล้วเขาแทบอยากจะหั่นจื่อหยางเทียนจุนสับเป็นหมื่นชิ้น
“ถ้าหากฉันยังไม่ตาย ฉันจะฆ่าแกให้ได้ อ๊าก……..”
ปราชญ์หวงกู่คำรามออกมาด้วยความโกรธพร้อมทั้งพุ่งเข้าใส่จื่อหยางเทียนจุน
“ฆ่า!”
เห็นเพียงสีหน้าของจื่อหยางเทียนจุนที่ยังคงนิ่งเรียบ ไม่ได้ตกใจในการโจมตีของสี่นักปราชญ์แม้เพียงนิด เขาเพียงโบกมือขวาเบาๆ พลังสายหนึ่งก็ปรากฏออกมาจากนั้นก็หยุดยั้งการโจมตีของเหล่าสี่นักปราชญ์ครั้งแล้วครั้งเล่า
“อะไรน่ะ?”
ทุกคนได้เห็นฉากนี้ก็ตกใจเสียจนราวกับว่าหัวใจหยุดเต้นเสียเดี๋ยวนั้น
จื่อหยางเทียนจุนยืนอยู่ที่เดิมมิได้เคลื่อนไหว อาศัยเพียงมือขวาของตนก็สามารถหยุดยั้งการโจมตีทั้งหมดของเหล่าสี่นักปราชญ์ได้ ช่างอัศจรรย์นัก
“ท่านผู้อาวุโสจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว”
“เพียงแค่นี้ก็สามารถหยุดยั้งการโจมตีของสี่นักปราชญ์ได้ง่ายๆ แล้ว”
“สมกับเป็นราชายอดนักปราชญ์!”
“……”
“ขณะเดียวกัน สี่นักปราชญ์ที่อยู่กลางสนามรบก็ต่างตกใจ”
เดิมทีคิดว่าเพียงพวกเขาลงมือ จื่อหยางเทียนจุนย่อมต้องสู้สุดกำลัง แต่ตอนนี้เล่าเขาแค่ใช้เพียงมือเดียวก็สามารถขัดขวางการโจมตีของพวกเขาได้ทั้งหมด
ยังมีท่าทางสบายอารมณ์เช่นนั้นอีก ราวกับว่ายอดฝีมือที่กำลังสู้กับคนธรรมดาที่ไม่มีพลังบำเพ็ญสี่คนเสียอย่างนั้น
“ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้?”
“เจ้าเฒ่าหนังเหนียวนั่นพลังน่ากลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“สหายทุกท่าน ดูท่าจะจัดการตาเฒ่านั่นจะไม่ง่ายเสียแล้ว!”
ขณะที่อู่จี๋เทียนจุนกำลังปรึกษากัน เสียงกระบี่ก็ดังขึ้น
“ชิ้ง!”
เสียงกระบี่ดังเพียงครั้งก็เรียกเก้าสายฟ้า
วินาทีต่อมา ก็เห็นเพียงนิ้วชี้และนิ้วกลางของจื่อหยางเทียนจุนวาดขึ้นกลางอากาศ
ปราณกระบี่นับหมื่นสายหวีดร้องออกมา ชั่วพริบตาก็ครอบไปทั่วแผ่นฟ้ากดลงมา
ทันใดนั้น ขนกายของทั้งสี่นักปราชญ์ต่างบุกพรึบ ปราณกระบี่นี้ราวกับเทือกเขาที่ทอดยาวนับหมื่นลี้ แรงกดดันกว่าล้านล้านจิน
แรงกดดันของปราณกระบี่กดลงมาไม่หยุด
ไม่นาน ปราชญ์ทั้งสี่ก็ถูกบดขยี้จนย่อยยับและเห็นเพียงพวกเขาคุกเข่าลงไปที่พื้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
เรื่องนี้มีเติมเงินอ่านไหมครับ แนะนำหน่อย...
ทำไมลงวันละตอนแล้วครับ ช่วยชี้แจงหน่อยครับ...
ทำไมช่วงนี้ลงวันละตอนล่ะครับอีกอย่างช่วงแรกได้อ่านตั้งแต่7โมงเช้าแต่พอลงตอนเดียวต้องอ่านตอน3โมงเย็น...
ไอ้ชิบหาย มีแต่หน้าเปล่าๆมา3วันแล้ว พอๆเลิกอ่านบล็อคแม่งออกเลย หนังสือที่อื่นมีอ่านเยอะแยะ...
หลังๆทำไมลงแต่หน้าเปล่า ไม่มีตัวหนังสือสักตัว...
จะอ่านบท1611-1616ยังใงคับ...
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...