ซั่งหลิงเจินเหรินต่อยหมัดใส่ชายอ้วนดำอย่างต่อเนื่องจนเขาแทบไม่ไหว
โดยเฉพาะหมัดสุดท้ายที่ต่อยจนชายอ้วนดำกระเด็นลอยออกไปกว่าห้าเมตร
ชายอ้วนดำล้มลงกับพื้น ใบหน้าฟกช้ำและมีเลือดไหลออกมา ซึ่งดุแล้วน่าเวทนาอย่างมาก
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามอู๋เฉียงเข้ามาเหยียบที่นี่อีกแม้แต่ก้าวเดียว"
ซั่งหลิงเจินเหรินพูดจบก็ชี้ไปที่นักบวชเต๋าสองคนที่ตามชายอ้วนดำมา "พวกนายก็เหมือนกัน ต่อไปห้ามขึ้นมาที่นี่อีก"
"หากวันข้างหน้าฉันเห็นพวกนายแอบปลอมตัวเป็นคนนักบวชของอู่ตานเพื่อทำเรื่องชั่วๆ อีก ฉันจะรายงานเรื่องนี้ไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อให้พวกนายสองคนไปใช้ชีวิตที่เหลือในคุก"
"ไสหัวไปซะ!"
คำสุดท้ายที่ซั่งหลิงเจินเหรินเปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยกำลังภายในเสมือนกับเสียงฟ้าร้อง ทำให้ชายอ้วนดำและนักบวชปลอมอีกสองคนตกใจจนปัสสาวะไหลออกมา
ในที่สุดเหตุการณ์ก็กลับเป็นปกติอีกครั้ง
ซั่งหลิงเจินเหรินเดินไปตรงหน้าเยี่ยชิวพร้อมกับโค้งคำนับ "ผู้นำเยี่ยอุตส่าห์เดินทางมาถึงที่นี่ ฉันต้องขอโทษด้วยที่ให้การต้อนรับไม่ดี"
"เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ ฉันต้องขออธิบายให้คุณฟังสักหน่อย"
"เดิมทีอู๋เฉียงและพวกนั้นเป็นคนอันธพาลไร้ที่อยู่อาศัย อาจารย์สงสารก็เลยให้พวกเขาอยู่ที่นี่คอยช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ"
"เมื่อปีก่อน ฉันพบว่าพวกเขาแอบปลอมตัวเป็นลูกศิษย์ที่สำนักเพื่อหลอกลวงประชาชนที่เข้ามา ก็เลยได้ตำหนิพวกเขาไปอย่างหนัก"
"พวกเขาไม่เพียงจะไม่สำนึกผิดแต่กลับทำทำตัวหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ฉันทนจนทนไม่ไหวก็เลยขับไล่พวกเขาทั้งสามออกไป"
"แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่พวกเขาลงจากเขาไปก็ได้ก่อความเดือดร้อนให้กับประชาชนในหมู่บ้าน พวกเขาปลอมตัวเป็นลูกศิษย์ของสำนักและหลอกลวงชาวบ้านโดยการดูดวง ทำให้ได้เงินมาจำนวนไม่น้อย หลังจากที่ถูกชาวบ้านจับได้ก็ถูกพวกเขาจับตัวกลับมาที่สำนัก"
"เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขากลับไปทำเรื่องชั่วๆ แบบนั้นอีก ฉันจึงจำเป็นต้องให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่อให้พวกเขาคอยช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ"
"ก่อนหน้านี้ไม่นาน พวกเขาได้หลอกเงินจากนักท่องเที่ยวไปเป็นเงินสองหมื่น หลังจากที่ถูกจับได้ก็ขับไล่พวกเขาออกไปอีกครั้ง"
"แต่ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะยังคงอยู่แถวนี้และมาพบกับผู้นำเยี่ยและผู้หญิงคนนี้เข้า ฉันรู้สึกผิดมาก ฉันต้องขอโทษผู้นำเยี่ยและคุณผู้หญิงด้วยใจจริง"
ซั่งหลิงเจินเหรินพูดจบก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อม
เยี่ยชิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องคิดมากอะไรเลย ไม่ทราบว่าชงซวีเต้าเหรินอยู่ที่ไหนเหรอครับ?"
"อาจารย์อยู่ในเรือนน่ะ เชิญตามฉันมาทางนี้ได้เลย" ซั่งหลิงเจินเหรินทำท่าเชื้อเชิญและจากนั้นก็เดินนำเยี่ยชิวอ้อมเข้าไปในข้างใน
หลังจากเดินผ่านประตูใหญ่เข้าไปก็เข้าไปยังวิหารและเลี้ยวอีกสองสามครั้งและจากนั้นสิ่งที่ปรากฏขึ้นก็ทำให้เบิกตากว้าง
จากนั้นก็เห็นกลุ่มอาคารวิหารโบราณตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยเมฆและหมอกราวกับแดนสวรรค์
ซั่งหลิงเจินเหรินเดินนำทางเยี่ยชิวพร้อมกับกล่าวแนะนำ
"นับตั้งแต่สิ้นสุดราชวงศ์ฮั่น ภูเขาอู่ตานก็เป็นสถานที่อันเงียบสงบสำหรับผู้ศึกษาลัทธิเต๋า"
"ในสมัยราชวงศ์ถัง ภูเขาอู่ตานได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิบสองสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีรายชื่อในอันดับที่เก้า"
"วิหารส่วนใหญ่ที่เราเห็นตอนนี้สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง"
"จักรพรรดิจูตี้ ผู้ก่อตั้งราชวงศ์หมิงสั่งให้เสนาบดีกรมพิธีการ ผู้ให้คำปรึกษากรมโยธาธิการและคนอื่นๆ นำช่างฝีมือทหารและพลเรือนมากกว่าสามแสนคนเพื่อสร้างภูเขาอู่ตาน โดยใช้เวลาถึงสิบสองปี เป็นที่รู้จักในประวัติศาสตร์ในชื่อ (สร้างพระราชวังต้องห้ามทางเหนือ สร้างอู่ตานทางใต้) ในเวลาเดียวกันจักรพรรดิจูตี้ยังได้ตั้งชื่อภูเขาอู่ตานว่าเป็น "ภูเขาที่ยิ่งใหญ่" ซึ่งเหนือภูเขาทั้งห้า"
"ในปีที่สามสิบเอ็ดแห่งการครองราชย์ของจักรพรรดิเจียจิ้ง ราชสำนักได้ตั้งชื่อภูเขาอู่ตานเป็น "ภูเขาแห่งการปกครอง" และยกย่องให้ที่นี่เป็นวัดของราชวงศ์สูงสุด ในเวลานั้น ภูเขาอู่ตานได้กลายเป็นภูเขาอันดับหนึ่งในลัทธิเต๋า"
"นับตั้งแต่ก่อตั้งนิกายสำนักอู่ตานขึ้น คนที่มีความสามารถก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาจำนวนมาก"
"ในบรรดาพวกเขาเหล่านี้ ผู้ที่มีชื่อเสียงมีอิทธิพลมากที่สุดต่อลัทธิเต๋าคือจางซานเฟิง ผู้ก่อตั้งสำนักอู่ตาน!"
"........"
ซั่งหลิงเจินเหรินเปรียบเสมือนไกด์นำเที่ยวที่คอยแนะนำภูเขาอู่ตานให้เยี่ยชิวอย่างไม่รู้จบ
เยี่ยชิวพยักหน้าขณะฟัง
ในระหว่างการสนทนา มีผู้คนเดินขึ้นลงบันไดหิน
ระหว่างทางก็ได้เห็นนักบวชลัทธิเต๋าจำนวนมากสวมชุดลัทธิเต๋า หลังจากเจอซั่งหลิงเจินเหรินเข้า นักบวชลัทธิเต๋าเหล่านี้ก็หยุดและทำความเคารพกัน
เซียวอี้เหรินส่ายหน้าและกล่าว "ไม่มีทางให้เดินเลย อันตรายเกินไป"
"ไม่เป็นไร มีผมอยู่ทั้งคน ไม่มีทางเป็นอะไรแน่นอน" เยี่ยชิวพูดจบก็คว้าเอวของเซียวอี้เหรินมาจับไว้แน่น
เซียวอี้เหรินหน้าแดงทันที เธอยังไม่ทันตั้งตัวก็รู้สึกตัวลอยและมีเสียงลมเข้ามาในหู เมื่อเธอหันหลังกลับไปมองก็เห็นว่าตัวเธอลอยอยู่สูงเหนือพื้นกว่าสิบเมตรแล้ว
"ว้าย......"
เซียวอี้เหรินตกใจจนกรีดร้อง
"ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรนะ" เยี่ยชิวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่เหมือนกับสายลมแผ่วเบา
ทันใดนั้นเอง เซียวอี้เหรินก็รู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นขึ้นมาทันทีและเอามือกอดเยี่ยชิวเอาไว้
ไม่นาน ทั้งนานก็มาถึงด้านหน้าของวิหาร
รออยู่เกือบหนึ่งนาที ซั่งเจินเจินเหรินก็ลงมาจากข้างบนพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มต่อเยี่ยชิว "ผู้นำเยี่ย คุณอายุยังน้อยแต่กลับความวรยุทธ์ที่ไม่ธรรมดาขนาดนี้ ฉันรู้สึกชื่นชมคุณอย่างมากเลย"
"อาจารย์ไม่ต้องพูดชมกันขนาดนั้นก็ได้ วรยุทธ์ของอาจารย์เองก็ไม่ธรรมดาเลย" เยี่ยชิวดูออกตั้งนานแล้วว่าวรยุทธ์ของซั่งเจินเจินเหรินนั้นสูงกว่ายอดฝีมือที่อยู่ในรายชื่ออันดับมังกรเสียอีก
ขณะนี้เอง ซั่งหลินเจินเหรินก็หันไปโค้งคำนับต่อประตูวิหารที่ปิดสนิทพร้อมกับตะโกนเสียงดัง "อาจารย์ ผู้นำเยี่ยแห่งหลงเหมินเดินทางมาขอเข้าพบ"
สิบวินาทีผ่านไป
"เอี๊ยด!"
ประตูใหญ่ของวิหารถูกเปิดออก
จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังออกมาจากข้างใน "ที่นี่ไม่เคยให้คนนอกเข้ามาได้เลยสักครั้ง แต่วันนี้ตั้งใจเปิดเพื่อคอยต้อนรับคุณเท่านั้น......"
สีหน้าของเยี่ยชิวเปลี่ยนไปทันที
หรือว่าชงซวีเต้าเหรินจะมีนิสัยเหมือนกับอมตะชางเหม่ยที่ต่างก็เป็นคนไม่ค่อยเต็มเท่าไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
เรื่องนี้มีเติมเงินอ่านไหมครับ แนะนำหน่อย...
ทำไมลงวันละตอนแล้วครับ ช่วยชี้แจงหน่อยครับ...
ทำไมช่วงนี้ลงวันละตอนล่ะครับอีกอย่างช่วงแรกได้อ่านตั้งแต่7โมงเช้าแต่พอลงตอนเดียวต้องอ่านตอน3โมงเย็น...
ไอ้ชิบหาย มีแต่หน้าเปล่าๆมา3วันแล้ว พอๆเลิกอ่านบล็อคแม่งออกเลย หนังสือที่อื่นมีอ่านเยอะแยะ...
หลังๆทำไมลงแต่หน้าเปล่า ไม่มีตัวหนังสือสักตัว...
จะอ่านบท1611-1616ยังใงคับ...
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...