วิสารทแพทย์เทวัญ นิยาย บท 983

พระราชวังนั้นใหญ่โตมาก

มีทั้งหมดห้าชั้น

มีซุ้มประตูและเสาที่แกะสลัก

ช่างเรียบง่ายและวิจิตรบรรจง

เยี่ยชิวเงยหน้าขึ้นมอง เห็นว่าบนประตูใหญ่ของพระราชวังมีป้ายทองแดงแขวนอยู่ มีสามคำสลักอยู่บนนั้น

หอเก็บคัมภีร์!

“ประมุขเยี่ย ผู้หญิงไม่สามารถเข้าไปในหอคัมภีร์ได้ ฉันจะให้ซั่งหลิงกับซั่งเจินพาหญิงสาวไปเดินเล่นบนภูเขา คุณคิดว่าอย่างไร?” ชงซวีเต้าเหรินพูดออกมา

เยี่ยชิวมองไปที่เซียวอี้เหริน

เซียวอี้เหรินพยักหน้า “ได้”

ชงซวีเต้าเหรินจึงส่งสัญญาณทางสายตาให้ซั่งหลิงเจินเหริน ทันใดนั้นซั่งหลิงเจินเหรินและซั่งเจินเจินเหรินก็พอเซี่ยวอี้เหริยนออกไป

เยี่ยชิว มองไปรอบๆ ไม่เห็นผู้พิทักษ์หรือองครักษ์ลับเลยสักคน ก็อดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้และถามว่าออกมาว่า “ผู้อาวุโส หอเก็บคัมภีร์เป็นที่สำคัญของวัดอู่ตาง ทำไมถึงไม่มีใครเฝ้าเลยล่ะ?”

ชงซวีเต้าเหรินถอนหายใจยาว เขาไม่ตอบคำถามนาน แต่กลับพูดว่า “ประมุขเยี่ย กรุณาตามมา”

ทั้งสองมาถึงหน้าประตู

ประตูมีกุญแจทองแดงขนาดใหญ่แขวนอยู่

ชงซวีเต้าเหรินหยิบกุญแจยาวออกจากแขนเสื้อ เขาปลดล็อกกุญแจทองแดง แล้วผลักประตูเพื่อเปิดออก

ทันใดนั้น กลิ่นอับประหลาดพุ่งเข้าใส่

“ขออภัยด้วย หอคัมภีร์ปิดมาหลายปีแล้ว จึงมีฝุ่นมากไปหน่อย” ซงซวีเต้าเหรินทำท่าเชิญ “ประมุขเยี่ย เชิญ!”

หลังจากพูดจบ ซงซวีเต้าเหรินก็ก้าวนำเข้าไปด้านในก่อน

เมื่อคิดว่าเร็วๆนี้จะได้เห็นคัมภีร์วิชาการต่อสู้มากมาย เยี่ยชิวก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง เขาจึงรีบตามเข้าไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าไปแล้ว เยี่ยชิวก็ตกใจ

เมื่อมองไปรอบๆ ห้องที่กว้างขวางนั้น เต็มไปด้วยชั้นหนังสือนับไม่ถ้วน แต่ชั้นหนังสือกลับว่างเปล่า ไม่มีหนังสือเล่มไหนเลย

คัมภีร์วิชาการต่อสู้อยู่ที่ไหน?

ในใจของเยี่ยชิวเต็มไปด้วยความสงสัย เขาเงยหน้าขึ้นมองชั้นบน และคิดในใจว่า หรือว่าคัมภีร์อยู่ชั้นบน?

ขาเพิ่งคิดจนจบ ก็ได้ยินชงซวีเต้าเหรินพูดว่า "ประมุขเยี่ย โปรดตามข้ามา"

จากนั้น ชงซวีเต้าเหรินก็พอเยี่ยชิวเดินขึ้นบันไดไม้ไปยังชั้นสองของหอเก็บคัมภีร์

สถานการณ์ชั้นสองเหมือนกับชั้นหนึ่งเป๊ะ

ชั้นหนังสือเต็มไปด้วยฝุ่น ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย

เยี่ยชิวอดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า “ผู้อาวุโส.....”

“ประมุขเยี่ยโปรดรอสักครู่ โปรดตามมา” ชงซวีเต้าเหรินไม่ได้รอให้เยี่ยชิวถามคำถามที่อยู่ในใจออกมา ก็นำเยี่ยชิวไปต่อ

หลังจากมาถึงชั้นสาม

เยี่ยชิวพบว่าสถานการณ์ก็เหมือนเดิม

ชั้นหนังสือยังคงว่างเปล่า ไม่เห็นคัมภีร์ใดๆ

ในใจของเยี่ยชิวเริ่มรู้สึกไม่ดี หรือว่าหอเก็บคัมภีร์นี้แค่เป็นการตกแต่ง?

“ประมุขเยี่ย เราขึ้นไปชั้นบนกันต่อเถอะ” ชงซวีเต้าเหรินนำเยี่ยชิวขึ้นไปชั้นสี่ของหอคัมภีร์

ในชั้นสี่ ไม่มีชั้นหนังสือ เพียงแต่มีภาพวาดประมาณสิบกว่าภาพ

ภาพวาดถูกแขวนอยู่ทั่วบนผนังรอบด้าน

ชงชวีเต้าเหรินชี้ไปที่ภาพวาดแล้วพูดว่า "ภาพเหล่านี้เป็นของประมุขรุ่นต่างๆ ของภูเขาอู่ตางมาแต่โบราณ หลังจากที่พวกเขาแปลงร่างเป็นภูติและขึ้นสวรรค์ ภาพของพวกเขาก็จะถูกแขวนไว้ที่นี่เพื่อให้รุ่นหลังสักการะ หลังจากที่ฉันแปลงร่าง ภาพของฉันก็จะถูกแขวนไว้ที่นี่เช่นกัน"

เยี่ยชิวไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เลย ตอนนี้เขาสนใจเพียงอย่างเดียวคือ คัมภีร์วิชาการต่อสู้อยู่ที่ไหน?

เยี่ยชิวถามอีกครั้งว่า “ผู้อาวุโส ทำไมถึงไม่เห็น....”

“ประมุขเยี่ย เราไปชั้น 5 กันเถอะ” ชงซวีเต้าเหร้าขัดจังหวะเยี่ยชิวและเดินขึ้นไปทันที

“ตอนที่ผู้มีอำนาจสูงสุดมาเยือนภูเขาอู่ตาง เขาปรารถนาที่จะเข้าไปดูหอคัมภีร์ ฉันก็ได้ปฏิเสธเขาไป”

"เพราะว่าภายในนั้น ไม่มีคัมภีร์เล่มไหนเลย ถูกขโมยหมดแล้ว"

เยี่ยชิวถามต่อว่า “ผู้อาวุโส ผมอยากรู้ว่าเป็นใครกันที่น่าทึ่งขนาดนี้ ที่สามารถขโมยคัมภีร์จากทุกชั้นไปได้?”

ชงซวีเต้าเหรินถอนหายใจออกมา “เรื่องนี้ต้องใช้เวลาเล่านานสักหน่อย”

"61 ปีก่อน ในวันที่ 15 สิงหาคม ตอนนั้นฉันยังเป็นเพียงเด็กศิษย์ตัวเล็กๆ ในคืนนั้น ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยเมฆ มีฟ้าร้องและสายฟ้า ฝนตกหนัก"

“ตอนกลางดึก ฉันลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ทันใดนั้นได้ยินเสียงต่อสู้มาจากทิศทางของหอเก็บคัมภีร์"

“ด้วยความอยากรู้ ฉันจึงค่อยๆเข้าไปใกล้ๆ อยากจะเห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

"หลังจากนั้นฉันถึงได้รู้ว่า มีกลุ่มคนสวมหน้ากากบุกเข้ามาขโมยคัมภีร์ในหอเก็บคัมภีร์"

"พวกเขาเสียงดังไม่น้อย และถูกผู้พิทักษ์หอเก็บคัมภีร์ที่เป็นนักสู้ชั้นยอดค้นพบ จึงเกิดการต่อสู้"

"ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นักสู้ชั้นยอดที่ป้องกันหอเก็บคัมภีร์ทั้งสิบแปดคนถูกฆ่า"

"ผู้นำของเราในเวลานั้น ซึ่งก็คืออาจารย์ของฉัน นำนักสู้หลายสิบคนมาขัดขวางพวกเขา"

"อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนสวมหน้ากากนั้นมีฝีมือสูงมาก ทำให้พวกเขาได้ฆ่าและทำร้ายคนได้มากมาย"

"อาจารย์ของฉันก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสในระหว่างการต่อสู้กับพวกเขา"

"ในที่สุดกลุ่มคนสวมหน้ากากนั้นได้ขู่อาจารย์ของฉันว่า หากยังคงขัดขวางพวกเขา พวกเขาจะสังหารทั้งวัดอู่ตาง จะฆ่าไม่เหลือสักคน"

"เพื่อรักษาชีวิตของศิษย์วัดอู่ตาง อาจารย์จึงไม่มีทางเลือก ต้องปล่อยให้พวกเขาขโมยคัมภีร์ไป"

"กลุ่มคนสวมหน้ากากนั้นใช้เวลาหลายชั่วโมงในการขนย้าย จนกระทั่งเกือบจะรุ่งสาง พวกเขาจึงขโมยคัมภีร์ทั้งหมดและหนีไป"

"เรื่องนี้ วัดอู่ตางไม่เคยบอกกับภายนอก เพราะนี่เป็นความลับของวัดอู่ตาง และเป็นความอับอายที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วัดอู่ตางถูกก่อตั้งมา"

ชงซวีเต้าเหรินพูดต่อว่า “ประมุขเยี่ย ก่อนหน้านี้ฉันได้ขอให้คุณช่วยวัดอู่ตางเรื่องหนึ่ง และคุณได้ตอบรับแล้ว คงจะไม่เปลี่ยนใจใช่หรือไม่?”

เยี่ยชิวรู้ดีไม่ดีในใจ เขาสงสัยว่าตัวเองตกลงไปในกับดักของชงซวีเต้าเหรินเสียแล้ว จึงถามว่า “ผู้อาวุโส ธุระที่ต้องการให้ผมทำคงจะเกี่ยวกับคัมภีร์ที่ถูกขโมยไปอย่างงั้นสินะ?”

“ใช่แล้ว!” ชงซวีเต้าเหรินตอบด้วยความจริงจัง “ฉันหวังว่าประมุขเยี่ยตะช่วยวัดอู่ตางหาคัมภีร์วิชาการต่อสู้ที่ถูกขโมยไปในวันนั้นกลับคืนมา”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ