“ท่านประธานเย่ คุณสะดวกเปิดคอมตอนนี้ไหมครับ มีหนังสือเรื่องแผนความร่วมมือเกี่ยวกับบริษัทซินรุ่ยกรุ๊ป ผมส่งไปให้ทางอีเมลของคุณแล้ว”
เย่ฉ่าวเฉินเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตอนนี้ผมอยู่ข้างนอก ไว้ค่อยดูวันพรุ่งนี้”
“ได้ครับ งั้นผมไม่รบกวนคุณแล้ว”
“อืม”
หลังจากวางหูโทรศัพท์ เย่ฉ่าวเฉินก็เดินเข้าไปยังเตียงผู้ป่วย พบว่าเฉียวซินโยวตื่นแล้ว เขาเดินเงียบๆ ไปข้างเตียง เอ่ยถามขึ้นอย่างอบอุ่น “ซินโยวตอนนี้คุณยังรู้สึกไม่สบายอยู่หรือเปล่า?”
เฉียวซินโยวส่ายหน้าเบาๆ ตอบกลับอย่างอ่อนแรง “ฉ่าวเฉิน ฉันเป็นอะไรไปคะ คุณหมอว่ายังไงบ้าง?”
เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ตอบเธอไปตามตรง แต่กลับเอ่ยถามน้ำเสียงเคร่งขรึม “ซินโยวทำไมคุณถึงปวดท้องได้ล่ะ?”
ดวงตาของเฉียวซินโยวเบิกกว้าง พยามยามนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา เธอเอ่ยเบาๆ “ฉันจำได้ว่า หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จ ก็รู้สึกปวดท้องมาก”
อาหารเย็น?
เย่ฉ่าวเฉินจดจำคำนี้ไว้ขึ้นใจ เรื่องที่คาดการณ์ไว้เริ่มชัดเจนมากขึ้น
เย่ฉ่าวเฉินลูบแก้มเธอเบาๆ ปลอบโยนอย่างนุ่มนวล “คุณหมอบอกว่าคุณกินของไม่ระวังก็เลยท้องเสีย คุณต้องพักผ่อนให้เยอะๆ เข้าใจไหม?”
เฉียวซินโยวพยักหน้า ตอบรับอย่างเชื่อฟัง “รู้แล้วค่ะ”
การแสดงออกของเย่ฉ่านเฉินเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เขากระซิบเบาๆ “คุณพักผ่อนไปก่อนนะ ผมขอตัวไปข้างนอกสักหน่อย”
สีหน้าของเฉียวซินโยวหดหู่ลง เอ่ยขึ้นอย่างเฝ้าคอย “ฉ่าวเฉินคุณจะอยู่เป็นเพื่อนฉันใช่ไหมคะ อยู่คนเดียวฉันกลัว...”
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มปลอบเธอแววตาเป็นประกาย “ผมจะไปจัดการเรื่องรักษาพยาบาลให้คุณ คุณพักผ่อนไปก่อนเถอะ เดี๋ยวผมกลับมา”
ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เฉียวซินโยวก็ยิ้มอย่างโล่งอก แล้วตอบตกลงเบาๆ “ค่ะ”
เมื่อเห็นหลับเธอ สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินก็เปลี่ยนไปความเย็นชาปรากฎขึ้น เมื่อแน่ใจแล้วว่าเธอหลับแล้ว เขาก็ลุกเดินออกไป
เมื่อเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย ดวงตาสีน้ำเงินของเย่ฉ่าวเฉินลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความแค้น เขากำหมัดแน่น จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า แล้วกดโทรออกทันที
“จางเห่อ เรื่องสอบสวนเป็นยังไงบ้าง?”
ทางด้านปลายสาย สีหน้าของจางเห่อดูเคร่งขรึม เขาค่อยๆว่างภาชนะใส่ของในมือลง “คุณชายเย่ หลังจากการสอบสวนพบว่า เรื่องนี้เป็นไปได้ว่าคุณหนูมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยครับ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จางเห่อก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา
เขาไม่คิดว่ามู่เวยเวยที่ดูเป็นคนมีความคิดและมีเหลุผล จิตใจจะโหดเหี้ยมเช่นนี้ คิดว่าครั้งนี้คุณชายเย่คงจะไม่ปราณีเธอเป็นแน่
“ให้ละเอียดกว่านี้”
“ครับ” จางเห่อพูดต่อ “ตัวการอาหารเป็นพิษของคุณหนูเฉียว ก็คือโจ๊กถ้วยนั้นที่เธอทานเข้าไปครับ พวกเราตรวจพบยานอนหลับจำนวนมากในนั้น นอกจากนี้ผมได้รู้มาจากฉินหม่าว่าคนที่ทำโจ๊กในคืนนี้ก็คือคุณหนู”
เมื่อได้ฟังรายงานของจางเห่อ เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด เธอต้องเป็นคนทำเรื่องนี้แน่ๆ
ผู้หญิงร้ายกาจคนนั้น ก่อนหน้านี้ก็เคยผลิกซินโยวตกบันไดมาแล้วไม่ใช่หรอกเหรอ?
ปกติก็เห็นเป็นคู่อริกับซินโยวมาตลอด แต่ไม่คิดว่าจะโหดร้ายถึงขั้นวางยาพิษกันขนาดนี้ กล้าทำกันได้ลงคอ!
ดีมากมู่เวยเวย คุณทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมประเมินคุณต่ำไป จริงๆ!
“จางเห่อนายคิดว่าฉันควรจะทำยังไงกับเธอดี? ซินโยวเกือบตายเพิ่งฟื้น ตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ที่ไหน!”
เขาคิดว่าเธอคงกำลังหาโอกาสหลบหนี หลังจากทำเรื่่องเลวร้ายไว้ขนาดนี้ เธอต้องเดาได้แน่ว่าเขาจะลงโทษเธออย่างไร!
และเขาก็ต้องตกใจ เขาทายผิดอีกแล้ว เพียงแค่ได้ยินจางเห่อพูดขึ้น “ตอนนี้คุณหนูกำลังพักผ่อนอยู่ที่ห้องครับ”
“พักผ่อน!” เย่ฉ่าวเฉินชะงักไป แล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย “หึหึ… มู่เวยเวย คุณนี่มันเก่งจริงๆ จางเห่อ!”
“ครับคุณชาย!”
“พามู่เวยเวยมาหาฉันที่นี่ เดี๋ยวนี้!”
จางเห่อนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบรับ “ครับ”
มู่เวยเวยถูกพามาหาเย่ฉ่าวเฉิน เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาที่มองมายังตัวเธอจนแทบจะกินเลือดกินเนื้อ มู่เวยเวยพอจะเดาอะไรบางอย่างได้เลือนรางๆ นั้นก็คือ คราวนี้เฉียวซินโยวต้องให้เธอเป็นแพะรับบาปอีกแน่ๆ
อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้ามาตบเธอสองครั้งอย่างแรง จนทำให้เธอกระเด็นไปกระแทกหน้าต่างระเบียง!
เธอกระแทกแรงจนทำให้กระจกแตก ช่องโหว่ที่แหลมคมแทงทะลุเข้าเนื้อ จนทำให้เธอหายใจลำบาก
สัมผัสอุ่นๆ ไหลออกมาจากด้านหลัง เธอตัวแข็งทื่อ สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ เธอค่อยๆ ยกแขนขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก พลางมองไปที่เขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เย่ฉ่าวเฉินมองสีหน้าเย็นชาของเธอ ด้วยแววตาที่เปื้อนไปด้วยความโหดเหี้ยม ดวงตาสีน้ำเงินราวกับมีดแหลมเชือดหัวใจเธอ น้ำเสียงที่ฟังดูแปลกประหลาดราวกับไม่ใช่มนุษย์เอ่ยขึ้น “ทำไมถึงวางยา! เธอรู้ไหมว่าซินโยวเกือบตายไปแล้ว!”
มู่เวยเวยชะงัก ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่เพราะไม่อยากจะเชื่อ
เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเฉียวซินโยวจะจัดการกับเธอด้วยการเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก!
เธอโหดร้ายกับตัวเองเกินไปแล้ว!
เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ในฐานะบุคคลน่าสงสัยอันดับแรกหลังจากมีเหตุอาชญากรรม เธอไม่พยายามจะสารภาพผิด และก็ไม่คิดจะแก้ตัวเช่นกัน แต่กลับทำเป็นเหม่อลอยแบบนี้!
เพียะ!
เขาตบเธออีกสองครั้ง มู่เวยเวยก็ยังไม่มีท่าทีใดๆ เย่ฉ่าวเฉินแทบอยากจะบีบคอเธอให้ตาย
“มู่เวยเวยฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะร้ายกาจขนาดนี้! ที่เธอไม่พูดหมายความว่ายังไง ไม่มีอะไรจะพูด หรือละอายที่จะพูดออกมา!”
เย่ฉ่าวเฉินกระวนกระวาย ตะคอกออกมาด้วยความโมโห
ใบหน้าร้อนผ่าว เธอรับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นๆ ไหลออกมาจากจมูกของเธอ เมื่อเอามือแตะดู เลือดเธอไหลอีกแล้ว...
มุมปากของมู่เวยเวยยกยิ้มขึ้นอย่างหดหู่ สีหน้าพะอืดพะอม หน้าอกเจ็บแปลบขึ้นมา ภายในท้องคล้ายกับกำลังถูกกวนไปมา รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน
ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะเป็นลม เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “ฮ่าฮ่า เย่ฉ่าวเฉินสมองนายถูกบีบไหลออกมาหมดแล้วหรือไง! ที่เหลืออยู่ในหัวอ่ะน้ำใช่ไหม ถ้าเป็นฉันจริงๆ ฉันเหมือนคนไม่มีสมองเหรอ มันชัดเจนขนาดนั้นว่าฉันเป็นคนทำ?”
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว ความโกรธบนใบหน้าเขาไม่ได้บรรเทาลง “ผู้หญิงร้ายกาจอย่างเธอ ทำอะไรก็ได้!”
เย่ฉ่าวเฉินคิดไม่ตก เขาค่อยๆ เดินกับไปที่เตียงของเฉียวซินโยว มองไปยังเฉียวซินโยวที่กำลังปอกเปลือกแอปเปิ้ลอยู่ หัวใจของเขาก็อ่อนลง
“ฉ่าวเฉินในที่สุดคุณก็กลับมา ฉันคิดว่าคุณจะไม่กลับมาแล้วซะอีก” เมื่อเฉียวซินโยวเจอเขา รอยยิ้มหวานก็ปรากฎขึ้นที่มุมปาก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เย่ฉ่าวเฉินเดินมาที่เตียง เอื้อมมือไปลูบหน้าผากเธอเบาๆ ให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ “ผมบอกว่าจะรีบกลับมา คุณอยากทานอะไรไหม ผมจะออกไปซื้อให้”
เฉียวซินโยวเงยหน้าขึ้นมอง แสร้งทำทีว่าคิดหนัก แล้วพูดขึ้น “ฉันอยากกินโคล่าปีกไก่”
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า “โอเค เดี๋ยวผมไปซื้อให้”
เมื่อเฉียวซินโยวได้ยินว่าเขากำลังจะจากไปอีกครั้ง ทันใดนั้นเธอก็ทำหน้ามุ่ย เอ่ยขอร้อง “เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ปล่อยให้คนอื่นทำบ้างก็ได้ คุณอยู่กับฉันที่นี่นะคะ?”
เมื่อได้ยินเธอทำท่าทีเหมือนเด็กน้อย หัวใจของเย่ฉ่าวเฉินก็พลันอบอุ่นขึ้นมา “ก็ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมให้จางเห่อไปซื้อให้”
“ค่ะ”
เฉียวซินโยวพยักหน้า สายตามองไปที่ตำแหน่งหัวใจของเขาโดยไม่ตั้งใจ เสื้อสีเทาเข้มมีรอยเปื้อน เมื่อเอื้อมมือไปแตะดู เธอไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเลือด!
เฉียวซินโยวผงะ เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “ฉ่าวเฉิน ทำไมคุณถึงมีเลือดเยอะขนาดนี้ คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ แล้วทำไมถึงได้รับบาดเจ็บ?”
เย่ฉ่าวเฉินห้ามเธอเอาไว้ หยุดพฤติกรรมกระวนกระวายที่มากเกินไปของเธอ “ไม่ต้องกังวลไป บาดแผลนั้นไม่ใช่ของผม”
แต่หลังจากที่เห็นคราบเลือดขนาดใหญ่บนหน้าอกแล้ว หัวใจเขาก็เริ่มกังวลขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้เธอจะพ้นขีดอันตรายหรือยังนะ?
“แล้วแผลนั้นของใครคะ”
เมื่อได้ยินว่าแผลนั้นไม่ใช่ของเย่ฉ่าวเฉิน ใจของเฉียวซินโยวก็สงบลง ตราบใดที่ไม่ใช่เขา เธอก็ไม่ได้สนใจคนอื่นอยู่แล้ว แต่ที่เธอถามไปแบบนั้นไม่ใช่เพราะความเป็นห่วง แต่เพราะความอยากรู้อยากเห็นล้วนๆ
เย่ฉ่าวเฉินไม่ตอบ เขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วพูดอย่างใจเย็น “คุณพักผ่อนก่อนเถอะ ผมมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ แล้วผมจะให้จางเห่อมาอยู่เป็นเพื่อนรอ”
เมื่อได้ยินว่าเขากำลังจะจากไปอีก เฉียวซินโยวไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็รู้ว่าจะดูเรื่องมากเกินไป จึงได้แต่พยักหน้า “คุณรีบไปทำธุระเถอะค่ะ แต่รีบกลับมานะคะ”
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป
เมื่อเดินมาถึงประตูห้อง ทันใดนั้นคุณหมอผู้ชายคนหนึ่งก็รีบวิ่งมา เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “คุณชายเย่ คุณหนูมู่อยู่ในอาการวิกฤต ตอนนี้เธอต้องการถ่ายเลือดโดยด่วน แต่ที่โรงพยาบาลกรุ๊ปเลือดที่ตรงกันกับเลือดของเธอไม่มีแล้ว…”
สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเป็นกังวล เขาถามกลับอย่างร้อนใจ “แล้วตอนนี้ต้องทำยังไง?”
คุณหมอเช็ดเหงื่อแล้วแจ้งว่า “ตอนนี้ต้องหาใครสักคนที่กรุ๊ปเลือดตรงกับคุณหนูมู่มาถ่ายเลือดให้เธอโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นเธอจะตกอยู่ในอันตราย อาจจะ…”
“อาจจะอะไร!”
“เธออาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย”
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกใจหาย สีหน้าเคร่งเครียด เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน “ผม ผมจะไปหาคนคนนั้นเอง เธอจะอดทนได้อีกนานแค่ไหน?”
คุณหมอเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก เขาพยามต้านทานความกดดันที่อยู่ตรงหน้า “หนึ่งชั่วโมง…”
เย่ฉ่าวเฉินชะงักไป นั้นก็หมายความว่าถ้าหนึ่งชั่วโมงผ่านไป แล้วยังหากรุ๊ปเลือดที่ตรงกับเธอไม่ได้ มู่เวยเวยก็จะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...