เมื่อชายคนนั้นเห็นเธอถาม จึงพูดออกไปว่า “ตอนนี้ขาของคุณไม่ค่อยสะดวก ไม่ควรใช้ไม้ค้ำที่มีล้อด้านล่างแบบนี้ มิฉะนั้นจะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบเมื่อครู่อีก”
หลังจากได้ยินเขาพูด มู่เวยเวยก็ตรวจสอบไม้ค้ำอย่างระมัดระวัง พยักหน้าและพูดว่า “ขอบคุณคุณนะ ฉันจะจำไว้ คุณเป็นหมอรึเปล่า ดูเหมือนจะรู้อะไรเยอะเลย !”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ท่าทางของชายคนนั้นถูกปกคลุมไปด้วยเงาดำ ใบหน้าดูซีดจางลง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “เป็นเพราะเมื่อก่อนผมก็เคยเจอเหตุการณ์ที่คล้ายแบบนี้”
หลังจากเขาพูด มู่เวยเวยก็มองไปที่เขาครู่หนึ่งและพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษว่า “ขอโทษจริงๆ ฉันพูดผิดไปแล้ว”
เมื่อพูดแบบนี้ ในใจก็รู้สึกเสียใจแทนเขา คนใจดีแบบเขา ไม่คิดเลยว่าจะเคยเจอเรื่องแบบนี้ เหมือนว่าฉันควรจะพูดประโยคนี้กับเขา:ทางไปสู่ความสุขนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรค
เมื่อได้ยินเธอขอโทษ ชายคนนั้นก็แปลกใจเล็กน้อย ส่ายหัวเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า ไม่เป็นไร ผมต้องขอบคุณประสบการณ์ครั้งนั้น ที่ทำให้ผมได้เห็นความสำคัญของบางสิ่ง
เมื่อได้ฟังความรู้สึกของเขา ทันใดนั้นมู่เวยเวยก็รู้สึกติดใจเล็กน้อย และพูดออกไปว่า “จริงค่ะ คนเราจะเติบโตได้ ก็ต้องเคยประสบความเจ็บปวดมาก่อน”
ชายคนนั้นยิ้มออกมา พร้อมยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา และพูดว่า “ตกลง ผมยังมีธุระอื่นอีก ผมไปก่อนนะ คุณก็รักษาตัวให้ดี”
มู่เวยเวยพยักหน้า และพูดว่า “ฉันจะทำค่ะ”
จนกระทั่งร่างของชายคนนั้นหายไปจากประตู ทันใดนั้นมู่เวยเวยก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อครู่เธอลืมถามชื่อของเขา แต่ก็คิดขึ้นได้ว่า แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักชื่อของกันและกัน แต่หลังจากนี้ก็คงจะไม่ได้พบกันอีก
แต่เธอกลับคิดผิด ชีวิตคนก็เหมือนกับหนังสือเวทย์มนตร์วิเศษ มันสามารถทำให้คุณพบผู้คน พบกับเรื่องราวได้อย่างหน้าเหลือเชื่อ แต่จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายนั้น ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถเดาได้
หลังจากลามู่เวยเวย ชายคนนั้นก็ไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล จริงๆแล้วเขามาที่โรงพยาบาลก็เพื่อที่จะหาหมอ และสถานที่ที่เขาไปก็อยู่ไม่ไกลจากห้องผู้ป่วยของมู่เวยเวย
ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองไปที่คำว่า ‘ศัลยกรรมกระดูก ’ข้างบนประตู เขาจึงเดินเข้าไปอย่างช้าๆ
สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาคือหมอวัยกลางคนคนหนึ่ง เมื่อมองไปที่หน้าของเขา ใบหน้าเขาก็แสดงสีหน้าที่ไม่เชื่อออกมา และตะโกนออกมาสามคำว่า “คุณชายเย่”!!
การแสดงออกของชายคนนั้นดูสงบมาก รอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนผุดขึ้นที่มุมปากของเขา และพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูมีไหวพริบว่า “คุณลุงหลี่ ไม่คิดว่าคุณยังจำผมได้”
หมอหลี่ยังคงรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมากนัก เขาเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก และพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า “ฉันไม่มีทางลืมคุณแน่ ตั้งแต่เล็กจนโตทุกครั้งที่ได้รับบาดเจ็บ ก็เป็นฉันที่รักษา คุณ.......หลายปีมานี้ไปอยู่ไหนมา ?”
เย่ฉ่าวเหยียนเงยหน้าขึ้น ครุ่นคิดสักพัก และพูดว่า “หลายปีมานี้ผมไปท่องเที่ยวต่างแดนมา ให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ตอนนี้วิสัยทัศน์ของฉันก็เปิดกว้างขึ้นมาก”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ ใบหน้าของหมอหลี่ก็เต็มไปด้วยความโล่งใจ และพูดขึ้นพร้อมกับถอนหายใจว่า “ตอนนั้นได้ยินว่าคุณประสบอุบัติเหตุ ฉันตกใจมาก พี่ชายคุณตามหาคุณตลอดหลายปีมานี้ ตอนนี้คุณกลับมาแล้ว ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องดีใจมากแน่นอน !”
ได้ยินคำว่า ‘พี่ชาย’สองคำนี้ ท่าทีของเย่ฉ่าวเหยียนก็เต็มไปด้วยความซับซ้อน น้ำเสียงเขาดูคลุมเครือ “ผมได้ยินว่าเขาแต่งงานแล้ว ?”
เมื่อได้ยินเขาพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหมอหลี่ก็เต็มไปด้วยความพอใจ และพูดขึ้นว่า “ได้ยินว่าผู้หญิงคนนั้นเพิ่งเรียนจบ ตอนนี้ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ในตอนที่เขาเพิ่งแต่งงาน หญิงสาวหลายคนในโรงพยาบาลต่างร้องไห้ล่ะ !”
มุมปากเขาขยับเล็กน้อย น้ำเสียงของเย่ฉ่าวเหยียนดูผิดหวัง “ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะสบายดี”
หมอหลี่ที่ไม่รู้ความหมายที่พูด ก็พยักหน้า และพูดว่า “ตั้งแต่กลับมาคุณยังไม่ได้เจอกับเขาเหรอ?”
เย่ฉ่าวเหยียนส่ายหัว และพูดอกไปว่า “ผมกลับไปจะรีบติดต่อเขา แต่ตอนนี้ผมมีเรื่องจะขอร้องคุณเรื่องหนึ่ง ”
หลังจากพูดจบ เย่ฉ่าวเหยียนก็ยื่นกระดาษสีเหลืองในมือ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อมว่า นี่เป็นไฟล์วินิฉัยมือขวาของผม ข้างบนเป็นขั้นตอนการรักษาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ของผม คุณเชี่ยวชาญในด้านนี้ ผมอยากให้คุณดูหน่อยว่ามือขวาของผมจะยังมีโอกาสอยู่ไหม ?
เมื่อได้ยินที่เขาพูด หมอหลี่ก็รีบหยิบเอกสารข้างในออกมาดู เขามองดูอย่างละเอียดจนถึงท้ายสุด คิ้วของเขาก็หมวดมากยิ่งขึ้น
มองไปที่ท่าทางของเขา เย่ฉ่าวเหยียนก็เหมือนจะได้รับคำตอบแล้ว ความผิดหวังในใจเขาก็ยิ่งชัดขึ้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เขาเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ต่อหน้าบอกว่าไปพักผ่อน แต่จริงๆแล้วเพื่อรักษามือขวาของเขา แต่ไม่อยากไปหลายโรงพยาบาล แต่ก็ไม่แสดงออกมาแม้แต่น้อย
ต่อมาได้ยินว่าในประเทศเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในด้านการวิจัยเกี่ยวกับศัลยกรรมกระดูก ดังนั้นหลายปีมานี้เขาจึงต้องกลับมาดูอีกครั้ง และพบกับพี่ชายของเขาที่ไม่ได้เจอมานาน
“มือของคุณเป็นอะไร ? ทำไมถึงเจ็บหนักขนาดนี้ ?” หมอหลี่ถามด้วยท่าทางเคร่งขรึม
เย่ฉ่าวเหยียนมองไปที่มือขวาที่ไร้ความรู้สึกของเขา รอยยิ้มที่อ่อนโยนยังคงอยู่บนหน้า เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ตอนนั้นเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร หลายปีมานี้ฉันคุ้นเคยกับมันไปแล้ว ”
ดูเหมือนว่าพี่ชายของเธอจะไม่เปิดเผยเกี่ยวกับตัวเขาให้โลกภายนอกได้รับรู้ ตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว หมายความว่า เขาลืมเรื่องเมื่อตอนนั้นไปหมดแล้ว แม้แต่ตัวเขาเอง ?
เมื่อได้ยินที่เขาพูด หมอหลี่ก็รู้สึกเศร้า และพูดด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง “คุณ ตั้งแต่เด็กคุณเป็นเด็กที่มีความทุกข์ ไม่ว่าจะเจ็บปวดขนาดไหน แต่ก็ยังเป็นห่วงความรู้สึกของคนอื่น”
“ฮ่าฮ่า........”เย่ฉ่าวเหยียนหัวเราะออกมา และพูดขึ้นว่า คุณลุงหลี่ คุณบอกความจริงกับผม มือขวาของผมยังมีโอกาสที่จะฟื้นคืนหรือไม่ ?
หมอหลี่ขมวดคิ้ว และพูดอย่างเป็นนัยว่า “มี แต่ว่าโอกาสมีไม่มากนัก”
“ผมรู้แล้ว งั้นผมไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่”
“ตกลง”
กระทั่งเขาเดินออกมาจากห้อง รอยยิ้มบนหน้าของเย่ฉ่าวเหยียนก็หยุดนิ่ง สายตาของเขาแสดงความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แม้จะดูน่าเกลียดไปหน่อยก็ตาม
หลายปีที่ผ่านมานี้เขาได้ยินคำเหล่านี้เป็นจำนวนมาก ทุกครั้งที่ได้ยินคำตอบที่เป็นไปได้น้อย ในความเป็นจริงเขาจะต้องตัดมือขวา เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยถามผู้เชี่ยวชาญที่ฝรั่งเศษ ความเป็นไปได้ของเขานั้นไม่สูงมาก มีเพียงแค่ 3 % !
3 % !
ยังมีเรื่องอะไรที่แย่ไปกว่าผลนี้อีกไหม ?
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทำให้เขาหมดหวัง แต่เมื่อทราบข่าวการแต่งงานของพี่ชายตัวเอง ในขณะที่เขาดิ้นรนอยู่ในนรก พี่ชายเขาก็เริ่มที่จะมีความสุขแล้วเหรอ ?
เขาลืมไปแล้วเหรอ เมื่อตอนนั้นเพื่อเขาต้องจ่ายอะไรให้กับเขา ?
เย่ฉ่าวเหยียนค่อยๆเดินออกจากโรงพยาบาล และมองไปที่ความซื่อสัตย์ที่ไม่คุ้นเคย เขารู้สึกหนาวเย็น แต่เขาก็ปรับความคิดของเขาได้อย่างรวดเร็ว เขาเดินตรงไปที่ถนนใหญ่ และหยุดรถคันหนึ่ง
รถแล่นไปอย่างรวดเร็ว เย่ฉ่าวเหยียนคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา และกดเบอร์โทรที่คุ้นเคย รอให้มีคนรับสาย เขาก็พูดอย่างช้าๆว่า “พี่ ไม่เจอกันนานนะ ”
หลังจากรีบพูดไปไม่กี่คำ เย่ฉ่าวเหยียนก็วางสายไป ในใจก็รู้สึกอารมณ์ดี
จู่ๆคนขับรถก็หันหน้ามา มองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาและพูดขึ้นว่า “พี่ชาย คุณจะไปที่ไหน ?”
เย่ฉ่าวเหยียนไม่ลังเล ริมฝีปากของเขาค่อยๆพูดออกมาไม่กี่คำ “Fest Western Restaurant”
“โอเค”
……
ณ Fest Western Restaurant
เมื่อมองไปที่อาคารสถานที่ที่คุ้นเคย ในใจของเย่ฉ่าวเหยียนก็เต็มไปด้วยอารมณ์ ที่นี่เป็นร้านอาหารที่เขากับพี่ชายชอบมาเมื่อก่อน อาหารภายในร้านมีความพิเศษ เหมาะกับบรรยากาศมื้อค่ำของครอบครัวมาก
ด้วยประตูที่หมุนอัตโนมัติ เย่ฉ่าวเหยียนก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว โคมไฟคริสตัลรูปเค้กสว่างไสวอยู่เหนือศีรษะของเขา พรมขนสัตว์ราคาแพงอยู่ใต้เท้า และการตกแต่งด้วยโลหะที่สามารถมองเห็นได้ตลอด แสดงให้เห็นถึงความหรูหราในทุกที่
เขาตรงไปที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสอง ผลักประตูเข้าไป ก็มองเห็นร่างสูงและกำยำส่องแสงอยู่ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเขาก็หันไป และมองตรงไปที่ใบหน้าที่แท้จริงของชายคนนั้น เขาแสดงออกอย่างตื่นเต้น “ฉ่าวเหยียน คุณกลับมาแล้ว เป็นคุณจริงใช่ไหม ? ฉันคิดว่าคุณตายไปแล้ว เหลือเชื่อมาก ไม่คิดว่าคุณจะยังมีชีวิตอยู่ !”
ท่าทางของฉ่าวเหยียนตกตะลึง การแสดงออกเขาดูสงบลง เมื่อมองไปที่ร่างที่เข้ามาใกล้ จึงพูดออกไปเบาๆว่า “พี่ชาย”
ท่าทางของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ดวงตาสีฟ้าเยือกเย็นนั้น ทำให้เกิดแสงเงาที่ริบหรี่ เขากอดร่างของเขาแน่น และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นว่า “กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว ขอแค่คุณกลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว......”
ไม่มีความอวดดีแบบคนดัง ไม่มีการวางแผนแบบผู้หญิงพวกนั้น เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง
ทำไมคุณมองฉันแบบนี้ ? มู่เวยเวยหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย พร้อมพูดด้วยความลำบากใจ
ดวงตาสีเข้มของหนานกงเฮ่าเต็มไปด้วยความหวัง และพูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติว่า เวยเวย ตอนนี้คุณยกโทษให้ผมแล้วเหรอ ?
เมื่อได้ยินหนานกงเฮ่าพุดจบ มู่เวยเวยก็รู้สึกไม่รู้จะกินอะไร เธอค่อยๆวางตะเกียบ คิดสักพักและค่อยๆพูดว่า “ขอโทษนะ หนานกง”
เหตุการณ์นั้นเหมือนหนามทิ่มแทง ทุกครั้งที่เธอนึกขึ้นมาล้วนรู้สึกเจ็บปวด นอกจากเธอจะสูญเสียความทรงจำ ไม่อย่างนั้นจะพูดลืมแล้วจะลืมเลยได้ยังไง !
สีหน้าของหนานกงเฮ่าดูซีดลง รอยยิ้มที่ดูไม่เห็นค่า และแสร้งพูดด้วยความไม่เห็นด้วยว่า “ไม่เป็นไรเวยเวย ผมรอได้ ผมจะรอจนกว่าคุณจะยกโทษให้กับผม”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น มู่เวยเวยก็ไม่รู้จะตอบยังไง เขายังดื้อรั้นพอๆกับบางสิ่ง เขาไม่รู้ว่า สำหรับเธอแล้วก็เหมือนกับเป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็น
……
วันนี้สำหรับตระกูลเย่แล้ว เป็นวันที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง เนื่องจากลูกชายคนที่สองของตระกูลเย่ที่หายไปหลายปีกลับมาแล้ว นี่จึงเป็นงานที่มีความสุขสำหรับคนงานที่ทำงานในตระกูลเย่มานานอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่าคิดว่าตระกูลเย่จัดงานเลี้ยงแล้วจะต้องประโคมข่าว แต่ภายนอกนั้นความสำคัญน้อยมาก เย่ฉ่าวเฉินสั่ง ไม่ว่าใครก็ห้ามเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป เขากังวลว่าเย่ฉ่าวเหยียนจะตกเป็นเหยื่องของผู้อื่นอีกครั้ง
คุณอาหวังดูเย่ฉ่าวเหยียนมาตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อมองไปที่ท่าทางหล่อเหลาสง่างามของเขาเดินมา ก็ทำให้ผู้ที่มีประสบการณ์อย่างเขาอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมา
ฉินหม่าก็เป็นคนเก่าแก่ของที่นี่ เมื่อก่อนอาหารของเย่ฉ่าวเหยียนเธอก็เป็นคนทำด้วยตัวเอง ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขานั้นชัดเจนมาก เมื่อเห็นท่าทางที่ดูดีของเขานั้น ในใจเธอก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น และพูดทั้งน้ำตาว่า “คุณชายรอง.....”
เย่ฉ่าวเหยียนยืนตัวตรง และมองไปที่หน้าที่คุ้นเคยเหล่านั้น พร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นมุมปาก และพูดเบาๆว่า “คุณอาหวัง ฉินหม่า ไม่เจอกันนานนะ”
“นี่ก็เป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว ”นี่เป็นคำพูดของเย่ฉ่าวเฉิน เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของน้องชายอย่างละเอียด พบว่าบนใบหน้าของเขามีความโค้งมนแทนที่ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และหล่อเหลาในอดีต
“ใช่”
หลังจากพูดคุยกันไม่นาน ทุกคนก็กลับไปยังหน้าที่ของตัวเอง ฉินหม่าและคุณอาหวังกำลังจัดอาหาร และวางแผนที่จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเย่ฉ่าวเหยียนอย่างหรูหรา
พี่น้องทั้งสองคนในห้องนั่งเล่น เย่ฉ่าวเฉินรินไวน์แดงให้เขาด้วยตัวเอง แล้วเอานิ้วจับเขย่าแก้วเบาๆ ทำให้ของเหลวสีแดงส่งกลิ่นหอมออกมา
เมื่อมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเย่ฉ่าวเหยียน เย่ฉ่าวเฉินก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำว่า ฉ่าวเหยียน หลายปมานี้ที่คุณวิ่งไปทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่ท่องเที่ยวใช่ไหม ? ยังมีอะไรอื่นอีก.....”
ท่าทางของเย่ฉ่าวเหยียนดูอึ้งไป รอยยิ้มบนใบหน้าเขาชัดเจนยิ่งขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะถอนหายใจเงียบๆ “พี่ชาย จิตใจของคุณยังคงน่ากลัว.......”
เย่ฉ่าวเฉินไม่ตอบกลับ เพียงแต่มองเขาอย่างเงียบๆ พร้อมกับเงาเล็กๆในดวงตาเย็นชาของเขา
เย่ฉ่าวเหยียนไม่หลบอีก และจ้องมองไปที่ใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉิน ดวงตาสีดำของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มคับแคบ และพูดเบาๆว่า “ไม่นะ ผมแค่อยากจะไปพักผ่อน ตามหาความทรงจำที่หายไป”
“ฉ่าวเหยียน คุณใช้มือซ้ายถือแก้วตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองไปที่มือขวาของเขา และถามอย่างช้าๆ
ท่าทางของเย่ฉ่าวเหยียนดูตกใจ เขากระตุกมุมปาก ดวงตาของเขาซ่อนความเยือกเย็นไว้ และพูดอย่างนุ่มนวลว่า “อ่า ผมรู้ว่าไม่สามารถปิดบังพี่ได้ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้”
พูดจบเขาก็วางแก้วลง ยื่นมือซ้ายออกมาลูบมือขวา และพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด “ไม่เป็นไร ก็แค่แขนข้างเดียวเท่านั้น”
สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินแสดงความเจ็บปวด เขาลุกขึ้นเดินไปและบังคับให้ยกแขนขวาขึ้น แต่ก็พบว่าเขาไม่มีความรู้สึกใดๆ ในใจเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เขาพูดออกมาอย่างโศกเศร้า “คุณไม่ต้องกัลวล ฉันจะช่วยรักษาให้หายอย่างแน่นอน”
เย่ฉ่าวเหยียนพยักหน้า ท่าทางของเขาดูลึกซึ้งขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...