เมื่อได้ยินคำถามเหล่านี้ มู่เวยเวยก็หันหน้าออกจากอ้อมแขนของเย่ฉ่าวเฉิน แล้วหันเข้าไปหาฉาก เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่อ้าปากแล้วก็ปิดมันลง ท่าทีดูลังเลและเศร้าใจ
เวลานี้ไม่มีเสียงยังดีกว่ามีเสียง แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่การแสดงออกของเธอบ่งบอกทุกอย่าง
ผู้สื่อข่าวเหล่านี้หัวใส เมื่อได้รับเงินจากหนานกงเฮ่าแล้ว แม้การแสดงออกของมู่เวยเวยไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่พวกเขาก็เจาะลึกให้กลายเป็นตามที่ต้องการได้
เอาล่ะ กลับไปรายงานผลได้
ยังกลับไม่ถึงคฤหาสน์ รายงานข่าวอื้อฉาวรอบใหม่ก็ออกมา
มู่เวยเวยภรรยาของเย่ฉ่าวเฉินยอมรับว่าสามีของตนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเฉียวซินโยว ความโศกเศร้าแสดงออกผ่านใบหน้าแดงก่ำของเธอ
เย่ฉ่าวเฉินและภรรยาเข้าร่วมงานนี้ ดูภายนอกสนิทสนมกันดี แต่ความจริงกลับไม่ใช่ ภรรยาของเย่ฉ่าวเฉินยอมรับว่าทั้งคู่กำลังจะหย่า!
……
เมื่อเห็นข่าวพวกนี้ออกมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ปฏิกิริยาแรกของมู่เวยเวยคือ นักข่าวพวกนี้ความคิดสร้างสรรค์จริงๆ สร้างเนื้อหาได้มากมายขนาดนี้โดยที่เธอไม่ต้องพูดอะไรเลย
ปฏิกิริยาที่สองยังไม่เกิดขึ้น เย่ฉ่าวเฉินก็โยนเธอลงโซฟาซะก่อน “เมื่อกี้เธอหมายความว่ายังไง? ทำหน้าร้องไห้ให้ใครเห็น?”
สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเคร่งขรึม เขาต้องการพาเธอไปที่นั้นเพื่อสยบข่าวลือ แต่กลับแพ้ภัยตัวเอง เยี่ยมมาก! ราดน้ำมันลงในกองเพลิง
“เย่ฉ่าวเฉินนายมีเหตุผลหน่อยได้ไหม? ที่นักข่าวเขียนอยู่นั้นน่ะก็เกี่ยวกับฉันนะ!” มู่เวยเวยกุมเท้าตัวเองไว้ เพราะกลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บอีก
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอทำหน้าเศร้า พวกเขาจะจับประเด็นนี้ขึ้นมาทำไม?”
“แล้วจะให้ฉันหัวเราะ? สถานการณ์แบบนั้นฉันควรหัวเราะออกมางั้นเหรอ?”
เย่ฉ่าวเฉินจ้องเธอตาเขม็ง ทันใดนั้นความคิดก็ผุดขึ้นในใจ เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วบีบคอเธอ ถามขึ้นอย่างโหดเหี้ยม “พูด! ที่เรื่องนี้รั่วไหลออกไปเธอตั้งใจใช่ไหม ภาพถ่ายพวกนั้นมาได้อย่างไร?”
สีหน้าของมู่เวยเวยเริ่มซีด “เย่ฉ่าวเฉิน ฉันมีความสามารถเรื่องนี้เหรอ?”
“ถ้าไม่ใช่เธอ นักข่าวพวกนั้นจะรู้ได้ยังไงว่าเฉียวซินโยวอยู่ที่นี่มานานแล้ว ถ้าไม่ใช่เธอ พวกเขาจะรู้ได้ยังไงว่าวันนี้ฉันจะพาเธอไปร่วมงาน มู่เวยเวยเพื่อจะหนีออกไปจากที่นี่ เธอเลยทำเรื่องพวกนี้ใช่ไหม ฉันจะบอกเธอให้นะ ไม่มีใครเปลี่ยนการตัดสินใจของฉันได้ แม้พวกนักข่าวข้างนอกจะเขียนข่าวเกินจริง ฉันก็ไม่ปล่อยให้เธอออกไปจากที่นี่ได้แม้แต่ก้าวเดียว เมื่อเธอตายใจเธอก็จะตายอยู่ที่นี่ด้วย”
เย่ฉ่าวเฉินโยนเธอออกไป พร้อมตะโกนสั่งกับพ่อบ้านหวัง “ให้เธออยู่ในห้องเล็กๆ ด้านหลังติดกับฉัน ให้อยู่กับสัตว์พวกนั้น และอย่าลืมไม่อนุญาตให้เธอกินข้าวเป็นเวลาสามวัน”
พ่อบ้านหวังมองไปที่มู่เวยเวยที่กำลังไออย่างรุนแรง พูดขึ้นอย่างลังเล “คุณชาย ในนี้มีแต่ของที่ไม่ได้ใช้เต็มไปหมด เกรงว่า…”
“พ่อบ้านหวัง นายเป็นคนพูดมากตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เดี๋ยวก่อน...เย่ฉ่าวเฉิน…” มู่เวยเวยอ้าปากค้าง ก่อนที่สาวใช้สองคนจะมาเอาตัวเธอไป จึงรีบพูดขึ้น “อย่าเพิ่งใจร้อน ฉันรู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้”
เย่ฉ่าวเฉินชะงักไป “ดี งั้นเธอพูดมา มันเป็นใคร?”
“เฉียวซินโยวและหนานกงเฮ่า” มู่เวยเวยยอมรับสารภาพ
แต่เย่ฉ่าวเฉินกลับหัวเราะ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยยัน “มู่เวยเวยตอนนี้เธอไล่กัดสองคนนั้นแบบสุ่มๆ คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ?”
“เป็นพวกเขาสองคนจริงๆ ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด!”
น่าขำสิ้นดี เธอกำลังจะได้เป็นเพื่อนบ้านกับหมาป่า ยังต้องปิดบังอะไรอีก?
“มู่เวยเวย ตอนนี้เธอคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบที่โกหกอะไรก็ได้งั้นเหรอ? เธอบอกว่าเป็นสองคนนั้น เธอมีหลักฐานอะไร?” เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธอ เจอกับความเหน็บหนาวลึกๆ ที่อยู่ในแววตา
“หลักฐาน?” มู่เวยเวยนึกถึงผู้ชายไอทีคนนั้น รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า ค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของเขาแล้วยื่นให้เย่ฉ่าวเฉิน “นายไปหาคนคนนี้ แล้วจะได้รู้ว่าฉันโกหกหรือพูดความจริง”
เย่ฉ่าวเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากโซฟา เขาชำเหลืองมองมัน แล้วตะโกนขึ้น “จางเห่อ”
“ครับคุณชาย” จางเห่อเข้ามาจากด้านนอก ยืนด้วยท่าทางเคารพ
เย่ฉ่าวเฉินส่งโทรศัพท์ให้เขา “ไปหาคนคนนี้”
“ครับ” จางเห่อมองเบอร์โทรศัพท์ แล้วจดหมายเลข จากนั้นหายตัวไปทันที
มู่เวยเวยหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะกาแฟขึ้นดื่ม ก็ต้องสะดุ้งตกใจ
“มู่เวยเวยถ้าครั้งนี้เธอโกหกฉัน…”
“โกหกนายหรือไม่ รอให้จางเห่อกลับมาความจริงก็จะถูกเปิดเผย” มู่เวยเวยนั่งนวดเท้าอยู่บนโซฟา เพิ่งถูกเขาผลัก ดูเหมือนว่าเท้าเธอจะเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม
หานฉ่าวเผิงที่กำลังอยู่ในห้องเช่ารู้สึกเสียใจอย่างมาก เขาไม่ควรทำธุรกิจนี้ตั้งแต่แรก เมื่อเขาเห็นข่าวที่ได้รับความนิยมในไม่กี่วันนี้ก็ถึงกับลนลาน เขาไม่รู้ว่าเฉียวซินโยวจะข่มขู่เย่ฉ่าวเฉินด้วยภาพถ่ายพวกนั้น ถ้ารู้เขาคงไม่ทำ
ส่วนตอนนี้ยิ่งกว่าเผชิญหน้ากับพวกคนพาลเมื่อครั้งที่แล้วซะอีก
“อย่าทำร้าย ฉันจะพูดทุกอย่าง…”
หนึ่งชั่วโมงให้หลัง จางเห่อก็กลับมาที่คฤหาสน์
“คุณชาย ผมตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้วครับ” จางเห่อลำบากใจ หลังจากไปตรวจสอบนานขนาดนี้ กลายเป็นว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือคนที่อยู่ข้างๆ เขา
“พูด”
“เบอร์โทรที่คุณหนูให้มาเป็นเบอร์ของแฮ็กเกอร์คนหนึ่ง เขายอมรับว่าคุณชายหนานกงและคุณหนูเฉียวเป็นคนสั่งให้เขาทำรูปพวกนี้…”
“เพ้ง!” เย่ฉ่าวเฉินเขวี้ยงแก้วน้ำลงพื้นอย่างแรง เศษแก้วกระเด็น มู่เวยเวยรีบเอามือปิดหน้าโดยเร็ว
“สารเลว!” เย่ฉ่าวเฉินคำราม เขาโกรธมากจนมองเห็นเส้นเลือดที่อยู่บนแขนของเขาได้
เขาตระหนักขึ้นมาได้ทันที หนานกงเฮ่าและเฉียวซินโยวร่วมมือกัน ถ้าเขาถูกสื่อต่างๆ บีบบังคับให้ก้มหัวให้ แล้วหย่ากับมู่เวยเวย เช่นนั้นหนานกงเฮ่าก็จะได้มู่เวยเวยไป ส่วนเฉียวซินโยวก็จะใช้โอกาสนี้ขึ้นมาอยู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น
ฆ่าสองตัวด้วยหินก้อนเดียว น่าเดียวดายที่พวกเขาคิดผิด คนอย่างเย่ฉ่าวเฉินเป็นคนที่สมควรถูกคนอื่นรังแกงั้นเหรอ?
“คุณชาย แฮ็กเกอร์คนนั้นยังบอกอีกว่า…”
“พูด!”
“ไม่กี่วันก่อนมีคนกลุ่มหนึ่งข่มขู่เขา และเอาข้อมูลบางส่วนของทางโรงแรมไป”
ยังมีคนไปหาเขาอีกงั้นเหรอ ใคร?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่เวยเวยก็ตกใจเช่นกัน ยังมีใครรู้เรื่องนี้อีกบ้าง?
“เขาจำได้ไหมว่าเป็นใคร?” เย่ฉ่าวเฉินถาม
จางเห่อส่ายหัว “เขาบอกว่าตอนนั้นชุลมุนมาก เขาลืมไปแล้ว”
แม้หานฉ่าวเผิงจะจำได้เขาก็ไม่กล้าพูด จะเกิดอะไรขึ้นถ้าถูกตามแก้แค้น?
เมื่อเห็นว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว มู่เวยเวยจึงลุกขึ้นจากโซฟา “ตอนนี้ฉันไปได้ยัง?”
เย่ฉ่าวเฉินหันกลับไปมองเธอ อารมณ์ซับซ้อนในใจที่พูดออกมาไม่ได้ “เธอรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้?”
มู่เวยเวยโกรธแต่กลับยิ้มออกมา “เย่ฉ่าวเฉิน ฉันพูดไปแล้วนายจะเชื่อไหม? ไม่ใช่ว่าฉันไม่พูด แล้วนายเชื่อไหม? เย่ฉ่าวเฉินนายถามลองถามตัวเองดูนะ ตั้งแต่ที่เฉียวซินโยวมาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ เกิดเรื่องขึ้นกี่ครั้ง ฉันอธิบายไปกี่รอบ แต่นายเคยเชื่อฉันสักครั้งไหม? ทำไมต้องให้ฉันคิดเองอยู่ฝ่ายเดียว?”
คำพูดของเย่ฉ่าวเฉินติดอยู่ในลำคอ ภาพมากมายเกิดขึ้นในความคิด ดูเหมือน… จะเป็นอย่างที่เธอพูด เขาไม่เคยเชื่อเธอเลย
“เอาโทรศัพท์เธอให้ฉัน…” เขาพูดเสียงเบา จนเกือบน่ารำคาญ
มู่เวยเวยหัวเราะเยาะ “เย่ฉ่าวเฉินนายคิดเอาเองนะ ฉันตายด้วยน้ำมือนายมาแล้วกี่ครั้ง? ถ้าไม่ใช่ว่านายแข็งแกร่งเกินไป ฉันก็ไปได้อีกไกล นายเดาถูก ฉันเป็นแค่เรือที่ไหลไปตามกระแสน้ำ ถ้านายทะนุถนอมฉัน ฉันก็รอด นั้นคือเหตุผลที่ฉันไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเฉียวซินโยว”
คำพูดของผู้หญิงเปรียบเสมือนคมมีด ที่เจาะเกราะเขาเข้ามาทีละนิด ทิ่มแทงหัวใจที่อ่อนนิ่มของเขาให้เจ็บปวด ให้อ่อนแรง
“เอาล่ะ ตอนนี้ทุกอย่างก็กระจ่างแล้ว ถ้านายอยากจะฆ่าจะแกงฉันก็ตามสบาย ฉันไม่มีกำลังจะต่อต้านนายอยู่แล้ว” มู่เวยเวยลุกขึ้นยืน แล้วจ้องไปที่เขา
ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องรับแขก แสงแดดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง แต่มู่เวยเวยกลับไม่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเลยสักนิด
ในสายตาของเย่ฉ่าวเฉินเวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปอย่างเงียบๆ ดั่งสายน้ำ เขายืนมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้าเช่นเดิม แต่อารมณ์ความรู้สึกข้างในกลับเปลี่ยนไป ตั้งแต่ครั้งแรก อารมณ์ทั้งหมดที่ถูกเขียนไว้บนใบหน้าของเธอ ทั้งความโกรธทั้งความสุข เขารับรู้ได้ถึงมัน
แล้วตอนนี้ล่ะ? เธอเรียนรู้ที่จะเก็บซ่อนอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้ ก็เหมือนกับตอนนี้ เธอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่เขากลับมองไม่เห็นความรู้สึกของเธอ? ตึงเครียด? ไม่หวั่นไหว? หรือว่าเมินเฉย?
และทั้งหมดนี้ ก็เกิดขึ้นจากฝีมือของเขา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เขาจึงเอ่ยปากพูดกับฉินหม่า “พยุงคุณผู้หญิงขึ้นไปข้างบน แล้วเรียกหมอหานมาดูเท้าให้เธอด้วย”
“ได้ค่ะคุณชาย” ฉินหม่าแทบหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ ในที่สุดคุณชายก็เริ่มสนใจคุณหนูแล้ว
มู่เวยเวยถอนหายใจด้วยความโล่งอก : รอดแล้ว!
ภายในห้องรับแขก จางเห่อพิจารณาอยู่นาน แล้วพูดกับเย่ฉ่าวเฉินว่า “คุณชายครับ คุณชายหนานกงสร้างกระแสเรื่องนี้มาโดยตลอด เกรงว่ากระแสคงจะร้อนอยู่อีกสักพัก เราควรหาสื่อสักทางด้วยนะครับ”
“ไม่ต้อง พวกเขาต้องการเห็นปฏิกิริยาของฉันใช่ไหม? ดี ฉันจะให้พวกเขาได้เห็น” เย่ฉ่าวเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ซินโยว ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?... กลับมา ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ… โอเค ผมจะรอ”
……
ณ บริษัทเย่ฮวางกรุ๊ป
เฉียวซินโยววางสายจากเย่ฉ่าวเฉิน เธอดีใจจนอยากกรีดร้องออกมา
น้ำเสียงของเขานุ่มนวล และยังเรียกตัวเองว่าซินโยวอีกด้วย แถมยังพูดว่า “ผมจะรอคุณ” เป็นไปได้ไหมว่าเรื่องนั้นสำเร็จแล้ว?
ไม่อยากรอสักวินาทีเดียว เธอปิดรายงานล่าสุดที่เพิ่งอ่านบนคอมพิวเตอร์ไป ไม่ได้ขอลากับเหอเหม่ยหลิงด้วยซ้ำ รีบนั่งแท็กซี่ตรงกลับบ้านตระกูลเย่ทันที
เธอจะไล่มู่เวยเวยออกจากคฤหาสน์หลังนี้ทันที อีกไม่นานเธอจะกลายเป็นคุณนายเย่ แค่คิดหัวใจก็สั่นสะท้าน
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องรับแขก เฉียวซินโยวมองเห็นเศษแก้วเกลื่อนกลาดบนพื้น เธอดีใจมากเมื่อมองเห็นเย่ฉ่าวเฉินนั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ เขาทะเลาะกับมู่เวยเวยหรือเปล่า?
“ฉ่าวเฉิน ให้ฉันรีบกลับมาขนาดนี้มีเรื่องอะไรเหรอคะ?” เฉียวซินโยวเอ่ยถาม
เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมองเธอ ในใจอยากให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย จึงเอ่ยถามขึ้นเบาๆ “เรื่องอื้อฉาวร้อนแรงขนาดนี้ คุณคิดว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง?”
เฉียวซินโยวไม่คิดว่าเขาจะถามเรื่องนี้กับเธอ จึงระงับความกังวลไว้ในใจ “เรื่องนี้… ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ คุณให้ใครสืบดูหรือยังคะ? แล้วได้เรื่องอะไรไหม?”
“ก็ได้เรื่องนิดหน่อย อยู่ข้างๆ พวกเรา แต่ไม่เชื่อเลยว่าเธอจะทำเรื่องแบบนี้ได้” น้ำเสียงของเย่ฉ่าวเฉินเย็นชา และสายตาที่ไม่ละออกจากใบหน้าเธอ
เฉียวซินโยวตากระตุก ยิ้มฝืนๆ “คุณรู้เหรอคะว่าเป็นใคร?”
“ใช่ คุณอาจเดาได้เหมือนกันว่าคนที่ผมพูดถึงเป็นใคร?”
เฉียวซินโยวขมวดคิ้วสวยและไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างจริงจัง ราวกับว่าตระหนักขึ้นได้ทันที “คุณไม่ได้หมายความถึงเวยเวย… ไม่หรอกค่ะ เธอจะทำเรื่องนี้ทำไม เธอจะได้ประโยชน์อะไร?”
เย่ฉ่าวเฉินได้ยินดังนั้น ในใจไม่ได้มีแค่ความโกรธ แต่ทั้งผิดหวัง หากเขาไม่รู้ความจริงมาก่อน อาจทำผิดต่อมู่เวยเวยอีกครั้ง และเฉียวซินโยวก็จะแสร้งทำเป็นเพื่อนสนิทที่แสนดีต่อไป
เฉียวซินโยวเห็นเขาไม่พูดอะไร คิดว่าคงกำลังฟังที่ตัวเองพูด จึงพูดต่อไปว่า “อันที่จริงพอคิดๆ ดูแล้ว มันก็เป็นไปได้นะคะ เวยเวยพูดกับฉันหลายครั้งว่าเธออยากออกจากที่นี่ แต่เธอทำแบบนี้มันก็เกินไป ไม่เพียงแต่ทำลายชื่อเสียงของตัวเอง ยังทำให้คุณพลอยติดร่างแห…”
“เฉียวซินโยว!” เย่ฉ่าวเฉินตะคอก “จนถึงตอนนี้เธอยังคิดปั้นเรื่องใส่ความมู่เวยเวยอีกงั้นเหรอ? ไม่รู้จักมองย้อนดูตัวเองเลยหรือไง?”
เฉียวซินโยวตัวแข็งทื่อ สมองขาวโพลน ผ่านไปหลายนาทีกว่าเธอจะได้สติ ถามขึ้นอย่างมึนงง “ฉ่าวเฉิน คุณพูดเรื่องอะไร? ฉันไม่เข้าใจ”
“ไม่เข้าใจ? เอาล่ะ งั้นผมถามคุณ คุณรู้จักคนที่ชื่อหานฉ่าวเผิงไหม?”
หานฉ่าวเผิง? แฮ็กเกอร์คนนั้น เขารู้ได้อย่างไร?
“ฉัน...ฉัน…” เฉียวซินโยวหน้าซีด ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร
“พูดสิ ทำไมไม่พูดล่ะ เฉียวซินโยว ฉันคิดมาตลอดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเธอจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล!” เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองเธอย่างดุร้าย ค้นพบว่าตัวเองรู้จักผู้หญิงคนนี้น้อยลงเรื่อยๆ
มู่เวยเวยเคยด่าว่าเขาตาบอด ตอนนี้เมื่อลองคิดๆ ดู เธอพูดไม่ผิดเลยสักนิด เขาเป็นคนตาบอดจริงๆ
“ฉ่าวเฉิน ฉ่าวเฉิน คุณฟังฉันอธิบายก่อน ฉันไม่ได้อยากทำแบบนี้…” เฉียวซินโยวคว้าแขนของเย่ฉ่าวเฉินเอาไว้ น้ำไหลตาไหลอาบแก้มอย่างน่าเวทนา
คนที่ได้ประโยชน์คือสองคนนั้น พอมีเรื่องก็มาด่าเธอ มิตรภาพแบบนี้ต้องมีไว้ทำไม?
ไม่ได้ เธอต้องหาทางออกให้ตัวเอง เธอจะนั่งรอความตายอยู่แบบนี้ไม่ได้
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เย่ฉ่าวเฉินไม่มองหน้าเธอด้วยซ้ำ ตรงกันข้ามความสัมพันธ์กับมู่เวยเวยกลับดีขึ้นเรื่อยๆ เขาใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนอยู่ในห้องนอนของมู่เวยเวย และเท้าของมู่เวยเวยก็ดีขึ้นมากแล้ว พาเธอไปทำงาน รับเธอตอนเลิกงานทุกวัน ยิ่งดูเหมือนคู่รักกันเข้าไปอีก
แม้เฉียวซินโยวรู้ว่าส่วนใหญ่เป็นการแสดง แต่เธอก็กลัวว่าการกระทำปลอมๆ ของเย่ฉ่าวเฉินจะกลายเป็นเรื่องจริง เขามองมู่เวยเวยด้วยแววตาที่ผิดแปลกไป นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี
แสงจันทร์ในตอนกลางคืนช่างละมุน เฉียวซินโยวยืนอยู่ตรงระเบียง เห็นเงาคนเดินอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เธอจึงมองให้แน่ชัด เย่ฉ่าวเหยียน!
ใช่สิ ทำไมเธอลืมนึกถึงเย่ฉ่าวเหยียนไปนะ ถ้าเขาช่วยเธอได้ งั้นก็ต้องดีกว่าหนานกงเฮ่าแน่นอน
อีกอย่างเขายังช่วยเธอตั้งหลายครั้ง
เมื่อคิดถึงเหตุผลอันสวยงามนี้ เฉียวซินโยวจึงเดินลงไปข้างล่าง
“ฉ่าวเหยียน มาเดินเล่นคนเดียวเหรอคะ?”
เย่ฉ่าวเหยียนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เดินช้าๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ใช่ครับ แสงจันทร์สวยขนาดนี้ ทำให้ผิดหวังก็น่าเสียดาย”
“อืม ที่พูดมาก็ถูก” เฉียวซินโยวเดินตามรอยเท้าเขา “เรื่องไม่กี่วันก่อน ขอบคุณมากๆ นะคะ”
เย่ฉ่าวเหยียนเลิกคิ้ว “ไม่เป็นไรครับ”
“ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับคุณ ดูเหมือนว่าต้องคอยขอบคุณคุณตลอดเลย” เฉียวซินโยวยิ้มอย่างเขินอาย “ฉ่าวเหยียน บอกฉันหน่อยได้ไหมคุณช่วยฉันทำไมคะ?”
เย่ฉ่าวเหยียนกล่าวอย่างใจเย็น “ก็ทำไม ผมจะทำความดีเป็นครั้งคราวเมื่อผมอารมณ์ดีน่ะ ตอนที่ผมอารมณ์ไม่ดีต่อให้คุณขอร้องผม ผมก็ไม่ช่วย”
เอ่อ…...
เหตุผลของเขาจริงๆคือ...แค่ทำตามใจตัวเอง
เย่ฉ่าวเหยียนเดินไปตามทางลูกรังเล็กๆ เขารู้ว่าเฉียวซินโยวต้องมีอะไรบางอย่างถึงมาหาเขา แต่เธอไม่ยอมพูด เขาเองก็ขี้เกียจถาม เขาไม่ชอบผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ แต่เพื่อไว้สร้างปัญหาให้พี่ชายเป็นครั้งคราว เลยต้องเก็บเธอไว้
ผ่านไปไม่กี่นาที เฉียวซินโยวทนไม่ไหว จึงเอ่ยปากพูดขึ้น “ฉ่าวเหยียน ฉันอยากทำข้อตกลงกับคุณ”
เย่ฉ่าวเหยียนยิ้มในใจ งูพิษออกจากรูอีกครั้ง
“ทำข้อตกลงกับผม? คุณมีสิ่งที่ผมไม่มีไหม ทำไมผมต้องอยากทำข้อตกลงกับคุณด้วย?”
เฉียวซินโยวหัวเราะเบาๆ “ฉันรู้ว่าคุณอยากตามหามู่เย่เทียนให้พบ ฉันให้ข้อมูลมู่เย่เทียนกับคุณได้ คุณคิดว่าข้อต่อรองนี้เป็นยังไงบ้าง?”
เย่ฉ่าวเหยียนหยุดเดิน หันกลับไปมองเธอ ใบหน้าซ่อนอยู่ใต้แสงจันทร์ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าที่แสดงออกมา “ผมสืบหามาหมดแล้ว ยังไม่รู้เลยว่ามู่เย่เทียนอยู่ที่ไหน คุณรู้ได้ยังไง?”
เฉียวซินโยวมองดูเข้าติดกับ แล้วรีบพูดขึ้น “อันที่จริงมู่เวยเวยก็รู้ที่อยู่ของมู่เย่เทียนมาตลอด แต่เธอปกปิดมันไว้อย่างดี เพื่อซ่อนจากพวกคุณทุกคน”
เย่ฉ่าวเหยียนยิ้มมุมปากเบาๆ ผู้หญิงคนนี้ คงกำลังใช้จิตวิทยา
“ผมไม่เข้าใจ ในเมื่อเธอปกปิดมันไว้อย่างดี แล้วคุณรู้ได้อย่างไร?”
เฉียวซินโยวเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ แล้วพูดว่า “ฉันเป็นเพื่อนเธอมาตั้งนานหลายปี เป็นคนที่เข้าใจเธอที่สุดเลยก็ว่าได้ แม้ว่าคุณจะมีวิธีของคุณเอง แต่ตราบใดที่คุณร่วมมือกับฉัน ฉันจะล่วงข้อมูลของมู่เย่เทียนออกมาให้ได้ แลกเปลี่ยนกัน”
เย่ฉ่าวเหยียนก้มหน้าหัวเราะเงียบๆ จากนั้นก็พูดขึ้น “ในเมื่อเป็นข้อตกลง แล้วคุณจะให้ผมทำอะไร?”
เมื่อเฉียวซินโยวเห็นเขาตอบรับ ก็แอบมีความสุขอยู่ในใจ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ง่ายมาก ฉันให้ข้อมูลมู่เย่เทียนกับคุณ คุณก็ต้องช่วยฉันกำจัดมู่เวยเวยออกไปจากบ้านตระกูลเย่ ให้ฉันได้เป็นคุณนายเย่”
“คิกคิก——” เย่ฉ่าวเหยียนหัวเราะ เธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าเขาจะช่วยเธอ?
เฉียวซินโยวชะงัก “คุณหัวเราะอะไร? คุณไม่เชื่อฉันเหรอ?”
“ใช่” เย่ฉ่าวพูดออกไปตามตรง “เฉียวซินโยว คุณน่าสนใจจริงๆ ครั้งที่แล้วมาหาผมเพื่อต้องการใช้มู่เย่เทียนจัดการกับมู่เวยเวย คราวนี้ก็ใช้วิธีเดิม เปลี่ยนข้อแก้ตัวด้วยเหตุผลอื่นไม่ได้แล้วเหรอ? หรือคิดว่าผมโง่แล้วจะเชื่อคุณ?”
ใบหน้าของเฉียวซฺนโยวบูดเบี้ยว เมื่อถูกเปิดเผยตัวตน ก็เหมือนถูกคนถอดเสื้อผ้าต่อที่สาธารณะ ทั้งโกระทั้งอับอาย
“เย่ฉ่าวเหยียนฉันอยากทำข้อตกลงกับคุณจริงๆ ไม่คิดว่าคุณกลับมีทัศนคติแบบนี้”
“ต้องการทำข้อตกลงก็นำหลักฐานจริงออกมา ไม่ใช่วาดรูปขนมปังแก้หิวให้ผมแบบนี้ คุณไม่มีความจริงใจเลยสักนิด ทำไมผมต้องเชื่อคุณ?” เย่ฉ่าวเหยียนพูดห้วนๆ
เฉียวซินโยวหงุดหงิด ผู้ชายคนนี้เพียงแค่ล้อเล่นกับเธอเป็นเวลานานขนาดนี้
“ได้ ฉันจะไปหาหลักฐานมา คุณรอก่อน” เฉียวซินโยวกระทืบเท้า หันหลังแล้วเดินจากไป
เย่ฉ่าวเหยียนมองตามหลังเธอไป พลางยิ้มเยาะ “ได้ ฉันจะรอดูว่าเธอมีเซอร์ไพรส์อะไร”
จากที่เขารู้จักมู่เวยเวย ครั้งล่าสุดที่ตรวจสอบมาเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะรู้ว่ามู่เย่เทียนอยู่ที่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นเขาเพียงแค่ไม่อยากทำให้เย่ฉ่าวเฉินพี่ชายของเขาดูดีกว่า ให้เขาไปทำร้ายมู่เวยเวย? หึหึ เพ้อเจ้อ!
……
เวลานี้ มู่เวยเวยกำลังต่อสู้อยู่กับเย่ฉ่าวเฉิน คนหนึ่งต้องการจะอาบน้ำ อีกคนก็กำลังต้องการ
“เย่ฉ่าวเฉิน นายควบคุบมันไม่ได้เลยหรือไง? หลายวันมานี้มีสักวันที่ฉันได้นอนสงบๆ บ้างไหม?” มู่เวยเวยคว้าประตูห้องอาบน้ำไว้ไม่ยอมปล่อย
เย่ฉ่าวเฉินยืนอยู่ตรงหน้าเธอ “มู่เวยเวยนี่คือหน้าที่ที่ภรรยาต้องทำ”
“แต่นายก็แคร์ความรู้สึกของฉันหน่อยไม่ได้หรือไง? ตอนนี้ฉันแค่อยากอาบน้ำแล้วเข้านอน กรุณาออกจากประตู เลี้ยวขวา แล้วเดินออกไปซะ ขอบคุณ!”
เย่ฉ่าวเฉินอุ้มเธอขึ้นมา เดินตรงไปยังห้องอาบน้ำ จากนั้นโยนเธอลงไปในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่น “อาบสิ”
มู่เวยเวยลุกขึ้นมา และเผลอจิบน้ำไปหลายอึก “เย่ฉ่าวเฉิน นายมันบ้า!”
เมื่อมองไปยังส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอ ไฟอารมณ์ของเย่ฉ่าวเฉินก็ถูกจุดขึ้นมาดัง ‘ปัง!’ เขาถอดเสื้อผ้าตัวเอง แล้วย่างก้าวเข้าไป
เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาหา มู่เวยเวยกลัวมากจนตะเกียกตะกายหนีออกมา แต่ถูกเขาคว้าข้อเท้าไว้แล้วดึงกลับเข้าไปในอ่าง “ไม่อยากอาบน้ำแล้วเหรอ? จะหนีไปไหน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...