วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 147

เธอบอกว่า พรุ่งนี้หนานกงเฮ่าจะมาพาตัวเธอไป แต่ที่เธอบอกว่าพรุ่งนี้ ก็คือวันนี้

ดูเหมือนว่าเธอจะจำเบอร์โทรศัพท์ของเขาไม่ได้ ด้วยความร้อนรนและหวาดกลัว เธอจึงส่งข้อความออกไปหนึ่งข้อความโดยไม่รู้ว่าส่งไปที่ไหน

ดีที่ข้อความที่เธอส่งไปถูกเขาเห็นเข้า

“คุณ……เมื่อวานตอนที่คุณได้รับข้อความแล้ว ทำไมถึงไม่มาหาฉัน ”เย่ฉ่าวเฉินที่มีเสียงแหบอยู่ในลำคอ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเขาดัดมันเองหรือเป็นเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืน

นักศึกษาหลี่ยักไหล่และพูดขึ้นว่าแล้วแต่จะคิด“ผมนึกว่ามันเป็นข้อความก่อกวนเลยไม่ได้สนใจ แต่ว่าคิดแล้วทั้งคืน ในข้อความก็ไม่ได้มีตรงไหนบอกให้ผมโอนเงินอะไรพวกนี้ ก็คิดเพียงว่าหากเป็นความจริงล่ะ?ช่วยชีวิตคนได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด ดังนั้นเลยเอาข้อความมาตรวจสอบในอินเตอร์เน็ต ภรรยาของคุณที่แท้ชื่อมู่เวยเวย ผมดูข้อความพร้อมกับตรวจสอบคู่กันไปจนถึงเช้าและได้ถึงมาหาคุณที่นี่ไง

เย่ฉ่าวเฉินมองดูชายที่มีสายตาที่บริสุทธ์ และพูดขึ้นด้วยความจริงใจว่า“ขอบใจมาก อันที่จริงแล้วฉันกำลังหาตัวเธออยู่”

นักศึกษาหลี่ชี้ไปที่เบอร์ที่อยู่ทางด้านบนและพูดว่า “งั้นคุณก็รีบจดเบอร์ที่อยู่ด้านบนนี้เก็บไว้ซะ ผมยังต้องกลับไปเรียนต่อ”

เย่ฉ่าวเฉินมองที่ตัวเลขอย่างใจจดใจจ่อ พร้อมทั้งยังเอาข้อความฉบับนี้ส่งเข้าที่เบอร์มือถือของเขา และส่งโทรศัพท์คืนให้กับนักศึกษาหลี่ “ขอบคุณมากจริงๆ ขอถามหน่อยว่าตอนนี้คุณเรียนอยู่ที่ไหน ต้องการให้ฉันตอบแทนนายยังไง?”

นักศึกษาหลี่หยิบโทรศัพท์มือถือเก็บเข้าไปในกระเป๋าพร้อมทั้งฉีกยิ้มเบาเบา“ฉันเคยพูดแล้วว่า ช่วยชีวิตคนทำให้ได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดไง ผมมาหาคุณไม่ใช่ว่าต้องการอะไรตอบแทน แต่ถ้าคุณอยากจะขอบคุณจริงๆล่ะก็นะ ปีนี้ผมอยู่ปีสามแล้ว ปิดเทอมฤดูร้อนผมอยากไปฝึกงานที่บริษัทของพวกคุณจะได้ไหม ?”

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มกว้างด้วยความเต็มใจ “แน่นอน ฉันยินดีมากๆ”

“งั้นก็เอาแบบนี้แล้วกัน ผมมีเบอร์โทรศัพท์ของคุณแล้ว ถึงเวลานั้นแล้วผมจะโทรหาคุณนะ ผมต้องขอตัวก่อน บาย——”เมื่อพูดจบ นักศึกษาหลี่ก็ขี่จักรยานจากไป

เย่ฉ่าวเฉินเดินก้าวยาวด้วยความเร่งรีบไปทางด้านคฤหาสน์พร้อมกับสั่งพ่อบ้านหวังว่า“ให้จางเห่อรีบมาพบเขาที่ห้องหนังสือด่วน”

“ครับคุณชาย”

หลังจากนั้นไม่กี่นาที ในห้องหนังสือ โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ

เย่ฉ่าวเฉินเดินก้าวเท้าด้วยความเร็ว“จางเห่อ นายรีบให้คนไปตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์นี้หน่อย ดีที่สุดให้หาคนที่เชี่ยวชาญที่มีฝีมือดีๆ ตรวจสอบและเจาะจงสถานที่ว่าอยู่บริเวณไหน และต้องหาให้ได้เร็วที่สุด ”

“ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

สองมือของเย่ฉ่าวเหยียนกอดที่อกและคิ้วทั้งสองข้างขมวดเกร็งเข้าหากัน คฤหาสน์ที่อยู่กลางของภูเขา?

เมือง A มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ทั้งสี่ด้านล้อมรอบด้วยภูเขา คฤหาสน์ที่อยู่กลางหุบเขาก็มีมากมายหลายแบบ ไม่สามารถที่จะไปตรวจหาทีละแห่งทีละแห่งได้ แบบนั้นมันกินเวลามากเกินไป

“นายกำลังคิดอะไรอยู่?”เย่ฉ่าวเฉินถามเขา

“ตำแหน่งที่พี่สะใภ้อยู่ค่อนข้างยังไม่ชัดเจนและคฤหาสน์ที่อยู่กลางหุบเขาของเมือง A มันก็มีจำนวนไม่น้อย”เย่ฉ่าวเหยียนครุ่นคิดสักพักและเงยหน้าขึ้นมามองเย่ฉ่าวเฉิน“พี่ชาย นายลองคิดดูดีๆว่าเมื่อก่อนหนานกงเฮ่าเคยพูดเรื่องซื้อคฤหาสน์อะไรประมาณนี้กับนายหรือเปล่า ฉันสงสัยว่าคฤหาสน์พวกนี้เขาคงจะไม่ใช้ชื่อของเขาเป็นแน่”

เย่ฉ่าวเฉินเดินวนรอบห้องอยู่หลายรอบ แต่ก็ยังคิดอะไรไม่ออก “ไม่มี เขาไม่เคยพูดเรื่องถึงนี้เลย”

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังกลัดกลุ้มใจอยู่นั้น จางเห่อก็โทรศัพท์เข้ามา

“เป็นอย่างไรบ้าง?”เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยความรีบร้อนพร้อมกับเปิดลำโพงให้เสียงดังออกมา

“นายครับ เจ้าของเบอร์โทรศัพท์นั้นนามสกุลถัง ชื่อถังเจิ้งเต๋อ อายุห้าสิบเจ็ดปี ภรรยาตายไปนานแล้ว มีเพียงแค่บุตรสาวหนึ่งคนอยู่ที่ประเทศแคนาดา แต่ทำงานที่ไหนตอนนี้ยังทำการตรวจสอบอยู่ นี่เป็นข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ ถ้าต้องการจะหาตำแหน่งของพื้นที่ วิธีที่ดีที่สุดคือต้องทำการติดต่อไปเพื่อเช็คสถานะของเบอร์นี้

ติดต่อไป?ถังเจิ้งเต๋อ มีบุตรสาวหนึ่งคน……

“ฉันมีวิธีแล้ว”เย่ฉ่าวเหยียนดวงตาเป็นประกายขึ้นมาและพูดกับปลายสายว่า“จางเห่อ นายรีบนำตัวผู้เชี่ยวชาญมาที่นี่เดี๋ยวนี้”

“ได้ครับ”

เมื่อวางสายโทรศัพท์ลง เย่ฉ่าวเฉินไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง“นายมีวิธีอะไร?”

เย่ฉ่าวเหยียนยิ้มด้วยทีท่าที่มั่นใจ“พวกเราจะทำแบบนี้……”

เขาอธิบายถึงแผนคร่าวๆให้กับพี่ชายฟังหนึ่งรอบ เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกชื่นชมในแผนของเขาและพูดด้วยความรู้สึกที่ออกจากใจจริงว่า “ฉ่าวเหยียน นายโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ”

“พี่ชายคำชมของนายรอให้ได้ตัวพี่สะใภ้กลับมาก่อนแล้วค่อยพูดก็ยังไม่สาย”

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เย่ฉ่าวเหยียนได้ไปยืมโทรศัพท์ของแม่บ้านฉินมาใช้

สิบกว่านาทีหลังจากนั้น จางเห่อได้รีบพาตัวแฮกเกอร์เข้ามาในห้องหนังสือทันที

เมื่อเฉียวซินโยวที่ยืนอยู่บนชั้นสองของบ้านเห็นเหตุการณ์เข้า ก็ได้เดินย่องตามขึ้นไปที่ชั้นสามและเอาหูแนบกับประตูห้องหนังสือ แต่ทว่านอกจากเสียงซุบซิบที่ฟังไม่ชัดแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงพูดคุยกันของคนที่อยู่ด้านในเลย

“คุณเฉียว ”พ่อบ้านหวังที่อยู่ทางด้านหลังของเธอเรียกชื่อเธอขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

เฉียวซินโยวตกใจเป็นอย่างมากแต่ไม่นานก็เก็บอาการเอาไว้ได้พร้อมกับหันกลับมาฉีกยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ลุงหวัง”

“คุณเฉียวมาทำอะไรที่นี่?”ท่าทางของพ่อบ้านหวังดูเย็นชามาก หลังจากที่เขาได้รู้ว่าเฉียวซินโยวทำเรื่องไม่ดีหลายเรื่อง ภาพของเธอในสายตาของพ่อบ้านหวังนั้นดูแย่ลง

“ฉัน……ฉันอยากมาถามเย่ฉ่าวเฉินว่าเขาต้องการที่จะดื่มน้ำไหม”เฉียวซินโยวโกหกหน้าด้านๆ

“ถ้าคุณชายต้องการจะดื่มน้ำปกติแล้วจะเรียกผมเอง”พ่อบ้านหวังหันข้างให้และแสดงท่าทางเชิญ“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง คุณชายสั่งไว้ว่าถ้าเขาไม่อนุญาต ห้ามไม่ให้คนนอกเข้าไปในห้องหนังสือเด็ดขาด เชิญคุณเฉียวออกไปจากที่นี่เถอะ”

เฉียวซินโยวมองเขาด้วยสายตาที่เกลียดชังพร้อมกับเดินเชิดหน้าออกไป เธอแอบคิดในใจว่า รอให้ฉันได้เป็นนายหญิงของบ้านนี้ก่อน แน่นอนว่าจะต้องเฉดหัวตาแก่นี่ออกไปให้ได้ !เฉียวซินโยวพึ่งออกไปได้ไม่นาน ประตูของห้องหนังสือก็ถูกเปิดออก หน้าของเย่ฉ่าวเฉินโผล่ออกมาจากประตู “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

พ่อบ้านหวังไม่ปิดบังพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เมื่อกี้คุณเฉียวมายืนอยู่ตรงนี้และถูกผมเชิญให้ออกไปแล้ว”

เย่ฉ่าวฉินครุ่นคิดสักพักกัดฟันและพูดขึ้นว่า“ลุงหวัง คุณยืนเฝ้าอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถให้เข้ามาใกล้ได้”

“ทราบแล้วครับคุณผู้ชาย”

ในห้องหนังสือ

เมื่อติดตั้งอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายคนนั้นก็ขยับแว่นตาของเขาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เฉยชาว่า“เริ่มได้เลย”

เย่ฉ่าวเหยียนหายใจเข้าปอดลึกๆหนึ่งครั้งและใช้โทรศัพท์ของแม่บ้านฉินโทรออกไปที่เบอร์โทรศัพท์ของถังเจิ้งเต๋อ

“ตู๊ด——ตู๊ด——ตู๊ด——”เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นสี่ถึงห้าครั้ง สุดท้ายก็มีคนรับสาย

ระบบจับสัญญาณหาพื้นที่ของคอมพิวเตอร์กำลังทำงานอย่างเร็วขึ้น

“ฮาโหล?”เป็นน้ำเสียงของคนที่ค่อนข้างมีอายุพูดตอบกลับมา

เย่ฉ่าวเหยียนดัดเสียงและถามกลับไปว่า“ขอโทษครับ นั่นเป็นเบอร์โทรศัพท์ของคุณถังเจิ้งเต๋อหรือเปล่า?”

“ใช่ครับ แล้วคุณเป็นใคร”

“สวัสดีครับ ผมโทรมาจากบริษัทส่งของ คุณมีพัสดุหนึ่งชิ้นที่ส่งมาจากต่างประเทศ แต่ที่อยู่ที่ใช้จ่าหน้าซองมันถูกฝนตกใส่ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัด คุณสามารถบอกที่อยู่คร่าวๆได้ไหมว่าอยู่บริเวณไหน?พวกเราจะได้ไปส่งให้คุณถูก”เพื่อเป็นการเตะถ่วงเวลา เย่ฉ่าวเหยียนปรับเสียงพูดของเขาให้ช้าลง แต่เขาก็ยังพูดได้อย่างไหลลื่น ฟังไม่ออกเลยสักนิดว่าเป็นเสียงที่ถูกดัด

สี่คนที่อยู่ในห้องหนังสือลุ้นกันจนไม่ได้หายใจหายคอ จะได้ยินก็แต่เพียงเสียงคลิ๊กเมาส์ ของแฮกเกอร์

ขอบเขตสีเขียวที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ค่อยๆเจาะจงพื้นที่เล็กลงเรื่อยๆ

“พัสดุอะไร?ส่งมาจากที่ไหน?”พ่อบ้านถังถามด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ

เย่ฉ่าวเหยียนตอบกลับไปอย่างมีชั้นเชิงว่า “ส่งมาจากแคนาดา”

“อ้อ~”พ่อบ้านถังพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเพราะหลงเชื่อ“เมื่อก่อนลูกสาวของฉันไม่เคยส่งของอะไรมาให้ฉันเลยนะ……ถ้าอย่างนั้น ที่ที่ฉันอยู่มันค่อนข้างไกล พวกคุณมาได้ก็หาไม่เจอ เอาอย่างนี้ฉันจะไปรับของกับพวกคุณที่นั่นเอง คุณบอกที่อยู่ของคุณมาให้หน่อย”

“เอาอย่างนั้นหรอ……”เย่ฉ่าวเหยียนมองไปที่ที่อยู่ที่เขาเตรียมเอาไว้แล้วและอ่านตามนั้น“ได้ คุณถังเตรียมปากกาจดสักหน่อย สถานที่ที่พวกเราอยู่คือเขตเว่ยเฉิง ถนนฉางชิงเลขที่228”

ที่อยู่ที่ให้ไปนี้เป็นที่อยู่ของบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งที่มีอยู่จริง

“คุณรอสักครู่นะ ขอผมหาปากกาจดก่อน”สักพักที่ปลายสายก็ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าที่เดินไปมา และไม่กี่วินาทีจากนั้นก็มีเสียงพูดขึ้นว่า“คุณบอกผมอีกครั้งจะได้ไหม?”

เย่ฉ่าวเหยียนดัดเสียงพูดให้ช้าลงไปอีก“พวกเราอยู่ที่เขตเว่ยเฉิง ถนนฉางชิงเลขที่228จำได้หรืยัง?”

“จำได้แล้ว จำได้แล้ว ขอบคุณมากๆนะ”

เย่ฉ่าวเหยียนเหลือบมองไปที่หน้าต่างของคอมพิวเตอร์ พื้นที่เป้าหมายยังคงกว้างขวางอยู่และพูดต่อไปว่า“คุณถัง ถ้าหากคุณหาไม่เจอ สามารถโทรกลับมาถามผมได้ที่เบอร์นี้

“อ้อ ได้ได้”เมื่อพูดจบ พ่อบ้านถังก็กำลังจะวางหูโทรศัพท์

“เอ่อ คุณถัง คุณคิดว่าจะมารับเอาพัสดุประมาณตอนไหน?เพราะว่าพวกเราทางนี้มีพัสดุค่อนข้างมากที่ต้องทำกระแยกประเภท”

“วันนี้ฉันไม่มีเวลา ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนนี้แล้วกัน”เมื่อพ่อบ้านถังพูดจบ โทรศัพท์ปลายสายก็มีเสียงของชายคนหนึ่งเข้ามาในสายจากที่ไกลๆว่า “พ่อบ้านถัง คุยกับใคร?”

เย่ฉ่าวเหยียนกับเย่ฉ่าวเฉินตกใจถึงกับมองตากัน เสียงนี้เป็นเสียงของหนานกงเฮ่า

“บริษัทขนส่ง……”พอพูดจบประโยค สายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไปแล้ว

คอมพิวเตอร์ตรวจสอบหาพื้นที่ก็หยุดการทำงานลง เย่ฉ่าวเฉินถาม“หาที่อยู่เจอไหม?”

ชายคนที่เป็นแฮกเกอร์ชี้ไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในขอบเขตพื้นที่วงกลมและพูดขึ้นว่า“ตอนนี้รู้เพียงแค่ว่าสัญญาณอยู่ในเมือง A แถวภูเขาทางด้านทิศตะวันตกรัศมีประมาณห้าร้อยเมตรจากนี้ หากว่าสามารถติดต่อได้อีกสักครึ่งนาทีละก็ ฉันก็จะสามารถเจาะจงพื้นที่ได้อย่างถูกต้อง”

เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองไปในเขตพื้นที่สีเขียวที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ จางเห่อพูดขึ้นว่า“ให้คนของเราไปหาที่บริเวณนี้ ภูเขาทางด้านทิศตะวันตกมีคนอาศัยอยู่ไม่มาก คฤหาสน์ก็มีไม่เยอะ ถ้าหาจริงๆคงไม่ยาก แต่ต้องลงมือด้วยความรวดเร็ว

ตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้ว หนานกงเฮ่าเป็นคนที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด หากว่ามีอะไรทำให้เขาระแคะระคายใจ สิ่งที่เราทำมาก็จบกันพอดี

“ใช่”

……

คฤหาสน์ส่วนตัวกลางหุบเขา

หนานกงเฮ่าไม่ได้สงสัยในโทรศัพท์สายนั้นของพ่อบ้านถัง ถามเพียงแค่ประโยคเดียวแล้วก็ไม่ทำธุระของตัวเองต่อ

เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่จากทิศตะวันออกมาอยู่ที่บริเวณด้านบนของศีรษะทำให้มู่เวยเวยกังวลใจขึ้น เธอพึ่งจะได้ยินหนานกงเฮ่าติดต่อกับลูกน้องเขาอีกครั้ง ราวกับว่าแผนการถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว

หรือว่าข้อความที่เธอส่งออกไปทั้งสองข้อความมันจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย?

ไม่ได้ เธอจะมานั่งรอความตายแบบนี้ได้ยังไง

ถ้าหากอยากจะติดต่อกับเย่ฉ่าวเฉิน คงต้องเอาโทรศัพท์ของหนานกงเฮ่ามาให้ได้ ในโทรศัพท์ของเขาต้องมีเบอร์โทรของเย่ฉ่าวเฉินอยู่แน่ๆ อย่างนั้นแล้วเธอก็สามารถที่จะโทรหาเย่ฉ่าวเฉินและบอกตำแหน่งที่เธออยู่ได้

แต่ว่าจะทำยังไงถึงจะเอาโทรศัพท์ของหนานกงเฮ่ามาได้ล่ะ?

มู่เวยเวยคิดจนหัวจะระเบิด ขณะนั้นเองเธอได้ยินเสียงของหนานกงเฮ่าที่อยู่ด้านล่างตะโกนเรียก“เวยเวย ทานข้าวได้แล้ว”

ทานข้าวทานข้าว วันวันก็มีแต่เรื่องกิน เธอตอนนี้จะมีอารมณ์อยากทานข้าวซะที่ไหน?

เมื่อเก็บเอาความร้อนรนไว้ในใจได้ มู่เวยเวยค่อยๆเดินลงมาอย่างช้าๆจนถึงห้องอาหาร ฝีมือการทำอาหารของพ่อบ้านถังก็ไม่ได้พิเศษอะไรมาก เพียงแต่ว่ามู่เวยเวยไม่ใช่คนที่เลือกกิน ขอแค่กินอิ่มก็พอ

ดูท่าทางแล้วหนานกงเฮ่าจะอารมณ์ดี คีบอาหารให้มู่เวยเวยไม่หยุด

“หนานกงเฮ่า คุณต้องการจะพาฉันไปที่ไหน?”มู่เวยเวยอดที่จะถามไม่ได้

หนานกงเฮ่าแสยะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย“ถามแบบนี้คิดจะทำอะไร?”

“ก็คิดที่จะเตรียมหาวิธี หากว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจะทำยังไง?”มู่เวยเวยพูดประชดประชัน

หนานกงเฮ่าวางตะเกียบลง และจับไปที่แก้มของเธอพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าเอ็นดูว่า“วางใจเถอะ ฉันจะพาเธอไปที่ที่มันไม่ดีได้ยังไง?รอให้ถึงก่อนแล้วเธอก็จะรู้เอง”

มู่เวยเวยจ้องไปที่เขา สายตาเริ่มเคลื่อนไปมองที่กระเป๋าเสื้อซึ่งมีโทรศัพท์มือถือของเขาอยู่

พ่อบ้านถังยกถ้วยซุปที่ด้านบนยังมีไอของความร้อนระอุเดินตรงเข้ามา มู่เวยเวยคิดแผนการดีขึ้นได้ทันที เธอรอให้พ่อบ้านถังเดินมาถึงระหว่างกลางของสองคน มู่เวยเวยทำทีท่าปกติและยื่นขาข้างหนึ่งออกไป

“โอ๊ย——”พ่อบ้านถังถูกขัดขาทำให้สะดุด ร่างกายที่อ้วนท้วนพุ่งไปทางด้านหน้าทันที น้ำซุปในถ้วยกระเซ็นออกมาและรดไปถูกขาข้างหนึ่งของหนานกงเฮ่า……

“อา——”ซุปที่พึ่งออกจากหม้อ ไอความร้อนที่ลอยระอุขึ้น ความรู้สึกที่ถูกสาดลงบนผิวหนังเป็นที่รู้กันดี

หนานกงเฮ่ากระโดดออกมาจากเก้าอี้ ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ริมฝีปากสั่นระริก

“พ่อบ้านถัง คุณทำอีท่าไหนของคุณ?”

พ่อบ้านถังไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง เอาถ้วยซุปที่อยู่ในมือวางลงบนโต๊ะด้วยความไม่พอใจ และรีบโค้งคำนับขอโทษ“ขอโทษหัวหน้า ฉันได้ตั้งใจ ขอโทษ ขอโทษ”

มู่เวยเวยแสร้งพูดเป็นห่วงใย“คุณอย่าต่อว่าลุงถังเลย รีบไปใช้น้ำเย็นล้างออกเถอะ หากว่าลวกจนเป็นแผลแล้วมันจะไม่ดี”

หนานกงเฮ่าใช้สายตาที่โมโหมองพ่อบ้านถังหนึ่งครั้งพร้อมกับยกขากางเกงขึ้นและรีบเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง

พ่อบ้านถังหันกลับมากำลังจะถามมู่เวยเวยว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่เห็นเธอพนมมือขอโทษและจากนั้นก็วิ่งตามหนานกงเฮ่าขึ้นไปด้านบน

เด็กผู้หญิงคนนี้จริงๆแล้วต้องการทำอะไร?เห็นๆอยู่ว่าเธอตั้งใจทำให้สะดุด

คฤหาสน์ตระกูลเย่

จางเห่อที่อยู่ทางนั้นส่งข่าวดีกลับมาบอก

“หัวหน้า หาคฤหาสน์ของหนานกงเฮ่าเจอแล้ว ฉันจะส่งที่อยู่ให้กับคุณ”

เย่ฉ่าวเฉินสะดุ้งลุกขึ้นจากเก้าอี้ ถือโทรศัพท์เดินไปพลางคุยไปพลาง“ได้ ให้ปิดทางเข้าออกทุกทาง พวกฉันทางนี้จะรีบไปทันที”

เย่ฉ่าวเหยียนได้ยินที่เขาพูดก็รีบตามเขาไปไม่ห่าง เย่ฉ่าวเฉินสั่งพ่อบ้านหวัง“ลุงหวัง รีบไปเตรียมรถ”

พ่อบ้านหวังที่รู้สึกตื่นเต้นรีบวิ่งลงไปที่ชั้นล่างพร้อมกับขานรับ“ได้ๆๆๆ”

เมื่อมาถึงห้องหนังสือ เย่ฉ่าวเฉินเปิดตู้หยิบเอาปืนที่บรรจุลูกกระสุมเต็มแม็กสองกระบอกออกมาและเหน็บไว้ที่ข้างเอว

“พี่ชาย ฉันจะไปกับนายด้วย”เย่ฉ่าวเหยี่ยนยืนอยู่หน้าประตู มีสีหน้าที่เด็ดเดี่ยวและเย็นชา

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เขา“ฉ่าวเหยียน ฉันไม่อยากให้นายไปเสี่ยงอันตราย”

“พี่ชาย ฉันก็กลัวว่านายจะเกิดเรื่อง ฉันจำเป็นต้องไป”

เย่ฉ่าวเฉินฉุดคิดสักครู่ และหยิบปืนออกมาอีกกระบอกพร้อมกับโยนให้เขา “ดูแลตัวเองให้ดีด้วย และจำไว้ว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับฉัน นายอย่าพยายามทำเกินกำลัง ”

“ฉันรู้”

สองพี่น้องลงมาที่ชั้นล่างรถปอร์เช่คาเยนน์คันสีดำก็มาจอดรออยู่แล้วที่หน้าประตู

เฉียวซินโยวมองเห็นไกลๆว่าทั้งสองคนกำลังออกไป รีบวิ่งกลับไปที่ห้องและใช้โทรศัพท์ส่งข้อความถึงหนานกงเฮ่า:เย่ฉ่าวเฉินรู้ที่อยู่ของคุณแล้วให้รีบเคลื่อนย้าย

อีกด้านหนึ่ง มู่เวยเวยได้แอบฟังหนานกงเฮ่าที่หน้าประตูอยู่สักพักและค่อยค่อยผลักประตูเข้าไป ข้างประตูก็คือห้องอาบน้ำ ด้านในมีเสียงของน้ำจากฝักบัวดังเล็ดลอดออกมา เมื่อเข้าไปทางด้านในอีกนิดก็เจอกับเตียงที่เขาถอดเสื้อผ้ากองไว้

มู่เวยเวยหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกองเสื้อผ้าออกมาอย่างคล่องแคล่ว เธอถึงกับมึนงงไปสักพัก เมื่อเห็นว่าโทรศัพท์มีรหัสผ่าน

คนเลว!

มู่เวยเวยขมวดคิ้วคิดแล้วคิดอีก เธอหยิบเอาบัตรประชาชนที่แนบอยู่ในกระเป๋าเงินออกมาของเขาออกมา และใส่รหัสวันเกิดของเขาเข้าไป ปรากฏว่ามันไม่ถูกต้อง

แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกบ้าง?

มู่เวยเวยมองที่ห้องอาบน้ำไปพลาง คิดอย่างกระวนกระวายใจไปพลาง รอเดี๋ยว มันจะใช่วันเกิดของตัวฉันเองหรือเปล่านะ?

ไม่สนแล้วลองดูก่อนค่อยว่ากัน

0623!!

พระเจ้า !ปลดล็อคได้แล้ว

มู่เวยเวยดีใจจนเกือบจะส่งเสียงพูดออกมา

ทันทีที่โทรศัพท์ถูกปลดล็อค“ติ๊งต๊อง”มีข้อความส่งเข้ามา เมื่อกดเข้าไปดูพบว่าเป็นข้อความที่เฉียวซินโยวส่งมา

เมื่ออ่านข้อความจบ มู่เวยเวยรู้สึกตื่นเต้นจนมือสั่นไปหมด

เย่ฉ่าวเฉินมาตามหาฉันงั้นหรอ?

ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องโทรศัพท์ไปหาเขาแล้วสิ?

หนานกงเฮ่าอ้อมไปเปิดประตูรถทางด้านข้างคนขับ พร้อมพูดกับมู่เวยเวยว่า“ไปกันเถอะ”

มู่เวยเวยยืนอยู่นิ่งไม่ขยับ

หนานกงเฮ่ามองที่เธอ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่“เข้าไป”

มู่เวยเวยหันกลับไปถลึงตาใส่เขาด้วยความเกลียดชัง ไม่นั่ง และจะทำไม?

หนานกงเฮ่าที่ไม่ได้ยินความคิดของเธอ พร้อมกับหัวเราะแบบซื่อๆ“ดื้อจริงๆ”

จากนั้น มู่เวยเวยรู้สึกได้เพียงว่ามีแสงจ้าพริบตาเดียว และรู้สึกเจ็บที่ต้นคอพร้อมกับโลกที่มืดมิดลง

ช่วงเวลาก่อนที่จะหมดสติลง ในใจของมู่เวยเวยกำลังตำหนิหนานกงเฮ่า คุณมันเป็นไอ้บ้าใช้วิธีทำให้ฉันสลบอีกแล้ว

พ่อบ้านหวังเห็นเหตุการณ์เข้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

หนานกงเฮ่าอุ้มเธอเข้าไปตำแหน่งที่นั่งด้านข้างคนขับ รัดเข็มขัดให้เธอ จากนั้นก็อ้อมไปขึ้นรถทางด้านหน้าหน้า สตารท์รถและจากไป

……

หลังจากที่เย่ฉ่าวเฉินกับจางเห่อเจอกัน พวกขาขับรถด้วยความเร็วมุ่งไปทางคฤหาสน์ส่วนตัวของหนานกงเฮ่า

“ผมทำการตรวจสอบสภาพบริเวณรอบๆแล้ว ทางขึ้นลงภูเขามีแค่ทางเดียว วางใจได้ เขาหนีไม่พ้นหรอก”เย่ฉ่าวเหยียนดูข้อมูลจากคอมพิวเตอร์จอแบนที่อยู่ในมือพร้อมกับปลอบโยนอารมณ์เย่ฉ่าวเฉิน เพราะเขารู้สึกได้ว่าคันเร่งรถของพี่ชายเหยียบหนักขึ้นเรื่อยๆ ล้อรถทั้งสี่ดูเหมือนจะเคลื่อนตัวหลุดออกจากรถไปแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินเม้มปากไม่พูดไม่จา สายตาจ้องไปทางด้านหน้า

หนานกงเฮ่ามีเพื่อนไม่มาก คิดไม่ถึงว่าเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวจะทำเรื่องให้ยุ่งยากจนขนาดต้องเสียเลือดเสียเนื้อ

มู่เวยเวยมีอะไรดี?ถึงสามารถทำให้หนานกงเฮ่าลืมเธอไม่ลง?ทำไมเขาถึงได้ดูไม่ออก?

เฉียวซินโยวที่ขับรถตามมาติดๆตลอดทาง อยู่บนรถโทรศัพท์หาหนานกงเฮ่านับครั้งไม่ถ้วน แต่ดูเหมือนว่าโทรศัพท์ปลายสายจะมีสถานะสายไม่ว่างอยู่ตลอดเวลา

ตอนแรกเธอยังคิดว่าหนานกงเฮ่ากำลังติดสายอยู่ แต่โทรไปตั้งหลายครั้งแล้ว เธอก็รู้ว่า ผู้ชายคนนั้นได้บล็อกเบอร์โทรของเธอไปแล้ว

หรือว่าเขาบ้าไปแล้ว? ถึงได้มาบล็อกเบอร์เธอเอาตอนนี้?

เมื่อรถขึ้นภูเขา ปอร์เช่คาเยนน์ที่ดูราวกับว่าเป็นเสือกำลังวิ่งไต่ขึ้นเขา เย่ฉ่าวเหยียนมองไปที่เข็มไมล์ความเร็วพร้อมกับค่อยๆจับไปที่ที่วางมือตรงประตูรถ

หลังจากที่ฟาดเหวี่ยงไปมาบนทางเลี้ยวอยู่หลายโค้ง รถก็วิ่งเข้าสู่ถนนทางตรง

ทันใดนั้น ก็มีรถคันสีดำวิ่งเข้ามาอยู่ในระยะสายตาแต่ไกล

“พี่ชาย นายดูสิ นั่นไม่ใช่รถของหนานกงเฮ่าหรอ”เย่ฉ่าวเหยียนพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

คันเร่งของเย่ฉ่าวเฉินยิ่งเหยียบหนักขึ้น ในดวงตาสีฟ้ามีแสงปรากฏแสงสว่างออกมา

“ใช่เขา!”เย่ฉ่าวเฉินพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ

“นายทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้น?”เย่ฉ่าวเหยียนรู้สึกประหลาดใจ ห่างกันตั้งไกลยังดูออก?

เย่ฉ่าวเฉินแสยะยิ้มขึ้นมา“มันเป็นสัญชาตญาณ”

รถสองคันขับด้วยความเร็วใกล้200ไมล์ และแล้วหนานกงเฮ่าก็มองเห็นถึงรังสีที่แผ่ออกมาจากรถปอร์เช่คาเยนน์คันนั้น เขารู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เย่ฉ่าวเฉิน?

ทำไมเขาถึงรู้ว่าตัวเองอยู่ที่นี่?

ทางบนเขาค่อนข้างแคบ แต่ก็กว้างพอที่จะให้รถสองคันวิ่งสวนทางกันได้ ทางด้านหนึ่งที่เป็นยอดเขาสูงตระหง่าน และอีกด้านหนึ่งที่มองไม่เห็นความลึกของเหลว เขาไม่ได้คำนึงถึงอันตรายเลยแม้แต่น้อย

ตามองไปที่รถที่แล่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มีเวลาคิดไม่นาน หนานกงเฮ่าแตะที่เบรกรถ จากนั้นก็หันหัวรถกลับไปทางที่เขาแล่นมา

“เป็นเขาจริงๆ ”เย่ฉ่าวเหยียนพูดด้วยความตื่นเต้น ไม่อย่างนั้นเขาจะกลับรถไปทำไม

“เชอะ ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะหนีไปไหนได้ ฉ่าวเหยียน ตรวจสอบดูหน่อยว่าถนนสายนี้สุดทางคือที่ไหน?”เย่ฉ่าวเฉินแสยะขึ้นด้วยทีท่าที่เย็นชา

“ได้ ”เย่ฉ่าวเหยียนดูที่คอมพิวเตอร์ของเขาพักหนึ่ง และพูดขึ้นว่า “สุดทางก็คือยอดเขาของเขาลูกนี้ ทางไปกลับก็มีเพียงทางเดียว ดูแล้วหนานกงเฮ่าคงจะหนีไม่พ้นแล้ว”

ความเร็วของปอร์เช่คาเยนน์นั้นเป็นที่รู้กันดี สิบนาทีหลังจากนั้น ก็สามารถตามรถหนานกงเฮ่าได้ทัน

หนานกงเฮ่าไม่อยากให้เย่ฉ่าวเฉินมาหยุดรถของเขาได้ เมื่่อปอร์เช่คาเยนน์เคลื่อนที่ไปทางไหน เขาก็แค่เคลื่อนที่ตามไป สุดท้ายเย่ฉ่าวเฉินก็จะทำได้แค่ตามเขาอยู่ทางด้านหลัง

เย่ฉ่าวเฉินมีความคิดชั่วขณะที่อยากจะชนเข้าไป แต่ข้างในรถมีมู่เวยเวย เขาจึงทำได้เพียงตามรถของเขาไปไม่ให้ถูกสลัดหลุดเท่านั้น

ยิ่งขับสูงขึ้นไปบนยอดเขา ทางยิ่งลาดชันขึ้นเรื่อยๆ แต่เย่ฉ่าวเฉินก็ขับขึ้นไปอย่างดุเดือด ความเร็วของรถไม่ได้ช้าลงเลยแม้แต่น้อย

แต่อย่างไรก็ตาม ถนนต้องมีจุดสิ้นสุด รถของหนานกงเฮ่าแล่นด้วยความเร็วขึ้นไปถึงยอดเขา เขาเหยียบไปที่เบรกอย่างแรง

เพราะถ้ายังแล่นต่อไป ด้านหน้าก็เป็นหน้าผาแล้ว

“เอี๊ยด——”เสียงเบรกของรถบนภูเขาอันเงียบสงบดังจนแสบแก้วหู ฝูงนกตกใจบินกันออกมาจำนวนมาก

ตามมาติดๆด้วยปอร์เช่คาเยนน์ที่แล่นขึ้นมาด้วยความเร็ว จากนั้นก็ค่อยๆลดความเร็วลงและจอดห่างจากรถของหนานกงเฮ่าประมาณสี่ถึงห้าเมตร

ยอดเขาทางทิศตะวันตกไม่ต่างจากยอดเขาทางทิศตะวันออกเลย ขาดเพียงศาลานั่งพักผ่อน

หนานกงเฮ่านั่งอยู่ในรถ หันไปมองที่มู่เวยเวยที่ยังไม่ได้สติ เขายื่นมือออกไปลูบเบาเบาที่แก้มอันขาวบริสุทธิ์ของเธอ

“เวยเวย เธอเป็นของฉัน ฉันจะไม่ยอมให้เขาเอาตัวเธอไป วางใจเถอะ”หนานกงเฮ่าพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

เย่ฉ่าวเฉินและเย่ฉ่าวเหยียนก็นั่งอยู่บนรถไม่มีการเคลื่อนไหว สายตาของทั้งสองคนจ้องมองไปยังรถคันที่อยู่ด้านหน้า ด้วยความสงสัย

บรรยากาศที่ดูเงียบอย่างผิดปกติ

เย่ฉ่าวเฉินสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด และเปิดประตูรถลงไป

“หนานกงเฮ่า ออกมา!”เขาตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

ทันใดนั้นหนานกงเฮ่าก็โน้มตัวเข้าไปจูบลงบนหญิงอันเป็นที่รักอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ลงจากรถไป

การเผชิญหน้ากันของเพื่อนรักในอดีต ไม่มีแล้วซึ่งความรู้สึกอบอุ่นท่าทีที่อ่อนโยนและความหวังดี เหลือไว้เพียงแต่ความเกลียดชังและโกรธ

“มู่เวยเวยล่ะ?เอาตัวเธอส่งมาให้ฉัน”

แขนของหนานกงเฮ่าค้ำอยู่กับประตูของรถ ท่าทางของเขายังคงเหมือนกับคาสโนวาเช่นเดิม เขาแสยะยิ้มและมองไปที่เย่ฉ่าวเฉิน“เธอไม่อยากจะเจอนาย แล้วทำไมฉันต้องส่งตัวของเธอให้กับนายล่ะ”

เย่ฉ่าวเฉินแสยะอย่างเย็นชา“งั้นนายก็ให้เธอออกมาพูดกับฉันเองสิ”

ที่เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความมั่นใจแบบนี้ นั้นก็เป็นเพราะว่าข้อความฉบับนั้น แม้ว่ามู่เวยเวยจะเป็นคนส่งข้อความมาขอร้องให้เขาช่วย แต่เมื่อเขามาแล้ว ทำไม่เธอยังไม่โผล่หน้าออกมาล่ะ

มีความไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือหนานกงเฮ่าทำให้เธอหมดสติไปเหมือนกับครั้งที่แล้ว

หนานกงเฮ่าไม่ยอมถอยพร้อมกับยักไหล่และพูดขึ้นว่า“นายลืมเรื่องครั้งก่อนที่เกิดในโรงพยาบาลไปแล้วหรอ?สำหรับเธอแล้วแค่มองยังไม่อยากจะมองของนายเลย แล้วคิดว่าเธอทำไมต้องอยากออกมาคุยกับนายอีกละ”

มือข้างหนึ่งของเย่ฉ่าวเฉินล่วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง อีกข้างหนึ่งกำปืนกระบอกหนึ่งที่เหน็บอยู่ที่เอว ดูมีท่าทางสบายๆ“หนานกงเฮ่า เราลองมาคุยกันดีกว่าไหม”

“ได้ คุยเรื่องอะไรดีล่ะ?”หนานกงเฮ่าพิงไปที่รถ

เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงปกติกว่า “นายปล่อยตัวมู่เวยเวยมา เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนฉันจะไม่เรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก และจะปล่อยนายไป ข้อเสนอนี้เป็นไงบ้าง?”

หนานกงเฮ่าขมวดคิ้วพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วน พยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า“ฟังดูแล้วไม่เลว……แต่จะทำยังไงดีล่ะ ในเมื่อฉันต้องการเพียงเวยเวย”

ร่างกายของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความโกรธที่ประทุออกมาและมองไปที่เขาด้วยสายตาที่เย็นชา “หนานกงเฮ่า นายก็ไม่ลองคิดดูว่า ถ้าหากว่านายไม่มีชีวิตอยู่ต่อแล้ว นายยังจะมีหน้ามาต้องการมู่เวยเวยอยู่อีกหรอ?”

หนานกงเฮ่าพูดอย่างไม่สนใจว่า“งั้นฉันก็จะเอาเวยเวยลงหลุมไปกับฉันด้วย พวกเราจะเป็นคู่สามีภรรยาที่อยู่ในโลกความมืดก็ดูไม่เลว”

เย่ฉ่าวเฉินไม่รู้ว่าทำไม เขาจึงโมโหระเบิดออกมาไม่หยุด “หนานกงเฮ่า นานเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง?นายยังเป็นหนานกงเฮ่าคนที่ฉันรู้จักอยู่หรือเปล่า?เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวถึงขนาดว่าชีวิตก็ไม่ต้องการ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ