วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 165

"คือว่าภรรยาของผม" เย่ฉ่าวเฉินชี้ไปที่มู่เวยเวย "เธอเป็นแฟนคลับของคุณ อยากถ่ายรูปด้วย ไม่ทราบว่าสะดวกไหม?"

"เป็นเกียรติของฉัน" หวางเจียข่ายพูดอย่างครุ่นคิด "แสงที่นี่ไม่ดีไปด้านภรรยาของคุณกันเถอะ"

"ขอบคุณมากนะครับ" เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากให้มู่เวยเวยเดินพอดี เขาพูดแบบนี้ยิ่งเข้าทางเลย

มู่เวยเวยมองไอดอลกับเย่ฉ่าวเฉินพูดคุยหยอกล้อกันเดินมาทางนี้ ใจเต้นแรง ใบหน้าเริ่มเขินแดง

ยังไงไอดอลก็คือไอดอล เขายื่นมือออกมาอย่างสุภาพและพูดว่า "สวัสดี ฉันหวางเจียข่าย"

มู่เวยเวยถูกรอยยิ้มเขาทำให้มึนมน รีบจับมือเขาและพูดว่า "สวัสดี ฉันชื่อมู่เวยเวย ฉัน...... "

หวางเจียข่ายเห็นเธอกระวนกระวายจนพูดไม่ออก เขาคุ้นเคยกับเหตุการณ์แบบนี้ จัดการได้อย่างสบายใจ "ขอบคุณที่สนับสนุน ฉันขอถ่ายรูปกับเธอได้ไหม?"

"อ้อ...... ได้ค่ะ ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ฉันชอบคุณมาหลายปีแล้ว...... "

นายหวางเป็นสุภาพบุรุษมากเชิญเธอมาข้างๆ เขาตัวสูงและเมื่อถ่ายรูปเขาเอามือไพล่หลังและพิงขาเล็กน้อย มู่เวยเวยหัวเราะคิกคักเหมือนคนบ้า

เย่ฉ่าวเฉินถ่ายภาพเสร็จก็พูดขอบคุณเขาอีกครั้ง "หวังว่าฉันจะได้ร่วมงานกับคุณหวางในอนาคต"

“ ฉันก็ตั้งหน้าตั้งตารอเหมือนกัน”

หลังจากที่ไอดอลจากไปมู่เวยเวยก็หายจากอาการช็อก

"ไหนรูปถ่าย? ให้ฉันดูหน่อย " มู่เวยเวยถามเย่ฉ่าวเฉินด้วยความตื่นเต้น เขาเอารูปถ่ายในมือถือให้เธอดูอย่างไม่พอใจ

"ฉันขี้เหร่ไปไหม ฮ่าฮ่าฮ่า......แต่ว่าไอดอลของฉันหล่อก็พอละ"

ตอนแรกก็คิดว่าจะให้คุณหวางมาเป็นนายแบบ เห็นมู่เวยเวยคลั่งขนาดนี้ ก็ช่างมันเถอะ เขากลัวมู่เวยเวยจะหลงเกินจนจำตัวเองแทบไม่ได้ว่าเป็นใคร

หลังจากพิธีมอบรางวัลเสร็จก็มีงานเลี้ยงค็อกเทลสุดหรูซึ่งจัดขึ้นเป็นพิเศษให้กับโลกธุรกิจและแวดวงบันเทิง

มู่เวยเวยดื่มเหล้าไม่ได้ น้ำอัดลมก็ไม่ได้ เย่ฉ่าวเฉินให้เด็กเสิร์ฟไปรินน้ำอุ่นให้หนึ่งแก้ว

“ ที่นั่นมีของหวาน อยากไปกินสักหน่อยไหม?” เขาถามด้วยความห่วง

มู่เวยเวยส่ายหัว ตอนนี้เธอไม่ชอบของหวานเลย

"ประธานเย่ ฉันตามหาคุณทุกที่เลย ทำไมมาหลบอยู่ที่นี่?"

เย่ฉ่าวเฉินและมู่เวยเวยหันกลับมา ผู้อำนวยการของแฟชั่นนิตยสารที่กำลังถือแก้วไวน์มองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้ม มีสาวสวยยืนอยู่ข้างๆ

ดวงตาของมู่เวยเวยประกายขึ้น นี่ไม่ใช่ดาราที่เพิ่งได้รับรางวัลเหรอ?

เย่ฉ่าวเฉินยืนขึ้นและจับมือกับเขา "ประธานตู"

ประธานตูมองมู่เวยเวย ถามว่า "คนนี้คือ...... "

"ภรรยาของฉัน มู่เวยเวย" เย่ฉ่าวเฉินแนะนำ ช่วยพยุงมู่เวยเวยลุกขึ้น "เวยเวย นี่คือมือหนึ่งแห่งวงการแฟชั่น"

"ที่แท้ก็เป็นคุณนายเย่นี่เอง ทำไมฉันรู้สึกคุ้นๆจัง?" ประธานตูมองเธอ รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหน?

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า "เธอเคยขึ้นปกนิตยสารเสื้อผ้าที่สวยงามของคุณ"

ทันใดนั้นประธานตูก็นึกขึ้นได้ "อ้อ! ใช่ใช่ใช่ ฉันจำได้แล้ว ตอนนั้นฉันยังบอกกับเขาอยู่เลยว่า บริษัทเย่ฮวางครั้งนี้มีนักออกแบบที่หัวทันสมัยมาก รูปแบบการออกแบบมีความกล้าหาญและสร้างสรรค์ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นภรรยาของประธานเย่”

มู่เวยเวยไม่ค่อยได้รับการยกย่องแบบนี้ เธอไม่รู้ว่ามันจริงใจหรือแค่พูดเอาใจต่อหน้าเย่ฉ่านเฉิน

“ คุณชมเกินไปแล้ว ฉันไม่ได้ขนาดนั้นหรอกค่ะ” มู่เวยเวยพูดอย่างถ่อมตัว

ประธานตูแนะนำสาวสวยที่อยู่ข้างๆเขา "นี่คือคุณซูหยา ที่เพิ่งได้รับรางวัลดาราที่น่าสนใจประจำปี ซูหยา นี่คือประธานเย่ของบริษัทเย่ฮวางกรุ๊ป"

"สวัสดี เย่ฉ่าวเฉิน" เย่ฉ่าวเฉินยื่นมือออกไปและจับมือของเธอเบา ๆ และรีบปล่อย

ซูหยายิ้มหวานและพูดว่า “ ประธานเย่ ฉันได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะได้พบคุณในวันนี้”

อุตสาหกรรมบันเทิงและผู้ประกอบการเชื่อมโยงกัน ประธานตูสามารถพาซูหยามาหาเย่ฉ่าวเฉินด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะใกล้ชิดกันมากและมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน

มู่เวยเวยเฝ้าดูพวกเขาคุยกัน เธอรู้สึกเบื่อเล็กน้อย จึงดื่มน้ำไปไม่กี่คำ ในตอนนี้เธออยากเข้าห้องน้ำมาก เธอกำลังจะบอกให้เย่ฉ่าวเฉินว่าจะไปห้องน้ำ ทันใดนั้นสาวเสิร์ฟที่สวมรองเท้าส้นสูงก็เดินเซ แก้วไวน์ที่อยู่ในถาดก็ร่วงลงมาที่เธอ ตาและมือของเย่ฉ่าวเฉินไวมาก รีบดึงมู่เวยเวยไว้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงแก้วที่แตกลงพื้น

“ ขอโทษนะคะ ขอโทษ ” หญิงสาวก้มลงขอโทษอย่างรีบร้อน

เย่ฉ่าวเฉินรีบดูร่างกายของมู่เวยเวยด้วยความกังวล แขนเสื้อของเธอมีไวน์เปื้อนเล็กน้อย รองเท้าสีขาวของเธอเต็มไปด้วยไวน์แดง

"ขอโทษนะคะ ฉันไม่ทันระวังเอง ขอโทษ...... "

ก่อนที่เย่ฉ่าวเฉินจะโกรธ มู่เวยเวยก็พูดว่า "ไม่เป็นไร ฉันไปล้างออกที่ห้องน้ำก็พอแล้ว"

“ ฉันต้องขออภัยด้วยจริงๆ หรือว่าฉันเอาเสื้อผ้าของคุณไปซักให้” หญิงสาวกังวลจนจะร้องไห้

มู่เวยเวยโบกมือให้เธอ "ฉันบอกว่าไม่เป็นไร เธอไปเถอะ"

เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าเธอไม่อยากให้พนักงานเสิร์ฟต้องอับอาย เขาจึงพูดกับประธานตูและซูหยาว่า "ฉันขอตัวไปห้องน้ำกับเวยเวยก่อน ทั้งสองคนรอสักครู่นะ"

ประธานตูรู้สึกเสียหน้า แถมนี่ยังเป็นงานของเขา เขาโกรธมากและตำหนิหญิงสาวว่า "นี่แกทำอะไรของแก?"

มู่เวยเวยรีบพูดแทนหญิงสาวว่า "ประธานตู ฉันไม่เป็นไรจริงๆ อย่าตำหนิเธอเลย"

"วันนี้ฉันเห็นแก่คุณนายเย่ไม่เอาเรื่องแก ครั้งหน้ายังเป็นแบบนี้ ก็ลาออกไปซะ"

หญิงสาวพูดเบาๆสองคำ"ขอโทษ" จากนั้นโค้งคำนับให้กับมู่เวยเวยและพูดว่า "ขอบคุณ"

"ไม่เป็นไร" มู่เวยเวยไม่ต้องการเป็นจุดสนใจของผู้คน ดึงแขนเสื้อของเย่ฉ่าวเฉินและกระซิบ "ไปกันเถอะไปห้องน้ำ"

เย่ฉ่าวเฉินจับมือเธอแล้วพูดว่า "เดินช้าๆ" โชคดีที่วันนี้ฉันใส่รองเท้าผ้าใบถ้าเป็นรองเท้าส้นสูงหรือรองเท้าแตะเท้าอาจถลอกได้

ทั้งสองเดินไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ซูหยายกแก้วไวน์ขึ้น มองไวน์สีแดงไหลลงมาในนั้นดวงตาของเธอแสดงความอิจฉาออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ประธานเย่ดีกับภรรยาของเขาจริงๆ” ซูหยาถอนหายใจ

ประธานตูพยักหน้า“ ดีมากจริงๆ ฉันยังไม่เคยเห็นเลยว่าเย่ฉ่าวเฉินจะใส่ใจใครขนาดนี้ อย่าว่าแต่เมื่อกี้ที่เขาคุยกับเราเลย จริงๆใจเขาอยู่ที่ตัวภรรยาเขา ไม่อย่างงั้นปฏิกิริยาเมื่อกี้จะไวขนาดนั้นหรอ?”

ซูหยายิ่งอิจฉา เธอสวยกว่ามู่เวยเวยมาก แต่ทำไมถึงไม่มีใครดีกับเธอแบบนี้บ้าง?

ที่ประตูห้องน้ำ เย่ฉ่าวเฉินจะตามเข้าไปด้วย แต่มู่เวยเวยห้ามไว้

“ เธอจะเข้าไปห้องน้ำผู้หญิงด้วยทำไม? รออยู่ที่นี่แหละ”

เย่ฉ่าวเฉินมองลงไปที่รองเท้าของเธอและพูดอย่างเป็นห่วง "เธอไปคนเดียวได้หรอ?"

มู่เวยเวยพูดไม่ออก“ ฉันแค่ท้อง ไม่ใช่คนพิการ”

“ ทำไมพูดแบบนี้?” เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วและจ้องไปที่เธอ

มู่เวยเวยเหลือบมองเขาจากนั้นก็หันเข้าไปในห้องน้ำผู้หญิง

เย่ฉ่าวเฉินเดินไปเดินมา ยืนอยู่ไม่กี่นาที เขายิ่งอยู่ยิ่งกระวนกระวาย แค่ไม่เห็นเธอวินาทีเดียว หัวใจของเขาก็ตื่นตระหนก

รอยยิ้มที่ขมขื่นในใจ เย่ฉ่าวเฉิน ไม่คิดว่าเธอจะมีวันนี้ด้วย

“ เฮ้ นี่ใช่ประธานเย่ไหม? คุณกำลัง...... ” คนรู้จักเดินออกมาจากห้องน้ำผู้ชาย

เย่ฉ่าวเฉินแสร้งทำเป็นหยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง "สูบบุหรี่"

“อ้อ ได้ยินมาว่าโปรเจคของคุณถูกบริษัทมู่ขโมยไปหรอ?” ชายคนนั้นหยิบบุหรี่ที่เย่ฉ่าวเฉินส่งให้และพูดต่อ “ตระกูลเย่ของคุณกับตระกูลมู่เป็นญาติกันไม่ใช่หรอ? ทำไมมู่เทียนเย่ถึงยังขโมยของคุณ?”

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะออกมา ไม่อยากยอมรับว่าเขาแพ้จึงพูดว่า "มู่เทียนเย่ไม่ได้ขโมยไปหรอกแต่ฉันมอบมันให้เขาเอง ถือว่าเป็นของขวัญที่เขากลับมา"

ชายคนนั้นตบไหล่เขาและพูดว่า "ประธานเย่นี่ใจถึงจริงๆ ให้ของขวัญเป็นร้อยร้อยล้าน...... "

พูดถึงตรงนี้ ไฟทั้งหมดในงานเลี้ยงก็ดับลงอย่างกะทันหัน มืดสนิท

“ ไฟดับหรอเนี่ย?”

“ เอ้ะ ทำไมมืดไปหมด? ”

มีเสียงประหลาดใจในห้องโถง เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกไม่ปกติ ไม่สนว่าข้างในจะเป็นยังไงเป็นห่วงผู้หญิงของเขาก็เลยบุกเข้าไป ทันทีที่เข้าไปถึงห้องน้ำ ไฟก็สว่างขึ้น

ที่หน้ากระจกผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนแต่งหน้า เธอยืนอยู่ที่นั่นก่อนที่ไฟจะดับแล้ว เมื่อเห็นเย่ฉ่าวเฉินเข้ามาก็ตกใจ "คุณ......คุณเข้ามาทำอะไร?"

เย่ฉ่าวเฉินไม่สนใจเธอและตะโกนว่า "เวยเวย คุณเป็นอย่างไรบ้าง?"

ไม่มีใครตอบ หัวใจของเย่ฉ่าวเฉินเริ่มกังวลและเขาก็ตะโกนอีกครั้งว่า "เวยเวย?"

ยังคงไม่มีใครตอบรับ

ห้องน้ำผู้หญิงมีอยู่สี่ห้อง มีสามห้องที่ว่างอยู่ แต่ห้องตรงกลางมีคนอยู่ข้างใน เย่ฉ่าวเฉินเดินไปและเคาะประตู “เวยเวย”

"อ๊าก-ใครอะ!!" มีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่มู่เวยเวย

เย่ฉ่าวเฉินตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็หันกลับไปถามผู้หญิงอีกคนอย่างใจจดใจจ่อ "ผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาใส่เสื้อโค้ทสีชมพูอยู่ที่ไหน?"

“ คุณหมายถึงผู้หญิงที่ถูกไวน์หกใส่เสื้อเหรอ?”

"ใช่ เธออยู่ไหน?"

ผู้หญิงคนนั้นชี้ไปที่ประตู "เธอออกไปเมื่อกี้แล้วนิ"

เย่ฉ่าวเฉินตกตะลึง เป็นไปไม่ได้เขายืนอยู่ที่ประตูตลอด หรือว่า......ตอนที่เขากำลังคุยกับผู้ชายคนนั้น เธอก็แอบวิ่งหนีไป?

เมื่อคิดถึงเช่นนี้ เย่ฉ่าวเฉินก็วิ่งออกจากห้องน้ำและรีบวิ่งไปที่ประตู เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา "จางเหอ เฝ้ามองที่ประตูดี ถ้าเห็นมู่เวยเวยให้ตามไปทันที มู่เทียนเย่หรือหนานกงเฮ่าก็อย่าปล่อยมันไป”

"ครับ เจ้านาย!" จางเหอรีบตอบรับ เย่ฉ่าวเฉินวางสายโทรศัพท์ แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเขาร้องออกมาคำนึง “เห้ย—“

เย่ฉ่าวเฉินวิ่งไปที่ชั้นสาม ทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาจึงรีบถามว่า "เมื่อกี้แกเห็นใคร?"

“ มันคือมู่เทียนเย่ เขาพาคุณนายเย่ไปแล้ว......เจ้านาย พวกเขาขึ้นรถไปแล้ว”

"ตามไป" เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างโมโห "โทรรายงานตลอด ฉันจะรีบตามไป"

"โอเค ฉันเข้าใจแล้ว"

วิ่งไปถึงประตูโรงแรม ไม่มีรถ เย่ฉ่าวเฉินรีบวิ่งไปที่ถนนไม่ไกล

เขาขึ้นแท็กซี่คันหนึ่ง เย่ฉ่าวเฉินรับสายโทรศัพท์ของจางเหอและถามว่า "ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน?"

“ บนถนนหวู่ตง มู่เทียนเย่ดูเหมือนจะขับรถมุ่งหน้าไปยังชานเมืองด้านตะวันออก”

"รู้แล้ว ตามพวกมันไป" เย่ฉ่าวเฉินพูดกับคนขับรถ "คุณครับ ถนนหวู่ตง"

คนขับเหลือบมองเขาและพูดติดตลกว่า "เฮ้อ ไล่ตามคนหรอ"

“ เร็วกว่านี้ได้ไหม?” เย่ฉ่าวเฉินเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่

คนขับมองไปที่เขาสวมสูทและรองเท้าหนังและสีหน้าของเขาก็ไม่สบายใจ“ พี่ชาย นี่มันรถแท็กซี่นะจะเร็วแค่ไหนก็เทียบกับรถสปอร์ตไม่ได้หรอก”

เย่ฉ่าวเฉิน หยิบเงินออกมาจากกระเป๋า

วางไว้ตรงหน้าเขา "ถ้าตามทันรถที่ฉันตามอยู่ ทั้งหมดนี่เป็นของคุณ"

เมื่อคนขับรถเห็นมัน ดวงตาเต็มไปด้วยประกายเขาเหยียบคันเร่งและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า "พี่ชาย ไม่ต้องเป็นห่วง ก็แค่ไล่ตามคนไม่ใช่หรอ ตามทันแน่นอน "

แน่นอนว่าพี่ชายคนนี้ไม่ได้ขับแท็กซี่ด้วยความเร็วรถสปอร์ต แต่ด้วยความรู้เส้นทางถนนในเมือง A หลังจากเลี้ยวไปหลายทาง เย่ฉ่าวเฉินก็เห็นคาเยนน์ของเขา

"จางเหอ ฉันเห็นแกแล้ว รถของมู่เทียนเย่คันไหน?"

“ รถปอร์เช่สีแดงข้างหน้า” จางเหอจ้องมองไปที่รถเพราะกลัวว่ามันจะหายไปต่อหน้าต่อตา แต่เขารู้สึกแปลกๆในใจของเขา เห็นได้ชัดที่แยกเมื่อกี้ มู่เทียนเย่พยายามดีดตัวออก แต่ตรงกันข้ามตอนนี้เขากลับช้าลงราวกับว่ารอให้เขาตามทัน

คงไม่มีแผนการอะไรใดๆหรอกมั้ง

หรือว่า เขาไม่เคยสังเกตเห็นตัวเองเลย?

รถไล่ตามกันสามคัน หนึ่งชั่วโมงผ่านไปออกจากเมืองA เย่ฉ่าวเฉินสงสัยเล็กน้อยมู่เทียนเย่จะพาเวยเวยไปที่ไหน? ทางทิศตะวันออกตรงนั้นก็เป็นทะเล หรือว่าพวกเขาจะนั่งเรือหนีไป?

ตลอดทางไปทางทิศตะวันออก แท็กซี่ออกมาถึงชานเมืองก็ไม่มีประโยชน์ รถสองคันข้างหน้าเป็นรถสปอร์ต ต่อให้คนขับมีความชำนาญมากแค่ไหน ประสิทธิภาพของรถก็สู้ไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูรถสองคันยิ่งอยู่ยิ่งวิ่งไปไกล ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป อีกสักพักก็คงไม่เห็นแม้แต่เงาของรถ

เย่ฉ่าวเฉินไม่มีทางเลือก "จางเหอหันกลับมารับฉัน คนขับรถ จอดรถ"

พี่ชายคนขับพูดอย่างอาย ๆ ว่า "ขอโทษด้วยนะความเร็วของรถคันนี้เทียบไม่ได้กับรถสปอร์ตจริงๆ"

หลังจากรถแท็กซี่จอดแล้ว รถคาเยนน์ก็มาถึง เย่ฉ่าวเฉินก็รีบลงรถและขึ้นรถ

พี่ชายคนขับมองไปที่คาเยนน์ที่หายไปในพริบตาพูดชมว่า "รถดีก็เร็วแบบนี้แหละ" แล้วนับเงินตรงหน้าด้วยความดีใจ

......

บนหน้าผาริมทะเลรถปอร์เช่สีแดงจอดอยู่นิ่งๆ เหมือนเสือชีต้าที่เหนื่อยล้า

"บูม -"

จู่ๆคาเยนน์ก็หยุดอยู่ห่างออกไปสิบเมตร

เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองไปที่รถคันข้างหน้าอย่างเย็นชาและพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ

นอกเหนือจากเสียงลมและคลื่นแล้วก็ไม่มีเสียงอื่นๆอีก มู่เทียนเย่คิดจะทำอะไรทำไมมาจอดรถไว้ที่นี่?

“ จางเหอ แกแน่ใจหรอว่าข้างในคือมู่เทียนเย่?” เย่ฉ่าวเฉินถามเขา

“เป็นมู่เทียนเย่แน่นอน เขายังยิ้มหยามออกมาให้ฉันเลย” จางเหอตอบด้วยความมั่นใจ

เย่ฉ่าวเฉิน เปิดช่องหน้ารถทางด้านขวามือของรถหยิบปืนพกออกมาและบรรจุกระสุนทีละนัด

"เมื่อกี้คุณกล้าหาญมาก ลองหายใจเข้าลึกๆสักสองสามครั้ง"

ภายใต้การปลอบของพยาบาลทำให้มู่เวยเวยค่อยๆสงบลง ในเวลานั้นรถก็ขับออกมาจากโรงแรม

“ พี่ชายของฉันล่ะ? พวกเราจะไปไหน?” มู่เวยเวยถามพยาบาล

"เจ้านายหลอกเย่ฉ่าวเฉินออกไปอีกทาง ตอนนี้พวกเราต้องออกจากเมือง A ก่อน" พยาบาลตอบสั้น ๆ

มู่เวยเวยตกตะลึง เธอคิดว่าพี่ชายของเธอรอเธออยู่ที่นี่ แต่ไม่คาดคิดว่าพี่จะเป็นคนไปล่อเย่ฉ่าวเฉิน

“ เขา......เขาไม่บอกหรอว่าต้องไปเจอกันที่ไหน?”

"ไม่ได้บอกค่ะ ถ้าถึงแล้วจะมีคนมารับเรา คุณไม่ต้องเป็นห่วง" พยาบาลนึกอะไรบางอย่างได้ หยิบเอกสารจากกระเป๋ามาให้เธอ "เจ้านายบอกให้เอานี่ให้คุณ "

มู่เวยเวยเปิดมันและเห็นว่ามันเป็นเอกสารการโอน อีกด้านเป็นชื่อของมู่จางรุ่ย อีกด้านเป็นชื่อเธอ เมื่อเธอเห็นก็ลืมตาโตขึ้น พี่ชายของเธอนำทรัพย์สินทั้งหมดที่มู่ชางรุ่ยที่เอาไปจากตระกูลมู่เปลี่ยนเป็นชื่อของตัวเอง ซึ่งรวมทรัพย์สินหลายอย่าง ส่วนของบริษัท และรถหรูหลายคัน

อสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ถูกขายและเงินจะถูกฝากไว้ในบัญชีธนาคารของสวิสที่เขาเปิดให้เธอและเธอสามารถนำมันไปเบิกได้ เมื่อเธอไปถึงที่นั่น

มู่เวยเวยไม่เข้าใจเขาทำแบบนี้ทำไม เขาให้พวกนั้นเพื่ออะไร? จัดแจงทุกอย่างเหมือนว่าเขาจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว?

ยิ่งคิดยิ่งไม่ถูก ไม่ได้ เธอจะไปง่ายๆแล้วปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้

เธอเข้าใจเย่ฉ่าวเฉิน หากเขารู้ว่าพี่ชายหลอกเขา เขาจะลงไม้ลงมืออย่างรุนแรง หรือไม่ก็อาจลงมือฆ่าพี่ชาย......

เธอไม่สามารถเอาอิสระของตัวเองมาแลกกับชีวิตของพี่ชายได้ ถ้าอย่างงั้นเธอยอมอยู่กับเย่ฉ่าวเฉินทั้งชีวิตก็ยังได้ เธอต้องการให้พี่ชายมีชีวิตอยู่

"คุณรู้ไหมว่าพี่ฉันจะพาเย่ฉ่าวเฉินไปไหน" มู่เวยเวยพูดขึ้น

พยาบาลมองเธออย่างกังวล“ คุณจะถามทำไม?”

"พาฉันกลับไป" มู่เวยเวยพูดอย่างหนักแน่น "คุณต้องรู้แน่ว่าพี่ฉันอยู่ที่ไหน พาฉันกลับไป"

พยาบาลและสาวแต่งหน้าเหลือบมองหน้ากันแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า "เจ้านายสั่งให้ฉันพาคุณออกจากเมือง A ส่วนเรื่องอื่นเราไม่ต้องไปยุ่ง"

มู่เวยเวยจับแขนเธออย่างกระวนกระวาย“พี่สาวคนสวย เขาเป็นพี่ชายฉัน ไม่สนได้ยังไง พวกคุณไม่รู้จักเย่ฉ่าวเฉิน เขาเป็นคนบ้า ถ้าเขารู้ว่าพี่ฉันหลอกเขา เขาต้องฆ่าพี่ฉันแน่ๆ แล้วพวกเขายังมีเรื่องบาดหมางกันมากขนาดนั้น"

เห็นได้ชัดว่าพยาบาลมั่นใจในตัวมู่เทียนเย่มาก "คุณหนูมู่ ต่อให้เย่ฉ่าวเฉินจะฆ่าเจ้านาย เขาก็ต้องมีความกล้านั้นถึงจะทำได้"

มู่เวยเวยไม่สามารถบอกพวกเขาได้ว่าเย่ฉ่าวเฉินมีพลังเหนือธรรมชาติดังนั้น เธอจึงสามารถอธิบายได้แค่“ ไม่ คุณไม่เข้าใจความสามารถของเย่ฉ่าวเฉิน ไม่อย่างงั้นพี่จะเอาทั้งหมดนี่ให้ฉันทำไม นี่คือการเตรียมไว้ก่อนไปตาย ฉันจะปล่อยให้พี่ชายตัวเองไปตายได้ยังไง?”

พยาบาลยังคงไม่เห็นด้วย“ คุณหนูมู่ ยกโทษให้พวกเราด้วยที่ไม่สามารถฟังคุณได้ ยังยืนยันคำนั้น เจ้านายสั่งอะไรไว้เราทำอันนั้น อย่างอื่นก็ไม่ต้องสนใจ”

มู่เวยเวยรู้สึกกังวล“ เขากำลังจะตายแล้ว ยังจะมาอะไรเจ้านงเจ้านายอีก จะให้ฉันเป็นคนทำพี่ตายหรอ?”

บรรยากาศในรถเริ่มนิ่ง......

หลังจากที่มู่เวยเวยสงบลง เธอก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า "เอาอย่างงี้ พาฉันไปที่พี่ฉันอยู่ และคอยดูจากไกลๆถ้าพี่ชายของฉันสบายดีเราจะหันหลังกลับและหากเขาโทษพวกคุณ ฉันจะรับโทษแทนเอง โอเคไหม?”

ผู้หญิงสองคนในรถก็ไม่พูด

“ พี่สาว ฉันขอร้องล่ะ......พวกคุณก็ไม่อยากเห็นพี่ฉันตายใช่ไหม? พี่สาว......”

"เอาล่ะเอาล่ะ เสี่ยวจาง เลี้ยวกลับไปที่ทะเล" พยาบาลอดทนไม่ไหว เธอถูกมู่เวยเวยพูดให้ใจอ่อน เพราะเธอเองก็ไม่อยากให้เจ้านายตัวเองตาย

มู่เวยเวยดีใจมาก กอดไหล่ของพยาบาลและพูดว่า "ขอบคุณ"

"เธอ...... เธอรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อฝ่าฝืนคำสั่ง" ผู้หญิงอีกคนหันศีรษะและจ้องมองไปที่พยาบาลด้วยสายตาที่ไม่น่าเชื่อ

พยาบาลเหลือบมองเธอและพูดว่า "ก็ต้องรอดูถ้าเขายังมีชีวิต"

ถ้าเขาตาย จะพูดถึงบทลงโทษทำไม?

ไม่มีใครพูด

......

ริมทะเล

ดวงอาทิตย์กำลังจะจมลงสู่ก้นทะเล แสงของดวงอาทิตย์ทำให้พื้นผิวทั้งหมดเปียกโชกราวกับทะเลเพลิง

รถสองคัน คนสี่คนกลายเป็นสิ่งที่สะดุดตาในทะเลเพลิง

หลังจากที่เย่ฉ่าวเฉินบังคับตัวเองให้สงบลง เขาก็เริ่มไถ่ถามอีกครั้ง“ มู่เทียนเย่ แกพยายามหลอกฉันให้ออกมาที่นี่ เพื่ออยากพามู่เวยเวยไปใช่ไหม”

มู่เทียนเย่มองลงไปที่นาฬิกาของเขาและถอนหายใจอย่างโล่งอก“ สองชั่วโมงกว่าแล้ว ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เวยเวยก็น่าจะขึ้นเครื่องบินแล้ว” หึม เขาไม่อยากจะเชื่อ เขากลัวที่จะเกิดอันตราย รีบโอนย้ายไปยังเครื่องบินทันที

อารมณ์ของเย่ฉ่าวเฉินสงบลงอีกครั้ง“ มู่เทียนเย่ ทำไมแกจ้องจะแยกฉันกับเวยเวย?”

ท่าทีของมู่เทียนเย่เปลี่ยนเป็นเย็นชาและพูดว่า“ เย่ฉ่าวเฉิน ไม่ใช่ฉันอยากแยกพวกคุณ แต่เวยเวยต้องการที่จะไปจากคุณ ถ้าเธอไม่อยากไปจากคุณ ฉันอาจละทิ้งความสงสัยก่อนหน้านี้ และพยายามยอมรับคุณเป็นน้องเขยของฉัน แต่ว่า ภาพแบบนี้ชาตินี้พวกคุณคงไม่ได้เห็นมันอีกแล้วล่ะ"

คำพูดของมู่เทียนเย่คมเหมือนมีด

ในใจของเย่ฉ่าวเฉิน เขาพูดถูก เหตุผลที่มู่เวยเวยถูกมู่เทียนเย่พาตัวไปครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะเธอต้องการจากไป หากเธอไม่ต้องการไปจากฉัน ครั้งที่หนานกงเฮ่าพาเธอไป เธอก็คงโทรหาฉันให้ไปช่วยแล้ว.....

เขาทำดีไปขนาดนี้แล้ว มันไม่ทำให้หัวใจที่เย็นชาของเธอกลับมาอบอุ่นอีกครั้งหรอ?

ไม่ ต่อให้เปลี่ยนกลับไม่ได้แล้วยังไง? ตราบใดที่เธออยู่ในสายตา ให้กำเนิดลูก เขาไม่เชื่อว่าชาตินี้จะเอาชนะใจเธอไม่ได้

แต่ว่า ก่อนที่จะไปหามู่เวยเวย เขาต้องจัดการกับมู่เทียนเย่ก่อน ต่อให้ไม่ฆ่าเขา ก็ต้องทำให้เขาลุกจากเตียงไม่ได้สักปี แบบนี้ มู่เทียนเย่จะได้ไม่ต้องมายุ่งกับเขาและเวยเวย

“ มู่เทียนเย่ ไม่กี่ปีที่แล้ว ทำให้น้องฉันเหมือนตายทั้งเป็น ปล่อยให้เขาต้องทุกข์ทรมานอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน แถมยังเสียแขนไปอีกข้าง บัญชีนี้เรามาคิดกันวันนี้ดีกว่า” เย่ฉ่าวเฉินโยนปืนลงบนพื้น ดึงเสื้อคลุมอีกข้างขึ้น

แม้ว่าอาการบาดเจ็บที่ไหล่ของมู่เทียนเย่จะยังไม่หายดี แต่ตอนนี้เขาจะยอมได้อย่างไร?

“พอดีเลย หนึ่งปีมานี้ แกทำให้เวยเวยต้องทนทุกข์ทรมาน ฉันก็อยากคิดบัญชีเหมือนกัน” มู่เทียนเย่ถอดเสื้อออก โยนปืนลงที่พื้น

ทั้งสองจ้องมองอย่างเย็นชา ขยับเท้าและพุ่งเข้าหากัน ...

การต่อสู้ด้วยมือเปล่านั้นน่าตกใจยิ่งกว่าดาบและกระสุน ยิ่งทั้งสองคนฝีมือไม่มีใครยอมใคร

ครั้งที่แล้วต่อสู้กันที่โรงพยาบาล สถานที่มีพื้นที่จำกัด ใช้เท้าใช้ขาก็ไม่ได้ แต่ตอนนี้ พื้นที่อำนวยต่อสู้ยังไงก็ได้ ไม่มีใครมารบกวนอีกด้วย

ทั้งสองคน คนหนึ่งเป็นสิงโต อีกคนเป็นเสือ จางเหอเป็นเสือดาวตัวน้อย ทำได้เพียงยืนดูการต่อสู้ ถ้าลงสนามด้วยสิ่งเดียวที่ได้คือความพ่ายแพ้

รถที่มู่เวยเวยนั่งอยู่ก็มาจอดอยู่หลังก้อนหินขนาดใหญ่ จากมุมนี้เธอสามารถมองเห็นสถานการณ์ของทั้งสี่คนได้ แต่อีกฝ่ายมองไม่เห็นตัวเอง

สังเวียงที่สมบูรณ์แบบ

ในขณะนี้ เย่ฉ่าวเฉินและมู่เทียนเย่ ยังไม่ได้เริ่มการต่อสู้เขาก็ถือโอกาสกระโดดไปเตะที่หน้าอกของมู่เทียนเย่ เตะเขาถอยหลังไปหลายก้าว เกือบล้มลงกับพื้น

"พี่!" มู่เวยเวยอุทานออกมา กำลังจะเปิดประตูและลงจากรถ แต่ถูกพยาบาลดึงไว้ "ตอนคุณกลับมาพูดว่ายังไง? อีกอย่างพวกเขาก็คงกำลังเคลียร์ศีกดิ์ศรีของตัวเอง ยังไม่ถึงขั้นเอาเป็นเอาตายหรอก"

"เธอรู้ได้ยังไง?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ