พอกลับถึงบ้านก็ได้เวลาทานอาหารเที่ยงพอดี
มู่เวยเวยเจริญอาหารมาก เธอกินข้าวไปถึงสองถ้วย การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เย่ฉ่าวเฉินและฉินหม่ามีความสุขมาก ขอแค่เธออยากกินอาหาร เธอก็จะมีเรี่ยวแรงและมีชีวิตชีวา
หรืออาจจะเป็นว่าสภาวะจิตมีการเปลี่ยนแปลง ในคืนนั้น มู่เวยเวยนอนลงบนเตียงแล้วหลับไปเร็วมาก สาวใช้รีบเอาข่าวดีนี้ไปบอกกับเย่ฉ่าวเฉิน
" ดีมาก ดูแลคุณผู้หญิงให้ดี "
สาวใช้พยักหน้า กำลังจะเดินออกไปแต่เย่ฉ่าวเฉินได้พูดขึ้นมาสะก่อนว่า " เธอไปนอนก็เงียบๆหน่อยนะ กว่าผู้หญิงจะนอนหลับทีมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธออย่าส่งเสียงรบกวนคุณผู้หญิง
สาวใช้หน้าแดงและตอบกลับเบาๆว่า " รับทราบค่ะ " จากนั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้นสอง
พักผ่อนอย่างเพียงพอ และเจริญอาหาร ผ่านไปเพียงสองสามวัน ใบหน้าของมู่เวยเวยก็มีน้ำมีนวลและมีชีวิตชีวาขึ้นมาก ร่างกายเธอก็ไม่ได้ผอมแห้งแล้ว แต่ว่า เธอก็ยังไม่ค่อยพูดจาและไม่ค่อยยิ้มแย้ม โดยเฉพาะตอนที่เผชิญหน้ากับเย่ฉ่าวเฉิน เธอทำตัวเหมือนเป็นใบ้
เผชิญหน้ากับเธอที่เย็นชาและไม่ยอมพูดกับเขา เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกปวดใจมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาไม่กล้าบังคับเธอ ลูกดึงเธอให้ออกจากความตายมาได้ เขาไม่ต้องการที่จะผลักให้เธอไปอยู่ในที่ที่อันตรายแบบนั้นด้วยอีก
......
ในเช้าวันนี้ มู่เวยเวยเปิดตู้เสื้อผ้าออก ปรากฏว่าไม่มีเสื้อผ้าในตู้ที่เธอสามารถใส่ได้เลย โดยเฉพาะกางเกง ทุกตัวมันแน่นไปหมดเลย
ดูเหมือนว่าต้องไปช็อปปิ้งสักหน่อยแล้ว
" ฉันจะไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างสรรพสินค้า " ตอนที่กำลังทานอาหารเช้าอยู่ จู่ๆมู่เวยเวยก็พูดขึ้น
เย่ฉ่าวเฉินอึ้งไปสักพัก ในใจรู้สึกตื่นเต้นมาก นานเท่าไหร่ที่เขาไม่ได้ยินเธอเริ่มพูดขึ้นมาก่อน เสียงนี้มันไพเราะกว่าทุกสิ่ง
" ได้ ทานข้าวเสร็จเดี๋ยวฉันไปกับเธอ " ความเศร้าหมองที่สะสมมานานของเย่ฉ่าวเฉินหายไป และดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นของเขาก็เต็มไปด้วยประกายแห่งความสดใส
" ไม่ต้อง ให้เสี่ยวยู๋ไปกับฉันก็พอ " มู่เวยเวยปฏิเสธอย่างเย็นชา
เสี่ยวยู๋เป็นสาวใช้ที่เธอเชื่อใจ
แต่ว่า เย่ฉ่าวเฉินจะสบายใจให้เธอออกไปคนเดียวได้อย่างไร และไม่สนใจกับการปฏิเสธของเธอ " ฉันก็เป็นแค่คนรูดบัตรจ่ายตัง เธอทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนก็ได้ "
มู่เวยเวยไม่ได้พูดอะไร ถึงเธอจะปฏิเสธยังไงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของเย่ฉ่าวเฉินได้หรอก
เย่ฉ่าวเฉินเห็นว่าเธอไม่ได้ปฏิเสธอะไร ก็ก้มหน้าดื่มซุปด้วยความยิ้มเล็กยิ้มน้อย ดูเหมือนว่าต้องแจ้งเลขาหลิวให้ยกเลิกตารางงานทั้งหมดของวันนี้สะแล้ว
คนกลุ่มหนึ่งมาถึงห้างสรรพสินค้าที่หรูที่สุดในเมือง A เพราะว่าไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้คนเลยไม่ค่อยเยอะ
มู่เวยเวยเข้าแต่ร้านเสื้อผ้าผู้หญิง เธอไม่ชอบเสื้อผ้าสำหรับคนท้อง เพราะว่ามันดูเทอะทะเกินไป และแบบมันก็ไม่สวยด้วย
หลังจากที่เดินชมร้านเสื้อผ้าหลายร้าน มู่เวยเวยไม่ได้ถามความคิดเห็นของเย่ฉ่าวเฉินเลยว่าตัวไหนสวยหรือไม่สวย และไม่ได้เข้าห้องลองเสื้อด้วย แค่มองแบบผ่านๆแล้วชอบ ก็ยื่นให้เสี่ยวยู๋ที่เดินตามเธออยู่ด้านหลัง จากนั้นก็บอกพนักงานขายว่าขอไซต์ L
เย่ฉ่าวเฉินทำหน้าที่สามีที่ดีได้สมบูรณ์แบบมาก ไม่พูดอะไรสักคำ แค่ตามรูดบัตรจ่ายเงินอยู่ด้านหลัง เขาชอบความรู้สึกแบบนี้ จ่ายเงินซื้อของให้กับผู้หญิงที่เขารัก มองดูสายตาเธอที่เต็มไปด้วยความสุข นี่คงจะเป็นแรงบันดาลใจให้เขามีแรงในการทำงานมากขึ้น
เดินช็อปปิ้งไปครึ่งวัน ของเต็มไม้เต็มมือของเสี่ยวยู่และจางเห่อ จนกระทั่งมู่เวยเวยเห็นว่าทั้งสองถือไม่ไหวแล้ว เลยเปลี่ยนเข้าไปที่ร้านกาแฟแทน
" ตอนนี้เธอดื่มกาแฟไม่ได้ " เย่ฉ่าวเฉินพูดเตือนเธอ
" ฉันนั่งพักหน่อยไม่ได้หรอ? "
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธอที่เต็มไปด้วยความรู้สึกรัก " ได้อยู่แล้ว ตามใจเธอ พนักงานขอกาแฟสามแก้วและน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว "
" ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ "
" ขอโทษนะคะ ห้องน้ำไปทางไหนคะ? " มู่เวยเวยถามพนักงาน
" เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวาค่ะ "
มู่เวยเวยเอามือเท้าเอวที่ปวดแล้วตรงไปที่ห้องน้ำ เย่ฉ่าวเฉินนึกขึ้นได้ถึงเรื่องราวในครั้งก่อน เลยส่งสัญญาณตาบอกเสี่ยวยู๋ สาวใช้ฉลาดมากรีบเดินตามเธอไปทันที
มู่เวยเวยหัวเราะในใจ เขานี่มันจำขึ้นใจไม่ลืมง่ายๆจริงๆ
พี่ชายก็ถูกเขาฆ่าตายไปแล้ว ยังจะมีคนที่จะช่วยเธอหนีไปได้อีกอย่างนั้นหรอ?
พอกลับมายังร้านกาแฟ น้ำอุ่นๆก็วางอยู่บนโต๊ะแล้ว เย่ฉ่าวเฉินนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ฝั่งตรงข้ามดูเหมือนว่าจะกำลังคุยเรื่องงาน
มู่เวยเวยจับแก้วน้ำอุ่นไว้ แล้วมองผู้คนที่เดินไปเดินมาอยู่นอกร้านกาแฟ
บางคนก็เดินเล่นคนเดียว บางคนก็เดินกับเพื่อนฝูง และบางคนก็เดินเล่นกับครอบครัว ทั้งหมดนั้นเป็นความสุขที่ธรรมดาๆของพวกเขา แต่เธอกลับต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เธอไม่มีอะไรเลยนอกจากลูกในท้องของเธอ
ในขณะนี้เอง คู่รักคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในสายตาเธอ ตอนแรกมู่เวยเวยก็ไม่ได้แปลกใจอะไร จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้เธอ
ราวกับว่าเลือดในตัวมู่เวยเวยหยุดไหล หัวใจของเธอก็เต้นแรง แต่ว่าเธอไม่กล้าแสดงสีหน้าอะไรออกมา เพราะว่าเธอจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เธอเป็นพยาบาลที่พาเธอหลบหนีไปเมื่อคราวก่อน
ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?
หลังจากพยาบาลคนนั้นรู้ว่าเธอเห็นเธอแล้ว จึงตบไหล่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ จากนั้นก็มองเธอแล้วพยักหน้า
มู่เวยเวยมองไปที่หน้าของผู้ชายคนนั้น เขาหน้าตาธรรมดามาก หน้าตาประมาณว่าถึงแม้จะเคยเจอแล้วแต่พอครั้งต่อไปมาเห็นอีกก็ยังจำไม่ได้อยู่ดี
หลังจากนั้น มุมปากของผู้ชายคนนั้นก็ขยับ
หัวใจของมู่เวยเวยราวกับว่าโดนฟ้าผ่า เขาพูดช้ามาก และพูดซ้ำกันสองรอบ เธอแทบจะฟังไม่รู้อะไรไม่ออกเลย ข้างหูของมู่เวยเวยราวกับว่าจะได้ยินเสียงแหบข้างของผู้ชายคนนั้นบวกกับอ่านปากของเขา เขาพูดว่า คุณมู่
เขาเป็นคนชุดดำที่มาหาเธอในคืนนั้น!
ใช่เขาจริงๆ ชายชุดดำในคืนนั้นก็สูงประมาณนี้
มู่เวยเวยหัวใจเต้นแรงมาก ที่เขาพูดว่าเขาทำตามคำสั่งของพี่ชายเป็นความจริง
เย่ฉ่าวเฉินที่คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว เห็นท่าทีของมู่เวยเวยเหมือนจะตื่นเต้น เลยทำเธอด้วยความสงสัย " มองอะไรอยู่? "
มู่เวยเวยรีบละสายตาจากสิ่งที่มอง แล้วก้มหน้าดื่มน้ำ " ไม่ได้มองอะไร "
เย่ฉ่าวเฉินมองตามสายตาที่เขามอง ก็เห็นว่ามีแม่ที่อายุน้องคนหนึ่งกำลังก้มสอนลูกอยู่ ดูแล้วทั้งอบอุ่นและน่ารักมาก
เธอรู้สึกอ่อนไหวหรอ? เย่ฉ่าวเฉินหันมามองผมสีดำเข้มของมู่เวยเวย อยากจะจะยื่นมือดึงตัวเธอมากอด แล้วบอกกับเธอว่า ถ้าหากว่าในอนาคตลูกทำให้เธอโกรธ เขาจะสั่งสอนลูกให้ดี ให้เชื่อฟังคำของแม่
มู่เวยเวยดื่มน้ำไปคำหนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปนอกร้านอีกครั้ง พยาบาลสาวและชายชุดดำคนนั้นหายไปแล้ว ดูแล้วเย่ฉ่าวเฉินคงยังไม่เห็นพวกเขาสินะ
ในที่ที่มู่เวยเวยมองไม่เห็น พยาบาลสาวพูดกับชายชุดดำด้วยน้ำเสียงที่โกรธ " ฉันทำในสิ่งที่คุณต้องการแล้ว แล้วไม่ไหร่จะปล่อยตัวเพื่อนฉัน? "
ชายชุดดำพูดอย่างเย็นชา " รีบร้อนไปทำไม? รอให้เรื่องนี้สำเร็จแล้ว เจ้านายฉันก็ต้องปล่อยพวกเธอไปอยู่แล้ว แต่ว่า ในเมื่อมู่เทียนเย่ก็ตายไปแล้ว พวกเธอก็ลองพิจารณาดูให้ดีว่าจะมาทำงานให้เจ้านายฉันไหม ถึงยังไงก็หาเงินเหมือนกัน
พยาลาบสาวพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย " ขอโทษนะ เจ้านายของคุณรสนิยมแปลกเกินไป ฉันกลัวว่าจะทำงานร่วมกันไม่ได้ "
มู่เทียนเย่หาคนตาคมปากร้ายแบบพวกเธอมาจากที่ไหนกันนะ "
" พวกคุณสัญญาแล้ว ว่าจะไม่ทำร้ายมู่เวยเวยแม้แต่ปลายเล็บ ถ้าไม่รักษาคำพูด พวกเรายอมสู้ตาย " พยาบาลสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยม เธอไม่มีความอ่อนโยนในแบบที่เด็กสาวคนหนึ่งจะมีเลย
ชายชุดดำใช้ปืนผลักเธอและพูดว่า " สบายใจได้ เจ้านานฉันพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว "
ตั้งแต่ที่เห็นพยาบาลสาวคนนั้น มู่เวยเวยก็ยิ่งรู้สึกมีแรงฮึดมากขึ้น บางทีก็เริ่มพูดคุยกับฉินหม่าเองก่อน ถ้าเทียบกับเมื่อสองวันก่อน ก็ทำให้คนในคฤหาสน์สบายใจขึ้นเยอะมาก
ช่วงเวลาก่อน เธอเอาแต่ทำเหมือนว่าอยากตาย ทุกคนรวมถึงเย่ฉ่าวเฉินด้วยต่างก็กังวลมากๆ เธอเดินไปถึงไหนก็ต้องมีคนคอยจับตามองเธอไว้ แม้กระทั่งตอนที่เธอเดินลงบันได เสี่ยวยู๋ก็ต้องพยุงตัวเธอไว้ กลัวว่าเธอจะคิดสั้นแล้วทำให้ตัวเองลื่นตกบันได
สาวใช้สองคนกำลังจัดตกแต่งดอกไม้ในสวน
" เอ้ เธอคิดว่าทำไมจู่ๆคุณผู้หญิงถึงคิดได้?เมื่อสองวันก่อนยังไม่อยากมีชีวิตอยู่อยู่เลย "
" ได้ยินเสี่ยวยู๋บอกว่า เพราะว่าได้เห็นหน้าลูกในท้องผ่านการอัลตร้าซาวด์ครั้งก่อน เลยทำให้คุณผู้หญิงคิดได้"
" ถือว่าช่วยชีวิตพวกเราไว้ด้วย......ฮ่าฮ่าฮ่า ช่วงที่ผ่านมาฉันกลัวแทบตาย......"
หลังจากที่ได้รับการยืนยันตัวจากชายชุดดำนั้นแล้ว มู่เวยเวยก็เฝ้ารอ ครั้งที่แล้วที่เขาลักลอบเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลเย่ จางเห่อก็จัดคนรักษาความปลอดภัยแน่นขึ้นมาก เย่ฉ่าวเฉินก็กลับบ้านหลังจากเลิกงานทุกวัน จะพาตัวเธอให้ออกจากตระกูลเย่ถือว่าเป็นงานที่ยากมากจริงๆ
แต่ว่า เธอเชื่อในความสามารถของลูกน้องพี่ชายเธอ ในเมื่อพวกเขาเข้ามาได้ครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งต่อไปก็ต้องเข้ามาได้อยู่แล้ว
เย็นวันนั้น ทั้งสองกำลังทานข้าวอยู่ที่ห้องอาหาร พ่อบ้านหวังก็ยื่นการ์ดเชิญให้เขา
" คุณชาย นี่เป็นการ์ดเชิญที่ท่านหนานกงให้คนมาส่งเมื่อเช้านี้ครับ บอวกว่าอีกสองวัน ตระกูลหนานกงจะมีงานเลี้ยง อยากจะเชิญท่านและคุณผู้หญิงไปร่วมงานด้วย "
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว " ท่านหนานกง? "
พ่อบ้านหวังยิ้มแล้วพูดว่า " ใช่ครับ จากที่ฟังจากคนที่มาส่ง เหมือนกับว่าจะจัดงานนัดเดทดูตัวให้กับคุณหนานกงเฮ่าครับ "
" เหอะ เขาก็ควรแต่งงานได้แล้ว " เย่ฉ่าวเฉินสบถออกมา รับการ์ดเชิญมาดูแวบหนึ่งแล้วโยนทิ้งไปด้านข้าง หันหน้าไปหามู่เวยเวยแล้วพูดว่า " เธออยากไปไหม? "
" ไม่ไป " มู่เวยเวยปฏิเสธอย่างเย็นชา เธอไม่อยากเห็นหน้าหนานกงเฮ่าเลยสักนิด
ทุกครั้งที่เจอเขาไม่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเลยสักรอบ ถ้าไปยังต้องไปเจอหน้าเฉินซูฮั้วอีก เธอรู้สึกไม่ค่อยดีกับผู้หญิงร้ายกาจวัยกลางคนคนนี้
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน " ก็ดีเหมือนกัน เธอท้องอยู่ ไม่ควรไปในที่ที่คนเยอะๆแบบนั้น "
เขาพอใจในท่าทีของมู่เวยเวยมาก พูดตรงๆ เขาก็ไม่อยากให้หนานกงเฮ่าเจอหน้าภรรยาเธออีก จะได้ไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นอีก
งานเลี้ยงนี้ เขาไปร่วมงานคนเดียวก็พอแล้ว แบบนี้ก็ถือว่าให้เกียรติท่านหนานกงแล้ว
......
บ้านตระกูลหนานกงและบ้านตระกูลเย่อยู่ห่างจากกันไม่มาก ขับนานอย่างมากก็แค่ยี่สิบนาทีก็ถึง
งานเลี้ยงของตระกูลหนานกงหรูหรามาก เย่ฉ่าวเฉินก้าวขาเข้าไปในงานก็พบกับท่านหนานกงเลย
" ฉ่าวเฉิน ทำไมคุณถึงมาคนเดียว? ภรรยาคุณล่ะ? " ท่านหนานกงเดินมาหาเขา
" เธอขยับตัวไม่ค่อยสะดวก คุณหมอแนะนำให้เธอพักผ่อน ต้องขออภัยด้วย......"
" ลูกสำคัญที่สุด เข้าใจๆ " ท่านหนานกงจับมือกับเขา แล้วเชิญให้เขาเข้าไปในงาน
เย่ฉ่าวเฉินที่มางานตามลำพังเป็นที่ดึงดูดสายตาของสาวๆมาก บางคนถึงขั้นเดาไปต่างๆนานาว่าเย่ฉ่าวเฉินกับภรรยาของเขาทะเลาะอะไรกันรึเปล่า
หนานกงเฮ่าใส่ชุดสูทเรียบๆกำลังสนทนากับผู้คนอย่างมีความสุข พอเห็นว่าเย่ฉ่าวเฉินมาคนเดียว เขายิ้มอย่างเยาะเย้ย
" ลูกเฮ่า ฉ่าวเฉินมาแล้ว "
หลังจากที่พ่อเขาส่งสัญญาณบางอย่างผ่านสายตาให้เขา หนานกงเฮ่าก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า สีหน้าเย่ฉ่าวเฉินเย็นชา
ท่านหนานกงพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า " ฉันรู้ว่าพวกที่ผ่านมาเกิดเรื่องบาดหมางขึ้นกับนายสองคนอยู่มาก แต่ถึงอย่างไรพวกนายก็เติบโตมาด้วยกันดุจพี่น้อง มีเรื่องอะไรปรับความเข้าใจกันไม่ได้หรอ? ฉ่าวเฉิน คุณโตกว่าเขาหนึ่งปี ถือว่าคุณเป็นพี่ชายเขา เห็นแก่อาอย่าถือสาลูกของอาคนนี้เลยนะ " ขณะที่พูด ก็เหลือบไปมองหนานกงเฮ่าด้วยสายตาดุดัน
" ลูกเฮ่า ยังไม่ขอโทษฉ่าวเฉินอีก "
เห็นได้ชัดเจนว่าหนานกงเฮ่าถูกพ่อสั่งสอนมาก่อนหน้านี้แล้ว เขายื่นมาขวาออกมาแต่โดยดี " ที่ผ่านมาฉันผิดเอง ขอโทษด้วย ฉันหวังว่านายจะอภัยให้ฉัน "
แม้ว่าปากของเขาจะพูดแบบนั้น แต่สายตาของเขาก็ยังเอาเรื่องอยู่มาก
เย่ฉ่าวเฉินมองแวบเดียวก็รู้ ให้หนานกงเฮ่าขอโทษ เหอะ จะเป็นไปได้ยังไง? เขาก็แค่ทำให้ท่านหนานกงดูเท่านั้นแหละ
" เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ไม่ต้องพูดถึงมันแล้วล่ะ ใครไม่เคยทำผิดกันล่ะ? นายว่าใช่ไหม? " เย่ฉ่าวเฉินจับมือเขาแน่น แสดงอะนะ ในเมื่อท่านหนานกงต้องการจะเห็น อย่างนั้นก็แสดงสักหน่อยจะเป็นอะไรไป?
หนานกงเฮ่าฝืนยิ้ม " พูดได้ถูกต้อง ที่ผ่านมาฉันผิดเอง หลังจากนี้จะไม่ทำแล้ว "
หลังจากนี้ เย่ฉ่าวเฉิน พวกเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
ท่านหนานกงดูออกว่าทั้งสองมีความรู้สึกแปลกๆ จึงรีบพูดขัดจังหวะขึ้น " โอเคแล้ว ต่อไปก็ยังคงเป็นเพื่อนกัน ต้องติดต่อสื่อสารกันให้มากๆ "
" รู้แล้วครับพ่อ " หนานกงเฮ่าพูดด้วยความอ่อนน้อม เขาที่อยู่ต่อหน้าท่านหนานกงดูเป็นเด็กดีมาก
" พวกนายคุยกันไปก่อน ฉันไปรับแขกคนอื่นๆต่อแล้ว "
พอท่านหนานกงจากไป รอยยิ้มบนหน้าของทั้งสองคนก็หายไปในพริบตา เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากไม่อยากอยู่กับเขานานกว่านี้ เลยรีบหันหลังแล้วเดินออกไป แต่กลับโดนหนานกงเฮ่าเอ่ยทักทายขึ้นมาว่า " ประธานเย่ ฉันจำได้ว่าในการ์ดเชิญ เชิญเวยเวยมาด้วยนะ ทำไมเธอถึงไม่มาล่ะ? "
หนานกงเฮ่าขมวดคิ้ว ทุกครั้งที่ได้ยินเขาเรียก " เวยเวย " อย่างสนิทสนมแบบนี้เขาก็รู้สึกโกรธทุกที เพราะว่าบนโลกใบนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่เรียกเธอแบบนี้ได้
" หนานกงเฮ่า เรื่องแรก ต่อไปฉันขอให้นายเรียกเธอว่าคุณผู้หญิงเย่ เรื่องที่สอง ภรรยาของฉันตั้งครรภ์ เธอไม่เหมาะกับที่แบบนี้ "
หนานกงเฮ่าตอบแค่ว่า " อ๋อ " เขาตอบแปลกไปราวกับว่าเจอคนรู้จักอยู่ไกลๆ เลยเดินเข้าไปทักทาย
คฤหาสน์ตระกูลเย่
ตอนเย็นมู่เวยเวยกินเยอะไปหน่อย เลยไปเดินเล่นในสวน เสี่ยวยู๋และจางเห่อเดินตามเธอไม่ห่าง นี่เป็นคำสั่งของเย่ฉ่าวเฉินก่อนออกจากบ้าน ตอนที่เขาไม่อยู่ห้ามเกิดเรื่องเด็ดขาด
เดินเล่นไปสองรอบเธอรู้สึกว่าอาหารย่อยแล้ว มู่เวยเวยเลยกลับไปที่ห้องนอน
สัญชาตญาณของเธอบอกว่า หากชายชุดดำจะมาเขาน่าจะมาในคืนนี้
เธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นทันที เธอหนีจากเย่ฉ่าวเฉินไปหลายรอบมาก แต่ว่าสุดท้ายก็ผิดหวังทุกครั้ง ถ้าครั้งนี้เธอยังหนีไม่สำเร็จ เธิก็หมดกำลังใจที่จะหนีแล้ว
ในที่สุด เวลาสามทุ่มครึ่ง ชายชุดดำคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นตรงระเบียงมู่เวยเวยรู้สึกตกใจมาก เขารอดพ้นจากระบบการควบคุมดูแลของจางเห่อเข้ามาได้อย่างไร
เสี่ยวยู๋เพียงแค่หันหน้าไปมองโดยที่ยังไม่ได้ส่งเสียงอะไรเลยก็ถูกชายชุดดำคนนั้นปิดปากแล้วสลบไป
มู่เวยเวยภาวนาในใจ แต่ว่าฟ้าไม่เป็นใจ ห่างจากรถประมาณสามเมตรไม่รู้ว่าบอดี้การ์ดสามคนนั้นวิ่งออกมาจากไหน ในมือของเขาถือปืนอยู่
" หยุดรถ! " หนึ่งในนั้นตะโกนออกมา
รถไม่ได้ชะลอ แต่กลับเร่งความเร็วขึ้นอีก
บอดี้การ์ดทั้งสามคนมองหน้ากัน แล้วยิงปืนมาที่กระจกรถนัดหนึ่ง
" ปั๊ง------ " มู่เวยเวยตกใจจนกรี๊ดออกมา เธอนั่งอยู่ที่เบาะหลัง หลังจากนั้น กระสุนไม่ได้ทะลุผ่านเข้ามา ที่เป็นรถกันกระสุน เย่ฉ่าวเฉินต้องคิดไม่ถึงแน่ๆว่าจะมีวันนี้ วันที่มู่เวยเวยนั่งรถของเขาหนีออกไปจากที่นี่
" หยุดรถ! " คนนั้นตะโกนขึ้นอีกรอบ
คนขับรถหัวเราะออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เขาเหยียบคันเร่งจนปิด และพุ่งชนไปที่ประตู
" ปั๊งปั๊งปั๊ง------ " ยิงปืนมาอีกหลายนัดมากๆ แต่ว่าก็ยังคงไม่สามารถทะลุกระจกมาได้ แต่ว่ากระจกหน้าสุดเริ่มร้าวแล้ว
มู่เวยเวยคิดไม่ถึงว่าคนที่มารับเธอจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ พุ่งชนไปที่ประตูโดยตรง บอดี้การ์ดทั้งสามพอเห็นว่าไม่สามารถต้านไหวแล้ว ก่อนที่รถจะพุ่งชนพวกเขา พวกเขาก็พากันหลบออกไป
งานก็ส่วนงาน แต่ชีวิตมีชีวิตเดียว ไม่มีใครโง่ขนาดนั้นหรอก
" จางเห่อ จางเห่อ มีรถคันหนึ่งอยู่ที่ประตูไปแล้ว เราต้านไว้ไม่ไหวจริงๆ รีบมาช่วยหน่อย" เขาพึ่งจะพูดจบ รถคันนั้นก็พุ่งชนไปที่ประตูอีกที
พอจางเห่อได้ยินลูกน้องขอความช่วยเหลือ เขาก็รู้ทันทีว่ามู่เวยเวยอยู่บนรถคันนั้น เธอท้องอยู่ อีกฝ่ายอยากจะพาเธอหลบหนีออกไปมันคงไม่ใช่เรื่องง่าย
เขารีบเป่านกหวีดแล้วหันหลังวิ่งตรงไปที่หน้าประตู พร้อมกับลูกน้องอีกสิบกว่าคนที่ออกมาจากพุ่มไม้นั้นแล้วเหลือไว้เพียงห้าคนที่คอยจัดการกับฝ่ายตรงข้าม
จับผู้บุกลุกไม่ได้อย่างมากเย่ฉ่าวเฉินก็แค่ลงโทษพวกเขา แต่ว่าถ้าฝ่ายตรงข้ามเอาตัวมู่เวยเวยไป พวกเขาต้องตายแน่ๆ
หลังจากนั้น ตอนที่เขากับลูกน้องมาถึงหน้าประตู ประตูบ้านก็เปิดออก ที่พื้นมีคนนอนกองกันอยู่สามคน สองคนโดนยิงที่ขา อีกคนโดนยิงกลางอก
จางเห่อจุกที่อก ในหัวสมองมีเพียงสองคำที่วนเวียนอยู่ หมดกัน
พ่อบ้านหวังพยายามวิ่งออกมา พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็อึ้ง
จะทำยังไงดี? มู่เวยเวยถูกลักพาตัวไปแล้ว
พ่อบ้านหวังผ่านเรื่องราวมาเยอะ แค่แปบเดียวก็ดึงสติกลับคืนมาได้ แล้วตบจางเห่อไปหนึ่งที " ยังจะนิ่งอยู่ทำไมอีก รีบส่งคนตามไปสิ โทรศัพท์ของคุณชายโทรไม่ติด ทางนั้นต้องเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายแน่ๆ นายรีบไปที่บ้านตระกูลหนานกงด้วยตัวเอง เผื่อว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง "
การเปลี่ยนแปลงที่พ่อบ้านหวังพูด มันก็คือพลังที่เหนือธรรมชาติของเย่ฉ่าวเฉิน
จางเห่อได้ยินสิ่งที่พ่อบ้านหวังพูดก็คิดได้ ขอแค่มีคุณชายทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
" อาเจี๋ย นายพาคนตามพวกนั้นไป " ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีว่ายังไงก็ตามไม่ทัน
......
หนานกงเฮ่าได้รับสายโทรศัพท์หนึ่ง และมองดูเย่ฉ่าวเฉินที่กำลังเต้นรำอยู่ไกลๆ เขายิ้มออกมาอย่างสะใจ จากนั้นก็เดินออกจากงานเลี้ยงที่งดงามนี้ไป
เย่ฉ่าวเฉิน คราวนี้ฉันจะคอยดูว่าสุดท้ายใครจะมีความสุข
เพลงเต้นรำจบ สาวสวยพูดขอบคุณเขาด้วยความยิ้มแย้ม เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้าแบบนิ่งๆ ดูเวลาที่ข้อมือก็ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว เขาก็มางานเป็นเวลานานแล้วควรกลับได้แล้ว
เมื่อสักครู่ที่เต้นลำอยู่ ในก็ก็รู้สึกแปลกๆราวกับว่าจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น
มองดูท่านหนานกงที่กำลังสนทนากับคนอื่นอยู่ เขาแค่อยากกลับบ้านแล้ว เลยไม่ได้เดินไปลาด้วยตัวเอง เขาเดินออกจากงานแล้วตรงไปที่รถของตัวเอง
รถขับออกจากตระกูลหนานกงได้ไม่นาน คนขับรถก็หันไปบอกเย่ฉ่าวเฉินที่กำลังพักผ่อนอยู่ว่า " คุณชาย รถคันข้างหน้าที่ขับผ่านมาเหมือนจะเป็นรถของคฤหาสน์เราเลย "
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกใจไม่ดี รีบพูดขึ้นว่า " หยุดรถ "
ตอนที่รถของเขาหยุดลง รถคันที่ขับผ่านมาก็หยุดลงเช่นกัน จางนั้นเขาก็เห็นจางเห่อลงมาจากรถแล้วรีบวิ่งมาอย่างรีบร้อน
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่ามันผิดปกติเลยลงจากรถ เขายังไม่ทันถามว่าเกิดอะไรขึ้น จางเห่อก็พูดขึ้นว่า " คุณชาย คุณผู้หญิงโดนพาตัวไปแล้ว "
เย่ฉ่าวเฉินจับแขนเขา มองหน้าเขาแล้วถามว่า " เกิดอะไรขึ้น "
" มีคนบุกเข้ามาที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ แล้วพาตัวคุณผู้หญิงออกไป" จางเห่อพูดอย่างรวบรัด เพราะเขารู้ว่าคุณชายไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระในตอนนี้
หัวใจของเย่ฉ่าวเฉินได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เขากังวลเรื่องนี้มาโดยตลอด และได้เตรียมรับมือเป็นอย่างดี แต่ว่าก็หยุดเรื่องนี้ไว้ไม่ได้อยู่ดี
" เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่โทรบอกฉัน " เย่ฉ่าวเฉินตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
จางเห่อพูดเสียงเบาๆว่า " โทรศัพท์ของท่านโทรไม่ติด "
" เป็นไปไม่ได้! "เย่ฉ่าวเฉินรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาดู พอเห็นวอลเปเปอร์ของโทรศัพท์ เขาก็โกรธมากแล้วโยนโทรศัพท์ลงพื้นอย่างแรง
วอลเปเปอร์ของเขาเป็นรูปที่มู่เวยเวยนั่งอาบแดดอยู่ในสวนดอกไม้ แต่วอลเปเปอร์ของโทรศัพทืเตรื่องนี้กับเป็นสีขาวล้วน
ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงตอนที่สาวสวนคนนั้นทีเชิญเขาเต้นรำแล้วล้มลงมาบนตัวเขา โทรศัพท์น่าจะโดนสับเปลี่ยนในช่วงเวลานั้น
เย่ฉ่าวเฉินต่อยไปที่รถทีหนึ่ง แล้วกัดฟันพูดว่า " หนานกงเฮ่า ไอ้เวร ไอ้ชั่ว! "
" คุณชาย ตอนนี้จะเอายังไงดีครับ? " จางเห่อถามด้วยความกังวล
ดวงตาสีฟ้าของเย่ฉ่าวเฉินค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีม่วง พูดอย่างเคร่งขรึมว่า " เหอะ! ขอแค่เธอยังอยู่ในเมืองนี้ ฉันจะต้องหาเธอให้เจอ "
จางเห่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของคุณชาย ถึงแม้สีหน้าเขาจะไม่แสดงออกมากนัก แต่ว่าหัวใจของเขาเต้นแรงมาก และถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง " คุณชาย คุณ......คุณกลับเข้าไปนั่งในรถเถอะ " ตอนนี้ รถวิ่งไปวิ่งมาบนถนนเยอะแยะมากมาย ถ้ามีใครมาเห็นเย่ฉ่าวเฉินหายไปกลางอากาศแบบนี้มันจะไม่ดี
เขารู้ว่าจางเห่อหวังดี เขาไม่ได้ปฏิเสธและเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถทันที
ชั่วพริบตา จางเห่อก็เห็นเย่ฉ่าวเฉินหายตัวไปกับตา
ถึงแม้ว่าครั้งที่แล้วจะเคยเห็นปาฏิหาริย์แบบนี้แล้ว แต่ว่าพอเห็นกับตา ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ แน่นอนว่ารวมถึงคนขับรถนั้นด้วยที่ตกใจมาก
เย่ฉ่าวเฉินลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาอยู่ในหญ้าทึบ เขาลุกขึ้นแล้วมองดูรอบๆ และเขาก็รู้ว่าที่นี่เป็นที่จอดเครื่องบินส่วนตัวที่อยู่ใกล้ตระกูลเย่
และเขาก็ได้เห็นกับคนที่คุ้นเคยคนหนึ่ง เขารับพุ่งตัวเข้าไปด้วยความโกรธ หนานกงเฮ่าได้ยินเสียงฝีเท้าและพึ่งจะหันหลังไปมอง แต่กลับโดนต่อยบนใบหน้าอย่างจัง เขาโดนต่อยจนร่วงลงไปอยู่ที่พื้น และยังไม่ทันได้ตั้งตัว ปืนก็จ่ออยู่ตรงขมับของเขาแล้ว
" มู่เวยเวยล่ะ? " เย่ฉ่าวเฉินตะโกนถามด้วยความโกรธ
" วางปืนลง " ลุกน้องข้างกายของหนานกงเฮ่าก็เอาปืนออกมาจ่อหน้าเขา
เย่ฉ่าวเฉินทำราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด ใช้ขาเหยียบไปที่อกของเขา ปืนยังจงจ่ออยู่ที่ขมับเขา แล้วถามขึ้นด้วยความโกรธอีกครั้ง " มู่เวยเวยอยู่ไหน? "
ในตอนที่เขาใช้พลังเหนือธรรมชาติของเขา เขาพึมพำชื่อของมู่เวยเวย ถ้าเกิดว่ามันสำเร็จเหมือนครั้งที่แล้ว ที่ที่เขาจะไปก็คือที่ที่มู่เวยเวยอยู่ แต่ว่าที่นี่กลับไม่เจอมู่เวยเวย แสดงว่าที่นี่เป็นที่สุดท้ายที่มู่เวยเวยปรากฏตัว แต่ในเวลานี้ หนานกงเฮ่ากลับมาอยู่ที่นี่ นี่มันเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าหนานกงเฮ่าเป็นคนลักพาตัวมู่เวยเวยไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...