วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 183

"ถ้าคุณชอบกินก็ดีแล้ว ไม่รบกวนละ คุณรีบไปพักผ่อนเถอะ "

"ราตรีสวัสดิ์"

มู่เวยเวยเดินขึ้นไปชั้นบนทีละก้าว พร้อมกับลมหายใจแห่งความทรงจำที่พัดผ่านใบหน้าของเธอ

ทุกอย่างดูคุ้นเคยมาก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนภาพลวงตาที่เคยเกิดขึ้นในความฝัน

มองร่างเธอที่หายไปตรงบันได พ่อบ้านหวังและฉินหม่าอยู่ด้วยกันและกระซิบว่า "ฉันได้ยินแค่หูข้างเดียว ดูเหมือนว่าเฉียวซินโยวจะก่อเรื่องบางอย่างอีกแล้ว บางทีแผลบนใบหน้าของคุณฉู่อาจจะเป็นฝีมือเฉียวซินโยวก็ได้"

"โอ้ย ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเอาแต่ทำเรื่องแย่ๆอยู่ได้" ฉินหม่าพูดด้วยความโกรธ "ฉันว่าคุณฉู่คนนี้เป็นเด็กผู้หญิงที่ถูกคนในบ้านสอนมาอย่างดีเหมือนกับคุณหนู เธอทั้งเป็นคนจิตใจดีและสุภาพ"

"ใช่ เธอเป็นเด็กดี" พ่อบ้านหวังถอนหายใจ

ชั้นบนมู่เวยเวยล็อกประตูแล้ววิ่งไปที่กระจก โอ้พระเจ้ารอยมือบนใบหน้าของเธอน่ากลัวมากเลยเหรอ? อีกอย่างหน้ากากปิดอยู่บนใบหน้ายิ่งทำให้รู้สึกลำบาก

เพื่อยืนยันว่าจะไม่มีใครมาเคาะประตูอีกในตอนกลางคืน มู่เวยเวยค่อยๆฉีกหน้ากากออกเพื่อให้ผิวหนังที่แท้จริงภายในได้ผ่อนคลายบ้าง

...

บรรยากาศในรถหดหู่อย่างยิ่ง

"โอเค ฉันเข้าใจแล้ว" จางเห่อวางสายโทรศัพท์แล้วหันศีรษะไปทางเย่ฉ่าวเฉินพร้อมกับพูดว่า "คุณชาย เฉียวซินโยวไม่ได้อยู่ในหอพักพนักงาน ทางนั้นบอกว่าเฉียวซินโยวเคยอยู่ตอนไปทำงานสองวันแรก หลังจากนั้นก็พักข้างนอกตลอด”

เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยใบหน้าเย็นชา "ไปที่บ้านหนานกงเฮ่า" แม้ว่าเธอจะไม่พักที่นั่น แต่หนานกงเฮ่าต้องรู้แน่ๆว่าเธออยู่ที่ไหน

"ครับ"

ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ สถานบันเทิงยามค่ำคืนในเมือง A เพิ่งเริ่มต้นขึ้นและแผงขายอาหารริมถนน แผงขายบาร์บีคิวก็แน่นไปด้วยผู้คน เพียงพริบตาเย่ฉ่าวเฉินก็นึกอิจฉาคนธรรมดาที่นั่งอยู่ที่แผงขายบาร์บีคิว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับเงินเดือนที่สูง อาจถูกเจ้านายตำหนิบ้าง แต่ในเวลานี้พวกเขายังสามารถนั่งบ่นกับเพื่อนสนิทสามสี่คนที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่หรือเรื่องดีๆในวันนั้นก็ตาม พวกเขาต่างสามารถแบ่งปันเรื่องเหล่านั้นให้เพื่อนๆฟังได้ สำหรับเรื่องนี้เขารู้สึกอิจฉาพวกเขามากจริงๆ

เย่ฉ่าวเฉินเข้าโรงเรียนชั้นนำตั้งแต่เขายังเด็ก และเนื่องจากอุปนิสัยกับบุคลิกของเขาเอง น้อยมากที่เขาจะพูดคุยกับคนอื่นๆ อาจพูดได้ว่าหนานกงเฮ่าเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่ามันจะลงเอยแบบนี้

พระเจ้ายุติธรรมจริงๆ เมื่อคุณมีความมั่งคั่งและอำนาจ คุณก็จะสูญเสียสิ่งสำคัญอื่นๆในชีวิตเช่นครอบครัว ความรักและมิตรภาพ

ตอนนี้เย่ฉ่าวเฉินกลายเป็นผู้ที่โดดเดี่ยวแล้วจริงๆ

บางครั้งเขาก็คิดว่าเขามีพลังเหนือธรรมชาติมากมาย หากหนึ่งในพลังนั้นสามารถเดินทางไปยังอดีตได้ เขาจะฝึกฝนอย่างหนักแน่นอน

รถจอดที่ประตูบ้านของหนานกงเฮ่า จางเห่อไม่รอให้เย่ฉ่าวเฉินพูดก็ลงจากรถอย่างรู้หน้าที่แล้วเดินไปเคาะประตู

เสียงผู้ชายดังมาจากระบบสนทนาอิเล็กทรอนิกส์ "คุณมาหาใคร?"

"ผมมาหาคุณหนานกงเฮ่า" จางเห่อพูดอย่างใจเย็น

"คุณหนานกงไม่อยู่บ้าน" หลังจากพูดจบเขาก็ตัดสายทันที

จางเห่อมองไปที่เย่ยิงที่อยู่ข้างหลังเขา จากนั้นเย่ยิงก็ยิ้มอย่างเฉยเมย "ดูฉัน"

เขาเดินไปที่กำแพงแล้วเทียบความสูงของกำแพงนั้น จากนั้นก็ก้าวถอยหลังไปหลายก้าวแล้ววิ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็ว ภายใต้แสงสลัวร่างดำก็กระโดดข้ามกำแพงไป ไม่กี่วินาทีต่อมาประตูก็เปิดออกดัง "แก๊ก"

“ เห้ย คุณเป็นใคร เข้ามาได้ยัง ... ” เขาหยุดพูดกลางคันเพราะเย่ยิงเอาปืนจ่อหัวเขา

เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้ามาทีละก้าว เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำบ้านเห็นว่าเป็นเขา เขาก็ตกใจแล้วก้มศีรษะลงทันที

"หนานกงเฮ่าล่ะ?" จางเห่อถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

"คุณชายไม่ได้อยู่ที่นี่หลายวันแล้วครับ เขากลับไปที่บ้านคุณพ่อเขา" เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบอย่างตรงไปตรงมา

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ไฟในห้องนั่งเล่นด้านในและไฟในห้องบนชั้นสองที่เปิดอยู่ แต่นั้นไม่ใช่ห้องของหนานกงเฮ่า เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อยและถามด้วยเสียงเย็นชา "แล้วตอนนี้ใครอยู่ที่นี้?”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหลือบมองเข้าไปข้างใน "เป็นคุณเฉียวครับ"

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะอย่างเยาะเย้ย หนานกงเฮ่าดูใจดีกับผู้หญิงคนนี้มาก ลงทุนย้ายบ้านให้เธอได้อาศัยอยู่

"จางเห่อ ไปพาเธอมา"

จางเห่อพยักหน้าและเดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

เย่ฉ่าวเฉินยืนรออยู่ตรงสนามหญ้า ภายในสองสามนาทีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น

เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเฉียวซินโยวที่ปล่อยผมหลวมๆและใส่ชุดนอนสีดำแม้แต่รองเท้าก็ไม่ทันใส่ จางเห่อบิดแขนของเขาและผลักเธอออกมา

"ฉ่าวเฉิน? ทำไมคุณมาหาฉันดึกดื่น ... "

"เพี๊ยะ" เสียงเธอถูกตบหน้าดังขึ้นอย่างดุดัน เฉียวซินโยวยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกตบลงที่ใบหน้าของเธออีกครั้ง ด้วยแรงที่มหาศาลทำให้เกิดเสียง "วิ้ง" ในหูของเธอ

"สิ่งนี้ผมทำแทนฉู่เหยียน" เย่ฉ่าวเฉินจับคางของเธอด้วยใบหน้านิ่งเฉยและจ้องมองไปที่เธอ "คุณยังรอรูปภาพอยู่ใช่ไหม?คิดจะทำอะไร?จะโพสต์ลงโซเชียลหรือให้สื่อซุบซิบ?"

เฉียวซินโยวรู้จุดประสงค์ที่เขามาและขี้เกียจที่จะแสร้งทำตัวเป็นกระต่ายน้อยผู้ไร้เดียงสา เธอกลืนเลือดในปากแล้วยิ้มพร้อมกับพูดว่า "ฉันจะส่งให้สื่อซุบซิบทำไม?ฉันแค่ส่งให้คุณก็พอแล้ว ถูกผู้ชายสองคนรุมข่มขืนและทารุณ เป็นไปได้หรือว่าคุณเย่ฉ่าวเฉินยังหันไปมองเธอได้?ฮ่าๆๆ ฉันรู้จักคุณดี คนอย่างคุณไม่สามารถมองผู้หญิงเลวๆแบบนั้นได้หรอก ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้ทำไมคุณถึงปฏิบัติต่อมู่เวยเวยแบบนั้นล่ะ? "

คำพูดของเฉียวซินโยวกระทบตรงจุดอ่อนที่สุดในหัวใจของเขา ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ทันใดนั้นเขาก็บีบคอเธอ "เฉียวซินโยว คุณมันบ้าไปแล้ว ฉู่เหยียนกับคุณไม่มีความคับแค้นใจกัน คุณยังโหดร้ายกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ?"

"ฉันโหดร้ายเหรอ?เย่ฉ่าวเฉินจิตใจคุณโหดร้ายกว่าฉันเยอะ" ดวงตาของเฉียวซินโยวแดงก่ำและหวาดระแวง "ก่อนหน้านี้เห็นๆกันอยู่ว่าคุณชอบฉัน ทำไมคุณไม่ให้สถานะฉัน? มู่เวยเวยมีอะไรดี? เธอสวยกว่าฉันหรออ่อนโยนกว่าฉันหรอ?”

"เขาเป็นภรรยาของผม" เย่ฉ่าวเฉินกัดฟันพูด

"โอเค เขาเป็นภรรยาของคุณแล้วตอนนี้ล่ะ?ไม่เจอเธอมานานขนาดนี้ ฉันคลานกลับมาจากเส้นตายของชีวิตเพื่อคุณ ทำไมคุณไม่หันมามองฉันบ้าง? แต่คุณกลับไปตกหลุมรักฉู่เหยียน? เพียงแค่เพราะเธอมีหน้าตาคล้ายมู่เวยเวยหรอ?” เฉียวซินโยวตะโกนออกมาอย่างไม่สบายใจ

เย่ฉ่าวเฉินสารภาพตามตรง "ใช่ เพราะเธอเหมือนเวยเวย อีกอย่างเฉียวซินโยวอย่าพูดว่าคุณกลับมาเพราะผมเด็ดขาด ผมเย่ฉ่าวเฉินไม่สามารถรับมันไว้ได้ มดเล็กๆยังโลภแล้วนับประสาอะไรกับหัวใจที่เต็มไปด้วยความโลภของคุณ?”

"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ... " น้ำตาไหลออกมาจากหางตาของเฉียวซินโยว "เย่ฉ่าวเฉินถ้าคุณไม่ให้ความหวังฉันตั้งแต่แรก ฉันก็ไม่มีทางตกหลุมรักคุณและถ้าฉันไม่ตกหลุมรักคุณ วันนี้ฉันก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของคุณ "

"ใช่ นี่เป็นความผิดของผม ผมไม่ควรหาคนที่มีแบบร่างการออกแบบนั้นไปทั่ว เพียงแค่เก็บคุณไว้ในใจก็ยังพอมีความทรงจำดีๆในชีวิตผมอยู่บ้าง แต่เฉียวซินโยวคุณทำลายมันไปหมดแล้ว ตอนนี้ผมไม่อยากจำเรื่องนั้นแม้แต่นิดเดียวและไม่อยากเจอคุณอีก"

รอยยิ้มแปลกๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉียวซินโยว “ ถ้าอย่างนั้นคุณฆ่าฉันเลยไม่ดีกว่าหรอ ฆ่าฉันทิ้งทุกอย่างก็จะจบลง”

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มขึ้นมาและรอยยิ้มนั้นช่างน่ากลัวจนรู้สึกขนลุก "ฉันไม่ฆ่าเธอหรอก มันง่ายไปที่จะฆ่าเธอ บ้านหลังนี้เก็บไว้ให้หนานกงเฮ่าเถอะ เดี๋ยวฉันเปลี่ยนที่อยู่ให้ดีกว่านี้ให้"

หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไป "เย่ยิง รัดเธอไว้ในรถนาย"

"ครับ นาย"

"เย่ฉ่าวเฉิน คุณจะพาฉันไปไหน?" ในที่สุดเฉียวซินโยวก็เริ่มตกใจกลัว

แต่เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ตอบกลับสักคำ

รถทั้งสองคันออกจากบ้านหลังนี้ทีละคัน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาหนานกงเฮ่า

“คุณชาย คุณเฉียวเพิ่งถูกเย่ฉ่าวเฉินพาตัวไป” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายงานสถานการณ์อย่างกระวนกระวาย

หนานกงเฮ่าเงียบไปชั่วขณะและถามว่า "เย่ฉ่าวเฉินโกรธมากไหม??"

"ครับ ท่าทางของเขาดูเหมือนจะฆ่าคุณเฉียว"

"ฉันรู้แล้ว" หนานกงเฮ่าหมดความสนใจแล้วผลักหญิงสาวในอ้อมแขนออกไปแล้วหรี่ตาลง ดูเหมือนว่าแผนของเฉียวซินโยวจะล้มเหลว เย่ฉ่าวเฉินจะพาเธอไปที่ไหนนะ?

ถนนสีทอง

สถานที่ที่ฟุ่มเฟือยและสกปรกที่สุดในเมือง A

เย่ฉ่าวเฉินและพรรคพวกของเขาเดินเข้าไปในอาบอบนวดที่เจิดจรัสและสวยงาม ผู้จัดการประจำล็อบบี้มองไปที่ผู้คนและรีบออกมาทักทายอย่างรวดเร็ว "ประธานเย่แขกผู้มีเกียรติ เชิญครับ"

“ เรียกเจ้านายของนายออกมา” เขาพูดอย่างเย็นชา

ผู้จัดการประจำล็อบบี้ไม่กล้าขัดคำสั่งเย่ฉ่าวเฉิน เขาตอบรับด้วยคำพูดอ่อนน้อมสองสามคำและรีบไปโทรหาเจ้านาย

ไม่นาน เจ้านายของอาบอบนวดก็วิ่งมาด้านหลังตามด้วยรองประธาน เขาก้มทักทายอย่างสุภาพและพูดว่า "เย่ฉ่าวเป็นแขกที่มีเกียรติจริงๆ มาๆๆ เชิญด้านใน"

"ไม่ล่ะ ที่ผมมาวันนี้มีเรื่องบางอย่างจะขอความช่วยเหลือจากคุณ" เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างสุภาพ

เจ้านายที่นี้เป็นคนฉลาด สิ่งที่เย่ฉ่าวเฉินพูดแน่นอนว่าเขาต้องรู้ว่าเป็นเรื่องจริงจัง

"เย่ฉ่าวมีเรื่องอะไรพูดมาได้เลย อะไรที่ผมสามารถช่วยคุณได้ผมไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน"

เย่ฉ่าวเฉินชี้ไปที่เฉียวซินโยวและพูดอย่างเย็นชา "พาเธอไปเยี่ยมชมธุรกิจของคุณที่นี้หน่อย เอาแบบที่ราคาถูกที่สุด"

เจ้านายตกตะลึงสองสามวินาที จากนั้นมองไปผู้หญิงที่กำลังว้าวุ่นและไม่ได้สวมรองเท้า เขารู้อยู่แก่ใจว่าผู้หญิงคนนี้ต้องทำให้เย่ฉ่าวเฉินขุ่นเคืองอย่างแน่นอน

"ได้ๆ เย่ฉ่าว ถ้างั้น... ผมจะให้รองประธานพาพวกเขาไป ผมอยู่ที่นี้รับใช้คุณ" เจ้านายพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่ง่ายเลยที่ได้เจอเย่ฉ่าวเฉินสักครั้ง แบบนี้ต้องค่อยประจบประแจงสักหน่อยแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้าและพูดกับจางเห่อ "นายกับเย่ยิงพาเธอไป"

รองประธานออกไปพร้อมกับพวกเขาทั้งสามคนและเย่ฉ่าวเฉินได้รับเชิญให้เข้าไปในห้องทำงานที่หรูหราของเจ้านาย

เฉียวซินโยวรู้สึกสงสัยเล็กน้อยเมื่อเข้าประตูอาบอบนวดครั้งแรก เขาพาเธอมาทำอะไรที่นี้? แต่เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับเจ้านาย ในหัวของเธอก็ได้คำตอบอย่างแจ่มแจ้ง

จริงๆแล้วเขาพาเธอมาขายให้เป็นโสเภณีของที่นี้

ข้อสงสัยนี้ไขออกทันที เพราะไฟตามทางที่นำโดยรองประธานเริ่มสลัวมากขึ้นเรื่อยๆ และได้ยินเสียงผู้หญิงครวญครางเป็นระยะๆตามรอยแตกของประตู

ไม่ นี่ไม่ใช่ตอนจบที่เฉียวซินโยวควรจะได้รับ เธอหน้าตาดีและมีการศึกษาเธอไม่มีทางมาที่แบบนี้เด็ดขาด

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เฉียวซินโยวก็ผลักอกของเย่ยิงอย่างแรงเพื่ออยากจะหลบหนี แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จเพราะเย่ยิงไม่ถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว

เย่ฉ่าวเฉินขยี้คิ้วด้วยความเหนื่อยล้า“ฉันให้คนส่งเธอกลับบ้านเกิด ยังไงซะเธอก็จะไม่กลับมาที่เมือง A อีก”

"กลับบ้านเกิดเหรอ?" เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็พูดออกมาอย่างลืมตัวว่า "อ้อ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอกลับไปก็จะได้ดูแลพ่อแม่ด้วย"

เย่ฉ่าวเฉินเพิ่งเดินมาถึงตรงหน้าเธอและตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ในหัวที่ยังรู้สึกงัวเงียของเขาก็ตื่นขึ้นมาทันที เขามองเธอด้วยสายตาวิเคราะห์หาข้อเท็จจริง "คุณรู้ได้ยังไงว่าเธอมีพ่อแม่?"

ราวกับว่ามีกระดิ่งดังขึ้นปลุกให้มู่เวยเวยรู้ตัวทันที คนโง่ ใครให้เธอพูดมากล่ะ

"ฉันเดาเอา หรือพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตไปแล้วหรอ?ไม่หรอกมั้ง" มู่เวยเวยดูใจเย็นเพื่อหาทางแก้ตัวสำหรับตัวเอง "คุณบอกว่าเธอกลับบ้านเกิด ถ้าพ่อแม่เธอไม่อยู่บ้านเกิดแล้วอยู่เมืองAหรือ?"

"คุณเดาถูก อยู่บ้านเกิด" เย่ฉ่าวเฉินเดินไปที่ห้องอาหาร แต่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นตรงมุมปากของเขา

มู่เวยเวยเดินตามหลังและถอนหายใจด้วยความโล่งอก นี้คงเป็นจุดจบที่ดีที่สุดแล้วแหละ

เฉียวซินโยวเป็นคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้น พยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อให้ได้อยู่กับเย่ฉ่าวเฉิน แต่ท้ายที่สุดตอนนี้เขาก็วนกลับมาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง นี้คงจะเป็นการลงโทษที่หนักที่สุดสำหรับเธอ

อาหารเช้าดูอุดมสมบูรณ์มาก โจ๊กที่ฉินหม่าทำนั้นทั้งหอมและนุ่มนวล เพียงเอาเข้าปากก็ละลายทันที

เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมองเธอขณะที่กินข้าว คำถามแรกที่เธอถามขึ้นเป็นเรื่องของเฉียวซินโยว แต่ไม่ได้ถามเกี่ยวกับเรื่องที่จู่ๆเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในอพาร์ตเมนต์เมื่อวานนี้ นี้มันต่างจากความคิดของคนทั่วไป สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือเธอรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่มีใครถามคำถามที่ตัวเองรู้อยู่แล้ว

"ฉู่เหยียน ทำไมคุณไม่ถามผมเรื่องที่ผมไปอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของคุณเมื่อวานนี้" เย่ฉ่าวเฉินเป็นฝ่ายถามหัวข้อนี้โดยสังเกตปฏิกิริยาและท่าทางของเธออย่างระมัดระวัง

มู่เวยเวยหยุดกินและทำท่าทางเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ “ใช่ ฉันเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย คุณรีบพูดมาว่ามันยังไงกันแน่?”

เย่ฉ่าวเฉินกวนช้อนในมือของเขาเบาๆแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดว่า "ที่จริงแล้ว ผมไม่ใช่มนุษย์บนโลกนี้"

"ฮ่าฮ่าฮ่า -" มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ในใจคิดว่าคุณนี้เป็นคนไร้สาระจริงๆ หลังจากเห็นดวงตาที่ขุ่นเคืองของเย่ฉ่าวเฉินเธอก็หยุดหัวเราะอย่างรวดเร็วและถามว่า "ถ้าคุณไม่ใช่คนในโลกนี้แล้วคุณเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือไง?"

“ คุณไม่แปลกใจเหรอ?”

“ก็แปลกใจอยู่บ้าง แต่ฉันเชื่อว่ามีมนุษย์ต่างดาวอยู่ในโลกนี้ คุณคิดดูจักรวาลใหญ่ขนาดนี้ มีดาวเคราะห์เป็นพันๆ เป็นไปไม่ได้ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตแค่บนโลกใบนี้เท่านั้นหรอก” มู่เวยเวยพูดอย่างจริงจัง "ไหนคุณลองพูด คุณมาจากดาวดวงไหน?ในโลกของคุณมีอะไรบ้าง?สวยไหม? เทคโนโลยีก้าวหน้าหรือเปล่า?"

เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าตัวเองกำลังถูกเธอเยาะเย้ย แต่เขาก็ยังให้ความร่วมมือแล้วพูดว่า "ทั้งหมดนี้เป็นความลับ แต่อากาศบนโลกของผมสะอาดกว่าที่นี้เยอะ"

มู่เวยเวยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองเขาที่กำลังเสแสร้งอย่างเงียบๆ

“ มีอะไรอีก?”

"ยังมี ... " เย่ฉ่าวเฉินหลอกเขาไม่ลงและหัวเราะกับตัวเอง "พอแล้ว ผมไม่ล้อคุณเล่นแล้ว อันที่จริงผมมีพลังวิเศษอยู่บ้าง"

มู่เวยเวยแสดงความตื่นเต้นที่ควรจะมีออกมา หลังจากนั้นเธอก็ถามคำถามที่รู้สึกว่ามันไร้เดียงสาอย่างมากอีกหลายคำถาม ในที่สุดเธอก็พูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อที่น่าเบื่อนี้จนจบไป

“ วันนี้คุณจะไปสตูดิโอไหม?” เย่ฉ่าวเฉินถามเธอ

สตูดิโอที่เขาพูดถึงนั้นเป็นสำนักงานที่บริษัทMKเช่าอยู่ในเมืองA ซึ่งอยู่ใกล้กับเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป ถังซื่อเซวียนและพวกเขาทำงานที่นั่น มู่เวยเวยทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัท ถ้าเธอผ่านก็จะแวะเข้าไปบ้าง

“ ฉันไม่ไปแล้ว เมื่อคืนฉันเอาแต่ฝันร้ายทั้งคืน สภาพของฉันในวันนี้ก็ไม่ดีนัก” มู่เวยเวยก้มศีรษะลง จริงๆแล้วเธอต้องการใช้ประโยชน์จากการที่เย่ฉ่าวเฉินไม่อยู่แล้วสัมผัสบรรยากาศคฤหาสน์ตระกูลเย่สักหน่อย

เย่ฉ่าวเฉินแสดงท่าทางกังวล แต่มันก็ดูไม่ดีนักที่เขาจะพูดถึงเรื่องของเมื่อวาน เขาพยักหน้าและพูดว่า "ก็ดีเหมือนกัน คุณพักผ่อนสักสองสามวัน โครงการฝั่งนั้นช่วงนี้ดำเนินไปได้ด้วยดี ไม่จำเป็นต้องไปที่สถานที่ก่อสร้างทุกวันหรอก "

"อ้อ" มู่เวยเวยนึกถึงห้องหนังสือเลยเงยหน้าขึ้นและถามเขา "ฉันได้ยินพ่อบ้านหวังบอกว่าห้องหนังสือของคุณอยู่ชั้นสาม ถ้าคุณไม่อยู่ก็ไม่ให้คนอื่นเข้า แต่ฉันรู้สึกเบื่อมากอยากเข้าไปหาหนังสือสักเล่ม "

เย่ฉ่าวเฉินมีรอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนดวงตาของเขา แม้ว่าเธอจะเจอความลับโดยบังเอิญ แต่ถ้าเธอไม่มีลายนิ้วมือก็ไม่สามารถเปิดมันได้

"ได้สิ คุณไปดูได้เลย ในบ้านหลังนี้ไม่มีพื้นที่ห้าม เดี๋ยวผมบอกคุณอาหวังไว้ให้"

ดวงตาของมู่เวยเวยสว่างขึ้นมาทันที "เยี่ยมไปเลย ขอบคุณค่ะ"

เย่ฉ่าวเฉินไปทำงานหลังจากกินข้าวเสร็จ ก่อนขึ้นรถก็บอกเรื่องเมื่อกี้ให้พ่อบ้านหวัง แต่หลังจากนั้นก็พูดสริมไปอีกไม่กี่ประโยค "เธอจะไปกี่รอบก็ไม่ต้องห้าม แต่คอยบอกผมว่าเธอทำอะไรบ้าง"

พ่อบ้านหวังสับสนเล็กน้อย นี้หมายความว่าอย่างไร?

จางเห่อมองไปที่สีหน้าที่งงงวยของพ่อบ้านหวังและรีบโน้มตัวไปพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ "คุณชายหมายถึงให้คุณจับตามองเธอไว้"

พ่อบ้านหวังก็นึกขึ้นได้ทันทีและพูดอย่างรวดเร็วว่า "อ้อ ผมเข้าใจแล้ว"

เมื่อได้ยินเสียงรถออกจากบ้านไป มู่เวยเวยก็เดินออกจากห้องอาหารและพูดกับพ่อบ้านหวังด้วยรอยยิ้ม "คุณอาหวัง ฉันไปห้องหนังสือได้หรือยัง?"

"ได้แน่นอน คุณชายสั่งผมไว้แล้ว" พ่อบ้านหวังพูดด้วยความเคารพอย่างมาก แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะเห็นได้ชัดว่าคุณชายปฏิบัติต่อคุณฉู่เป็นอย่างดี แล้วทำไมเขาถึงสั่งให้เฝ้าจับตามองเธออีก อีกอย่างเธอเป็นคนที่รับผิดชอบบริษัทฮ่องกง เธออยากหาอะไรในบ้านตระกูลเย่?

มู่เวยเวยเดินขึ้นไปบนชั้นสามอย่างรวดเร็ว ห้องหนังสือยังคงเหมือนเดิม สิ่งของทุกอย่างแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง เว้นแต่มีเอกสารที่เพิ่มขึ้นอีกสองสามชุดบนโต๊ะ เธอหยิบมันขึ้นมาแล้วดู มันเป็นงบประมาณสำหรับโครงการสวนสนุก

เธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้

สองครั้งก่อนเพียงแค่หาแบบคร่าวๆไปแล้วรอบหนึ่ง วันนี้มีเวลาเหลือเฟือ มู่เวยเวยจึงอยากตั้งใจหาดีๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ