วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 214

จางเห่อยื่นเงิน 500 บาทให้ผู้หญิงที่ขับBMWนั้น ให้เธอหยิ่งผยอง พลางคิดในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมัวแต่ไปเถียงกับคนขับที่อยู่เลนข้างๆ จะจ่ายสองแสนได้อย่างไร?

ฉู่เซียนบังเอิญเจอเย่ฉ่าวเฉินถามว่า "ประธานเย่ คุณไปทำอะไรมาทำไมตัวเปียกแบบนี้ครับ?"

ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะไม่มีน้ำหยดออกมาแล้ว แต่มันก็ยังเปียกมากพอที่จะทำให้คนสังเห็น เขาบอกความจริงไม่ได้ ทำตีหน้าเนียนตอบว่า "เมื่อกี้ ผมมองเห็นร้านดอกไม้ เลยลงจากรถเข้าไปสั่งดอกไม้ให้อาเหยียน ระหว่างรอฝนตกหนักมาก รถก็จอดอยู่ไกล ตอนวิ่งกลับมาก็เลยเปียกแบบนี้"

ฉู่เซวียนได้ยินแบบนั้นก็ขำ "แค่ไปสั่งดอกไม้ ให้เหอจางไปก็ได้ ท่านประธานไม่เห็นต้องวิ่งไปเองเลยครับ"

"ผมอยากเป็นคนทำให้อาเหยียนด้วยตัวเองครับ"

ในเวลานี้ รถเริ่มขยับ เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากอยู่ตรงนี้ต่อ เตรียมจะเอ่ยลากับฉู่เซวียน แต่ไม่ทันได้เอ่ยปาก เขาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน "พอดีเลย ตอนแรกผมว่าจะไปคุยเรื่องงานกับคุณตอนเช้า ตอนนี้บังเอิญเจอกันแล้ว ผมขอติดรถคุณไปบริษัทคุณด้วยนะครับ"

เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากให้เขานั่งรถไปด้วย จึงขวางทางเขา

พอดีทางนั้น เขาแจ้งผมว่าวันนี้ 9 โมงครึ่งมีประชุมด่วนที่ผมต้องเข้าร่วม เอาแบบบนี้แล้วกันครับ เดี๋ยวผมประชุมเสร็จจะไปหาคุณที่บริษัท"

ประชุม?

"ที่ประชุมอยู่ทางนู้น ทำไมคุณ....?"

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มแหยๆและตอบว่า "คุณจะให้ผมไปประชุมสภาพนี้หรือ? ผมต้องผมต้องกลับบริษัทไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ถือโอกาสหยิบเอกสารประชุมด้วย ต้องโทษฝนนี่แหละที่ทำให้ผมไปประชุมสาย" เขาพูดพลางมองนาฬิกาข้อมือ

เขาพูดขนาดนี้ ฉู่เซวียนจะทำอะไรได้ จึงตอบกลับรับคำ "โอเคครับ ไว้เจอกันตอนบ่ายครับ"

"โอเค เดี๋ยวตอนบ่ายผมโทรหาคุณ"

ตอนฉู่เซวียนลงจากรถ เขาไม่มั่นใจว่าเค้าตาฝาดหรืออะไร เพราะเค้ารู้สึกเหมือนมีใครอยู่ในรถ

เมื่อเห็นเขาเดินไปที่รถของตัวเอง เย่ฉ่าวเฉินก็รีบขึ้นหลังรถ

เขาเลื่อนไปเปิดประตู มู่เวยเวยนั่งยองๆอยู่ที่พื้น เหมือนลูกแมวตัวน้อย "เขาไปแล้วหรือ?"

เย่ฉ่าวเฉินขำกับท่าทางของเธอ "ไปแล้ว ขึ้นมาซิ"

"รออีกแปปนึง รอให้เขาไปไกลๆก่อน" มู่เวยเวยนั่งกอดเข่า เพราะไม่อยากเสี่ยง

จางเห่อเคลื่อนรถออก สังเกตเห็นผ่านกระจกมองหลังว่า ผู้หญิงขับ BMW คนนั้นยังคงยืนทะเลาะกับชายหนุ่ม รถที่อยู่ข้างหลัง บีบแตรสนั่นหวั่นไหว

เย่ฉ่าวเฉินเห็นรถของฉู่เซวียนเลี้ยวไปแล้ว จึงพูดกับมู่เวยเวยว่า " ขึ้นมาได้แล้ว เขาเลี้ยวไปแล้ว"

มู่เวยเวยถอนหายใจโล่งออก และลุกขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด

เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยสงสารว่า "ขาชาหรือ?"

"อือ" มู่เวยเวยพยักหน้า

เมื่อเธอนั่งลง เย่ฉ่าวเฉินก็ยกขาเธอวางไว้บนตัก มู่เวยเวยตกใจกับการกระทำของเขา ขมวดคิ้วถามว่า "คุณทำอะไรเนี่ย?"

"นวดให้คุณไง เลือดจะได้ไหลเวียน"

"โอ้ยๆ คุณทำเบาๆหน่อย" มู่เวยเวยร้อง

"นี่เบามากแล้วนะครับ คุณอดทนหน่อย ครู่เดียวก็หาย"

มู่เวยเวยเห็นท่าทีตั้งใจของเขา ใจก็เต้นตึกตัก และชวนเขาคุย "เมื่อกี้คุณโกหกได้แนบเนียนมาก เก่งจริงๆ"

เย่ฉ่าวเฉินถามกลับด้วยท่าทียียวน "คุณหมายถึงช่วงไหน?"

"ที่บอกว่ามีประชุมในเมือง"

"อ่อ อันนั้นไม่ได้โกหกครับ มีประชุมตอน 9 โมงครึ่ง" เย่ฉ่าวเฉินกล่าวเรียบๆ

มู่เวยเวยได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ "นี่มันจะ 9 โมงแล้วนะ คุณไปทันหรือ?"

"วันนี้ผมจะไปเยี่ยมพ่อกับแม่เป็นเพื่อนคุณนี่ ผมจัดการให้กรรมการหลิวไปแทนแล้วครับ"

มู่เวยเวยได้ยินก็รู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เธอรีบควบคุมความรู้สึกตัวเอง ประจวบกับขาเริ่มมีความรู้สึกแล้ว จึงรีบพูดว่า "หายแล้วๆ ตอนนี้ขาหายชาแล้วค่ะ"

เย่ฉ่าวเฉินมองเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

.......................

เมือง S

ตั้งแต่ที่มู่เวยเวยได้ที่บ้านของเสี่ยวซีหร่าน อาการของมู่เทียนเย่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา

ช่วงแรกเสี่ยวซีหร่านตื้นเต้นมาก คิดว่าเขาใกล้จะฟื้นแล้ว เวลาว่างๆจะหาเวลาไปดูเขา แต่นานไปเขาก็ยังไม่ฟื้น เธอจึงหน่าย

วันนี้ช่วงเช้า หมอส่วนตัวได้เขามาตรวจอาการของเขา แจ้งเสี่ยวซีหร่านว่า "อาการของคนไข้ปกติดีนะครับ"

เสี่ยวซีหร่านได้ยินที่คุณหมอบอก ถามคุณหมอกลับว่า "ทุกครั้งหมอก็พูดแบบนี้ ปกติๆๆ แต่ทำไมเขาไม่ฟื้นขึ้นมาสักทีคะ?"

หมอพูดน้ำเสียงราบเรียบ "สาเหตุที่ทำให้คนไข้ไม่ฟื้นมีหลายสาเหตุครับ แต่สาเหตุหลักคือส่วนสมองที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก คนไข้อาจจะไม่ได้รับรู้ถึงแรงกระตุ้นภายนอก ทำให้ยังไม่ฟื้นครับ"

"งั้นคุณหมอช่วยบอกฉันทีได้ไหม ฉันจะพอทำอะไรได้อีกบ้างคะ?"

คุณหมอก็ไม่รู้จะบอกเธออย่างไร จึงตอบกลับว่า "หรือว่า คุณลองจับเขามัดบนวีลแชร์ แล้วพาเขาเดินไปรอบๆ ให้เขาซึมซับบรรยากาศครับ"

"ทำแบบนี้ช่วยได้หรือคะ?" เสี่ยวซีหร่านถาม

คุณหมอตอบกลับ "อย่างไรซะตอนนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่า ลองดูนะครับ ให้เขาตากแดดตากลมบ้าง จะช่วยเรื่องกระดูกครับ"

"โอเคค่ะ ฉันจะลองดู"

หลังจากคุณหมอกลับ เสี่ยวซีหร่านก็ได้สั่งคนไปหาซื้อวีลแชร์ที่ดีที่สุดมา จากนั้นอุ้มมู่เทียนเย่นั่งบนเก้าอี้ โดยมัดลำตัวช่วงบนกับแขนของเขาติดไว้กับเก้าอี้

เมื่อยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆสีแดง สายลมอ่อนพัดไหว

เสี่ยวซีหร่านพามู่เทียนเย่ออกจากห้องที่อยู่มาราวๆ 1 ปี เธอแนะนำรอบๆตัวบ้านราวกับเขาเป็นเพื่อนใหม่"นายเห็นรั้วไม้เขาวงกตตรงนั้นไหม? รู้ไหมตรงนั้นเป็นอะไร? ข้างในเป็นสระว่ายน้ำ แถมมีเรื่องราวด้วยนะ ตอนนั้นฉันกับคุณแม่อยากจะสร้างรั้วไม้ที่เป็นเขาวงกตขึ้นมา แต่คุณพ่อฉันไม่ยอม ท่านอยากจะสร้างสระว่ายน้ำ เพราะเรื่องนี้ทำให้ฉันทะเลาะกับพ่อไปพักหนึ่งเลย พอนักออกแบบเห็นเขาก็เลยเสนอไอเดียมาว่า งั้นทำสองอย่างให้อยู่ที่เดียวกันไปเลยซิ ผลมันเลยเป็นแบบนั้นแหละเพราะอย่างนั้นเวลาที่คุณพ่อของฉันจะไปว่ายน้ำ ก็ต้องเดินวนหาหาทางออกอยู่ในนั้นเป็นวันๆ กว่าจะได้ว่ายน้ำ ตลกมากเลย"

"อ่า และก็ยังมีทางนั้น ตรงนั้นคือกังหันลมค ฉันชอบเวลาที่มันโดนลมพัดแล้วหมุน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กลางทุ่ง แต่วันนี้ลมไม่ค่อยแรงมันเลยไม่หมุน"

เป็นแบบนี้ไปช่วงระยะหนึ่ง เสี่ยวซีหว่านพาเขาสำรวจและแนะนำไปรอบตัวบ้าน แม้กระทั่งสวนดอกไม้ที่มู่เวยเวยเคยไป

แต่ว่าเขาก็ไม่ฟื้นขึ้นมา

ตกดึก เสี่ยวซีหร่านกำลังนั่งรับดาวอยู่ จากนั้นก็หันไปพูดกับคนที่นั่งบนวีลแชร์ว่า "สุดหล่อ นายจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ถ้านายยังไม่รีบฟื้นนะ ฉันจะจับโยนนายลงทะเลอีกรอบให้ดู นายรู้ไหม ฉันอดไปเที่ยวเพราะต้องมาดูแลรักษานาย"

ช่างเถอะ พูดอะไรไปเขาก็ไม่ได้ยิน จากนั้นเสี่ยวซีหร่านก็พาเขากลับห้อง

เสี่ยวซีหร่านรู้สึกว่าเธอใจดีกับเขามาก เธอหมดกับค่ารักษาของเขาเยอะมาก แต่ก็โชคดีที่เธอเป็นคนมีเงิน ไม่งั้นเธอก็คงล้มละลายหมดตัวไปแล้ว

วันที่เมืองเอเกิดแผ่นดินไหว เสี่ยวซีหร่านนั่งตกปลาอยู่กับมู่เทียนเย่ที่ริมทะเลสาบ

ตอนที่เกิดแผ่นดินไหว พอดีกับช่วงที่ปลากินเบ็ด เสี่ยวซีหร่านเห็นดังนั้นก็รีบดึงเบ็ดด้วยความดีใจ แต่จู่ๆ พื้นก็เริ่มสั่น ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นภาพลวงตาจึงไม่ได้สนใจ แต่ทันใดนั้นรถวีลแชร์ที่มู่เทียนเย่นั่งอยู่ก็เริ่มไหลลงไปทางทะเลสาบ เธอตกใจมากรีบโยนเบ็ดทิ้ง จากนั้นรีบวิ่งเข้ามาคว้าวีลแชร์ไว้

แผ่นดินไหวหรือ? เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเข็นรถไปจอดไว้ในที่ปลอดภัย เธอมองลงไปในทะเลสาบเห็นคลื่นลูกใหญ่กำลังจะซัดเข้าฝั่ง

ถ้าเป็นคนอื่นคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กับไม่ใช่กับเธอ เพราะช่วงที่เธอไปเที่ยวก็ได้เจอเหตุการณ์ที่หนักหนากว่านี้มาก ทุกครั้งต้องเฉียดเป็นเฉียดตายทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเหตุการณ์นี้ไม่ได้ทำให้เธอเป็นกังวลมากนัก

.............................

บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่รอบๆทั้งสี่คน รีบวิ่งเข้ามาถามเธอ "เจ้านายเป็นอย่างไรบ้างครับ?"

เสี่ยวซีหร่านพูดด้วยเสียงราบเรียบ "ฉันไม่เป็นอะไร"

เธอไม่ชอบเวลาที่คนทั่วไปเรียกเธอว่าคุณ เพราะมันไม่ค่อยเข้ากับอุปลักษณะนิสัยของเธอ แต่ในเมื่อเธอเป็นนายจ้าง จึงยอมให้เรียกว่าเจ้านาย

"เจ้านายจะกลับเลยไหมครับ?"

เสี่ยวซีหร่านหัวเราะเล็กน้อยและตอบกลับว่า "ปกติถ้าเกิดแผ่นดินไหว ทุกคนควรจะอยู่ข้างนอกไม่ใช่หรือ? จะกลับไปทำอะไร?"

บอดี้การ์ดได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเก้อๆ พลางเกาหัว

เสี่ยวซีหร่านโบกมือบอกพวกเขา "ฉันไม่เป็นอะไรหรอก พวกนายอยากจะไปทำอะไรก็ไปทำ"

พวกเขารู้ดีว่านายของพวกเขาเจอโลกมาเยอะและแข็งแกร่งแค่ไหน เผลอๆอาจจะแข็งแกร่งกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ พวกเขาจึงรับคำสั่งกลับไปประจำที่ของตัวเอง

พวกสัตว์มักมีจะมีประสาทสัมผัสเร็วกว่ามนุษย์ พวกมันได้ยินเสียงคำรามของพื้นดิน เพราะฉะนั้นพวกปลาในทะเลสาบต่างพากันหาที่หลบภัย ถึงแม้ว่าแผ่นดินไหวจะสงบลง แต่ผืนน้ำยังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย พวกปลาน้อยใหญ่ผลัดกันกระโดดขึ้นเหนือน้ำตัวแล้วตัวเล่า

"ถ้าตอนนี้มีแหก็คงดี" เสี่ยวซีหร่านพูดพร้อมกับมองไปที่ผืนน้ำ จากนั้นตบไหล่มู่เทียนเย่เบาๆ และพูดว่า "นายนั่งตรงนี้ดีๆนะ เดี๋ยวฉันไปเก็บเบ็ดก่อน"

เสี่ยวซีหร่านมองปลาที่เธอตกได้ดิ้นไปมาในถัง เธอตัดสินใจเทพวกมันกลับลงทะเลสาป

"วันนี้ฉันอารมณ์ดี เลยคืนชีวิตให้พวกแก ครั้งหน้าอย่าโง่โดนจับได้อีกนะ"

เสี่ยวซีหร่านชอบการตกปลามาก เธอเลี้ยงปลาไนไว้ในทะเลสาบหลากหลายชนิด แต่ถ้าจะกินล่ะก็ เธอชอบกินเนื้อปลาคอร์ดมากกว่า

เสี่ยวซีหร่านหยิบเบ็ดขึ้นมาก จากนั้นมองบนไปฟ้า

พึมพัมกับตัวเองว่า "ไม่รู้ว่าที่ไหนเกิดแผ่นดินไหว"

สิ้นเสียงพูด แผ่นดินก็ไหวอีกครั้ง ครั้งนี้สั่นแรงกว่าครั้งแรกมาก ทำให้เสี่ยวซีหร่านเกือบตกลงไปในทะเลสาบ

เธอลืมล็อคล้อรถวีลแชร์ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้น ทำให้รถไหลลงไปทางทะเลสาบ แต่ว่าไหลลงไปไม่ไกล ล็อก็ติดกับท่อนไม้ที่วางอยู่

เสี่ยวซีหร่านรีบจัดการเก็บเบ็ดตกปลา ทันใดนั้นเธอได้ยินเสียง กึก รีบหันไปดูก็เห็นรถวีลแชร์คว่ำอยู่ที่พื้นและร่างของมู่เทียนเย่นอนหนุนกิ่งไม้อยู่

"โอ้ยพระเจ้า" เสี่ยวซีหร่านรีบวิ่งเข้ามาดูพร้อมกับตะโกนเรียก "เสี่ยวเฉิน รีบมาช่วยฉันเดี๋ยวนี้"

ร่างของมุ่เทียนเย่หนักเกินไปสำหรับแรงของเสี่ยวซีหร่าน

บอดี้การ์ดสองคนดึงมู่เทียนเย่ขึ้นมานั่งบนวีลแชร์ตามเดิม จากนั้นเสี่ยวซีหร่านก็สังเหตเห็นเลือดเขาไหลลงมาลำคอ เพราะหัวเขากระแทกท่อนไม้จนแตก

"เสี่ยวเฉิน รีบโทรหาหมอ พวกนายสองคนรีบพาเขากลับไปที่ห้อง" เสี่ยวซีหร่านสั่ง เธอเป็นกังวลมาก เพราะสมองของเขาก้ได้รับความเสียหายอยู่ก่อนแล้ว พอมาเจอแรงกระแทกครั้งนี้อีก จะทำให้เขาไม่ตื่นขึ้นมาอีกหรือเปล่านะ?

มู่เทียนเย่กลับมาถึงที่ห้องพัก พยาบาลที่เธอจ้างไว้รีบช่วยเขาทำความสะอาดแผล รอคุณหมอมาดูอาการ

"ทำไมหมอยังไมาอีก?" เสี่ยวซีหร่านถามด้วยความร้อนรน

"เมื่อสักครู่เกิดแผ่นดินไหว รถบนถนนน่าจะติดครับ" เสี่ยวเฉินตอบ

เสี่ยวซีหร่านพยายามควบคุมสติ ถามกลับว่า "แผ่นดินไหวที่ไหน?"

"เมืองเอครับ"

เสี่ยวซีหร่านตกใจ ตอบกลับ "เมืองเอหรือ? อยู่ห่างจากที่นี่ตั้งไกล ยังได้รับแรงสั่นสะเทือนขนาดนี้ ความแรงต้อง 8 ริกเตอร์แน่ๆ"

"ไม่มั่นใจครับ ตอนนี้ข่างยังไม่ออก น่าจะอยู่ในช่วงชุลมุนครับ"

เสี่ยวซีหร่านนึกขึ้นได้ว่าฉู่เหยียนเพื่อนของเธอก็อยู่ที่เมืองเอ จึงรีบร้อนโทรหาเธอ แต่ก็ติดต่อไม่ได้

เธอน่าจะไม่เป็นอะไร ขอพระเจ้าช่วยให้เธอปลอดภัย

ขณะที่เสี่ยวซีหร่านกำลังเป็นกังวลอยู่นั้น คุณหมอก้ได้มาถึง

"เกิดอะไรขึ้นครับ?" คุณหมอรีบกระโดดจากรถมาถามอาการ

เสี่ยวซีหร่านพยายามข่มอารมณ์ตอบกลับว่า "วีลแชร์ล้มค่ะ หัวเขาไปกระแทกกับท่อนไม้แตก"

หมอขมวดคิ้วเป็นเลขแปด พลางคิดในใจ จบแล้ว สมองจบแล้ว

จากนั้นเขาก็รีบสำรวจอาการอย่างละเอียด พบว่ามู่เทียนเย่ยังโอเคอยู่ ไม่ได้แย่อย่างที่เขาคิด

"ผมแนะนำให้พาเขาไปทำ CTสแกน ตอนนี้ดูจากอาการเบื้องต้นแล้วยังโอเค แต่สมองผมไม่มั่นใจครับ"

เสี่ยวซีหร่านได้ยินดังนั้นก็รีบตอบกลับว่า "โอเคค่ะ ฉันจะพาเขาไปเดี๋ยวนี้ ลุงโจวไปเตรียมรถ"

ในขณะที่ทุกคนกำลังยุ่งเรื่องพามู่เทียนเย่ไปโรงพยาบาล ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นลูกตาของเขาขยับ

"ตื้ดๆๆๆๆ" เสียงเครื่องวัดการเต้นของหัวใจดังขึ้น

หมอรีบหันไปดูที่เครื่อง พบว่าอัตราการเต้นของหัวใจเขาทะยานจาก 90 เป็น 110

"มีอะไรหรือคะ์" เสี่ยวซีหร่านถามด้วยความกังวล เหตุการณ์ครั้งเหมือนกับครั้งก่อนมาก

หมอเพ่งดูที่เลข จากนั้นเตรียมจะวัดความดันเขา ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น

"อ่า เขาลืมตาแล้ว"

เสี่ยวซีหร่านช็อค เขาฟื้นแล้ว? นอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่เป็นปีๆ วันนี้หัวกระแทกไม้ ฟื้น?

ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก เธอคงหาอะไรแข็งฟาดหัวเขา

หมอรีบเข้าไปดูเขาด้วยความตื่นเต้น และถามเขาว่า "มองเห็นไหมครับ?"

มู่เทียนเย่ จะเอ่ยปากตอบกลับหมอ แต่รู้สึกว่ามีอะไรเหนียวๆอยู่ในคอ ทำให้เขาพูดออกมาไม่ได้

เธอเอานิ้วจุ่มกาแฟและเขียนชื่อของเธอลงบนโต๊ะ

มู่เทียนเย่ตั้งใจดูที่เธอเขียน พอเธอเขียนเสร็จ เขาก็พูดกับเธอว่า "ผมจำได้แล้ว" อีกอย่างจะจำไว้ตลอดชีวิต

เสี่ยวซีหร่านยิ้มตอบ และถามเขาว่า "นายชื่ออะไร?"

มู่เทียนเย่เอามือจุ่มกาแฟ และเขียนต่อจากชื่อของเธอว่า มู่เทียนเย่

"มู่เทียนเย่?"

เขาพยักหน้า

"โอเค ฉันจำได้แล้ว" เธอมองไปที่ตาของเขา และคิดในใจว่า ในที่สุดฉันก็ได้เจอคนที่พอดีกับเธอแล้ว คนก่อนๆที่เธอเคยเจอ ถ้าไม่ขี้เก๊กเกินไป ก็เป็นพวกเด็กเนิร์ด หรือไม่บางทีก็เจอพวกที่คิดว่าตัวเองนั้นคือพระเจ้า แต่ผู้ชายที่อยู่หน้าเธอตรงนี้ไม่ใช่ แม้ภายนอกจะดูอ่อนแอ แต่แท้จริงแล้วเป็นคนบ้าระห่ำ สายตาแบบนั้นคล้ายกับจะกินคนได้

เธอชอบผู้ชายที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน

และมู่เทียนเย่ ก็ตรงสเป็กของเธอมาก

เธอน่าจะมองคนไม่ผิด

ส่วนเรื่องที่เขาโดนทำร้ายมา เธอคงจะไม่เข้าไปเกี่ยว

ผ่านไปสองวัน อาการของมู่เทียนเย่ดีขึ้นมาก เขาสามารถวิ่งรอบๆบ้านได้อย่างไม่มีอาการเหนื่อยหอบ พละกำลังของเขาค่อยๆฟื้นตัวกลับมา ไม่มีใครเคยคิดว่า คนที่ฟื้นจากการเป็นเจ้าชายนิทราไปปีกว่าจะหายเร็วขนาดนี้

หลังจากที่มู่เทียนเย่ได้พูดคุยกับคนในบ้าน ก็ทำให้เขารู้ว่าเสี่ยวซีหร่านสละเวลาและทุ่มเทดูเขามากแค่ไหน ถึงแม้สภาพเขาจะดูเหมือนไม่มีความหวังว่าจะหายได้ แต่เธอก็ยังคอยดูแลเขาไม่ห่าง ส่วนเรื่องเที่ยวที่เธอกล่าวโทษเขา ก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น บุญคุณครั้งนี้เขาจะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด

แต่สาเหตุที่ทำให้เขายิ่งสนใจเธอก็คือนิสัยของเธอ เพราะบางครั้งเธอเหมือนจะสนใจสิ่งนี้มากๆ แต่บางครั้งก็รู้สึกเบื่อสิ่งนี้มากเหมือนกัน

เขาได้ยินชื่อเสียงของเธอมาก่อนแล้ว คิดว่าเธอคงจะเป็นคุณหนูที่เย่อหยิ่งและอวดดีคนหนึ่ง แต่ผิดคาด เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่น่าหลงใหลมาก น้อยมากที่มู่เทียนเย่จะสนใจผู้หญิงคนไหน แต่กับเธอแล้ว เขากลับอยากรู้สึกใกล้ชิดเธอมากขึ้น

เมื่อออกกำลังกายเซ็ตสุดท้ายเสร็จ ร่างกายของมู่เทียนเย่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

"คุณอาโจวครับ เสี่ยวซีหร่านล่ะครับ?" เขาเอ่ยถาม

"ไปว่ายน้ำครับ เป็นกิจวัตรประจำวันยามเช้าของคุณหนูครับ"

มู่เทียนเย่ตะลึงไปชั่วครู่ ตั้งแต่เขาอยู่ที่นี่มา ยังไม่เคยเห็นสระว่ายน้ำเลย

อาโจวมองก็รู้ว่าเขากำลังสงสัย จึงชี้ไปทางรั้วต้นไม้เขาวงกต พร้อมกับพูดล้อเล่นว่า "อยู่ในเขาวงกตตรงนั้นครับ ถ้าคุณฉลาดพอ ก็จะหาสระเจอครับ"

ที่แท้รั้วต้นไม้สูงเกือบสองเมตรนั่นคือเขาวงกตหรือเนี้ย น่าสนใจจริงๆ

"สักครู่ครับ" จากนั้นเขาก็ยื่นขวดน้ำผึ้งมะนาวให้มู่เทียนเย่ และพูดว่า "คุณหนูต้องชอบแน่ครับ"

"ขอบคุณมากครับ คุณอาโจว"

"ด้วยความยินดีครับ"

อาโจ่วคิดแค่ว่า เขาจะส่งเสริมคนที่คุณหนูชอบอย่างเต็มที่ และหลังจากที่ได้รู้จักกับมู่เทียนเย่มาสักระยะ ก็ทำให้รู้ว่า เขาเป็นคนมีอดทนมากและเขาเป็นคนที่ไม่ย้อท้อกับความลำบากเลย

ถ้าจะให้คุณหนูแต่งงานกับผู้ชายไม่ได้เรื่องพวกนั้น สู้ยอมให้แต่งกับมู่เทียนเย่เสียดีกว่า อีกอย่างก็ไม่ต้องคิดเรื่องเงิน เพราะอย่างไรซะคุณหนูก็รวยอยู่แล้ว ขอแค่คุณหนูชอบ เขาก็พร้อมจะสนับสนุน

มู่เทียนเย่เดินเข้าไปในรั้วเขาวงกตอย่างไม่ลังเล ช่วงแรกที่เขาเดินเข้าก็เจอแต่อุปสรรค เพราะทางที่เขาเลือกเดินมักจะเป็นทางตัน เขาเริ่มค่อยๆคิดและวาดภาพในใจ ยิ่งเจออุปสรรคมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งวิเคราะห์ออกมาได้มากขึ้นเท่านั้น สิบนาทีผ่านไป เขามองเห็นภาพหนึ่ง จากนั้นเขาหลับตาลงและเดินตามภาพที่วิเคราะห์ไว้ในหัว ยิ่งเดินเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ เสียงน้ำก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เขาเดินไปเรื่อยๆ เมื่อได้ยินเสียงของน้ำหยุดการเคลื่อนไหว เขาก็ลืมตาขึ้น

ภาพข้างหน้าเป็นผู้หญิงคนหนี่งกำลังว่ายน้ำอย่างสบายใจอยู่ในสระ

"อรุณสวัสดิ์ครับ" มู่เทียนเย่เอ่ยคำทักทายอย่างเบาๆ

เสี่ยวซีหร่านขมวดคิ้ว และถามเขาว่า "มาหาฉันมีอะไร?"

"เอาน้ำมะนาวมาให้ครับ"

"ถ้าคุณจับชนะฉันได้ ฉันจะยอมดื่ม" เสี่ยวซีหร่านพูดและว่ายมาขอบสระ

มู่เทียนเย่ไม่รีรอ รีบวางขวดน้ำไว้ข้างสระและถอดเสื้อ เพื่อลงน้ำ

"วัดด้วยอะไรครับ?" เขาถาม

เสี่ยวซีหร่านมองไปที่ซิกแพ๊คของเขา และตอบกลับว่า "ว่ายจากตรงนี้ไปตรงนู้น และกลับมาอีกรอบ ถ้าพร้อมนายนับ 1 2 3"

"โอเคครับ"

ทั้งสองประจำอยู่ที่เลนว่ายของตัวเอง มู่เทียนเย่รอเธอพร้อม และตะโกนว่า 1 2 3 !

พูดจบ พวกเขาก็เริ่มว่ายน้ำแข่งกัน เร็วราวกับปลาใหญ่กำลังว่ายน้ำหนีอวน

เสี่ยวซีหร่านเก่งเรื่องว่ายน้ำมาก เมื่อตอนที่เธอเรียนอยู่ต่างประเทศ เธอเคยได้รับรางวัลชนะเลิศแข่งขันว่ายน้ำ หลังจากที่เธอกลับมา เธอก็ได้ฝึกซ้อมเสมอๆเมื่อเธอมีเวลา

แต่ทันใดนั้น ช่วงเวลากลับตัว มู่เทียนเย่ก็ได้แซงเธอมา

นี่คงเป็นความต่างระหว่างแรงของผู้หญิงกับผู้ชาย

ไม่นาน มู่เทียนเย่ก็ถึงจุดหมาย เสี่ยวซีหร่านช้ากว่าเขาไปแค่ 2 วิเท่านั้น

เสี่ยวซีหร่านลูบน้ำที่หน้าออกและพูดกับเขาด้วยความตะลึงว่า "นายเพิ่งหายดี แต่กลับว่ายเร็วกว่าฉันอีก"

มู่เทียนเย่มองไปที่หน้าของเธอ จึงพูดถ่อมตัวว่า "เมื่อกี้คุณว่ายไปหลายรอบแล้ว แรงคงจะหมด ผมไม่ได้ชนะจริงๆหรอก"

เสี่ยวซีหร่านคิดว่าก็น่าจะใช่แบบนั้น จึงพูดกลับว่า "งั้นพรุ่งนี้แข่งอีกรอบ ฉันต้องชนะนายแน่"

"ได้เสมอครับ"

ขณะที่เสี่ยวซีหร่านกำลังจะขึ้นจากสระ ก็โดนมือหนึ่งดึงเธอลงมา ไม่ทันตั้งตัวปากของเธอก็โดนปิดด้วยปากของเขาแล้ว ความรู้สึกตอนนี้ร้อนแรงจนไม่สามารถปฏิเสธมันได้

เธออึ้งไปเพียงสองวิ จากนั้นมือของเธอก็เอื้อมไปกอดหัวของเขาโดยอัตโนมัติ จูบเริ่มร้อนแรงขึ้น

รสจูบอันร้อนแรงของเขา เธอชอบมาก

คนเรานี่แปลก เพราะถ้าคุณรู้สึกชอบใครสักคนหนึ่งแล้ว คุณจะมองเห็นเรื่องทั้งหมดของเขาคือเรื่องดี

มู่เทียนเย่โอบเอวเธอแล้วกดเข้าหาตัวเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นเสี่ยวซีหร่านก็ยกขาของตัวเองโอบเอวของเขาไว้และใช้แรงดันของน้ำพยุงตัวเธอไว้

จูบแรกที่แสนจะร้อนแรง ราวกับฟ้าผ่าและทำให้น้ำในสระเดือดปุดๆ.....

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ