"จำคำพูดฉันไว้ให้แม่น ไม่ต้องยอมรับอะไรทั้งนั้น ฉันวางก่อนนะ"
แสงพระอาทิตย์ร้อนระอุ แต่ทว่ามู่เวยเวยรู้สึกว่าตัวสั่นหนาวเย็น หนาวจนทนไม่ไหวต้องกอดไหล่ทั้งสองข้าง
"คุณฉู่ ทำไมหน้าของคุณขาวซีดอย่างนั้นล่ะ?" พ่อบ้านหวางกลับมาจากทำธุระด้านนอก เดินเข้ามาเห็นสีหน้าซีดเผือดของเธอ รีบถามอย่างห่วงใย
มู่เวยเวยไม่พูดโยกศีรษะไปมา หมุนตัววิ่งกลับไปที่ห้องนอนทันที เธอต้องถามเย่ฉ่าวเฉินดีๆ ทำไมต้องฆ่าคน ในเมื่อรู้มาตั้งนานแล้วที่ฉู่เซวียนพูดมามันคือกับดัก ทำไมถึงยังต้องฆ่าคน!
หรือว่าสิ่งที่เขารับปากมาเชื่อถือไม่ได้?
หรือว่าเขาไม่กลัวว่าผลที่ไม่ดีเหล่านี้จะกรรมตามสนองตกมาที่อยู่ที่ตัวลูก?
ขาหนึ่งข้างถีบประตูห้องนอนออก เย่ฉ่าวเฉินยังคงหลับอยู่ มู่เวยเวยโมโหหยิบหมอนอิงที่อยู่บนโซฟามาหนึ่งใบ หันโยนไปทางศีรษะของเขาด้วยความโกรธ
เย่ฉ่าวเฉินหลับไม่ลึก ถูกหมอนอิงที่มู่เวยเวยโยนมาทำให้ตื่น นวดคลึงบริเวณหัวตาลุกขึ้นจากเตียงอย่างงงวย แต่ว่ามองสายตาที่โกรธจนแดงของมู่เวยเวย ความง่วงนอนหายเป็นปลิดทิ้ง
"เป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น?" เย่ฉ่าวเฉินดึงผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง
มู่เวยเวยตะคอกใส่เขาว่า " เมื่อวานตอนเย็นคุณทำอะไร?"
เย่ฉ่าวเฉินแย่แล้ว "เมื่อวานตอนเย็นฉัน.....ก็ไปบริษัทจินตุ้น เธอก็รู้นี่"
"ไปบริษัทจินตุ้น? คุณทำอะไร?"
เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ตอบคำถามเธอ ถามกลับมาว่า"เธอเป็นอะไร? ทำไมถึงโกรธอย่างนี้?"
"คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง คุณพูดกับฉันมาให้ชัดเจน หลังจากไปที่บริษัทจินตุ้นแล้วคุณทำอะไร?"
เย่ฉ่าวเฉินเห็นเธอโกรธจริงจัง ก็ไม่พูดอ้อมค้อม พูดออกไปตามตรงว่า"ฉันไต่สวนคนที่จับได้คนนั้น ยืนยันว่าฉู่เซวียนเป็นคนจัดการ ทั้งยังเป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยของเขา แต่ว่าเขาไม่รู้จักผู้ชายหน้ากากสีเงิน"
มู่เวยเวยหายใจเร็วขึ้น"หลังจากนั้น?"
"หลักจากนั้นฉันก็สั่งให้เขาไสหัวไปจากเมืองA ชาตินี้อย่าก้าวเข้ามาในเมืองAแม้แต่ก้าวเดียว"
มู่เวยเวยได้ยินคำนี้ยิ่งโมโหมากขึ้น ยิ้มอย่างเยือกเย็นถามเขากลับ"คุณจะพูดว่าคุณปล่อยเขาไป?"
"ใช่ มิเช่นนั้นจะเก็บไว้ทำไม?กลับไปรายงานข่าวให้ฉู่เซวียนรับทราบ?"
"คุณยังโกหกฉัน?เย่ฉ่าวเฉินมาถึงขนาดนี้แล้วคุณยังโกหกฉัน?"ดวงตาของมู่เวยเวยน้ำตาคลออย่างอดไม่ได้ เสียงก็เปลี่ยนเป็นสะอึกสะอื้น
เย่ฉ่าวเฉินเห็นเธอร้องไห้ก็ร้อนใจ ลุกขึ้นเดินมาหาต้องการที่จะจับแขนเธอ แต่ทว่ามู่เวยเวยหลบหลีก
"ฉันโกหกอะไรเธอ? ฉันพูดความจริงทั้งนั้น"
น้ำตาของมู่เวยเวยไหลพรากลงมา "ดี ฉันถามคุณ คุณบอกว่าคุณปล่อยคนแล้ว แต่ว่าทำไมฉู่เซวียนบอกว่าคุณฆ่าเขาตายแล้ว ยังเอาศพโยนทิ้งในทะเล"
เย่ฉ่าวเฉินได้ยินประโยคนี้หัวเราะออกมาทันที ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้
"คุณยังหัวเราะ? เย่ฉ่าวเฉิน หัวใจของคุณเย็นชา? สำหรับคุณแล้วชีวิตของคนคนหนึ่งไม่มีคุณค่าราคา?"
เย่ฉ่าวเฉินอึดอัดไม่รู้จะทำอย่างไร ยกมือขึ้นสาบาน"เธอใส่ร้ายฉัน เวยเวย ฉันสาบาน ฉันไม่ได้ฆ่าเขา"
มู่เวยเวยชะงักงันมองเขา ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรเชื่อ ในใจของเธอระดับความเชื่อใจที่มีให้เขาคือน้อยมาก และอีกอย่างฉู่เซวียนไม่มีความจำเป็นต้องโกหกเธอ
"ฉันพูดจริงๆ ฉันไม่ได้ฆ่าเขา" เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างมั่นใจ
"อย่างนั้น.......อย่างนั้นทำไมฉู่เซวียนพูด......"
เย่ฉ่าวเฉินอธิบาย"คือย่างนี้นะ......"
เมื่อวานกลางดึก หลังจากที่เขาถามเสร็จ จะจัดการกับเฝิงเจี้ยนชิงได้อย่างไรนั่นคือปัญหา ก็ถ้าปล่อยเขาไปอย่างนั้น เขากลับไปรายงานข่าวให้ฉู่เซวียนทราบว่าจะทำอย่างไร? ก็ถ้าไม่รายงาน ฉู่เซวียนก็ต้องมาหาเขาเอง ตอนนี้เขาสามารถทรยศฉู่เซวียน ถึงตอนนั้นก็ทรยศตัวเอง อย่างนั้นฐานะของมู่เวยเวยก็เปิดเผยออกมาตรงๆ
ถ้าหากว่าไม่ปล่อย จะจัดการเขาที่ไหน?ฆ่าเขาไปเลยเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดี แต่มู่เวยเวยไม่มีทางยอมให้มือของเขาแปดเปื้อนไปด้วยเลือด
" เฝิงเจี้ยนชิง นายว่า ฉันควรจะทำอย่างไรกับนาย?" เย่ฉ่าวเฉินถือกริชที่อยู่บนโต๊ะขึ้น ถือเล่นอยู่ในมือ
เฝิงเจี้ยนชิงตัวเย็นสั่นเทารีบขอร้องให้ไว้ชีวิต " ประธานเย่ เย่ฉ่าว ขอร้องคุณปล่อยผมไปเถอะ ต่อไปผมไม่กล้าแล้ว ขอให้คุณไว้ชีวิตผม ที่บ้านของผมยังมีพ่อแม่ พวกเขาอายุมากแล้ว ยังต้องการให้ผมดูแล"
"เชอะ ตอนนี้คิดถึงพ่อแม่ขึ้นมา?" เย่ฉ่าวเฉินยิ้มเย็น "ปล่อยนาย? ถ้าหากว่านายแค่หันกลับหลังแล้วไปหาฉู่เซวียน......."
"ไม่มีทางๆ ผมทำภารกิจไม่สำเร็จ เขาจะปล่อยผมไปได้อย่างไร? เพียงแค่ประธานเย่ไว้ชีวิตผมหนึ่งครั้ง ผมจะไม่กลับมาเมืองAอีก ของร้องคุณนะครับ" เฝิงเจี้ยนชิงอ้อนวานอย่างเศร้าโศก
เย่ฉ่าวเฉินพิงโต๊ะเงียบอยู่นาน พูดว่า"วันนี้ฉันอารมณ์ดี ก็จะเมตตากรุณาสักหนึ่งครั้ง เพื่อขจัดปัญหาที่จะเกิดภายหลัง ทำให้ฉู่เซวียนเลิกตามหานาย ฉันจะหาสถานที่ในทะเลทิ้งนายลงไป แน่นอนว่าตรงผาสูงชันจะมีเรือเล็กจอดอยู่ จะรอดหรือจะตายขึ้นอยู่กับดวงของนายแล้ว"
เฝิงเจี้ยนชิงคาดไม่ถึงว่าจะตกอยู่ในมือของเย่ฉ่าวเฉินแล้วดิ้นรนร้องขอชีวิต เขายังมีอะไรที่ต้องจู้จี้จุกจิกอีก? รีบผงกศีรษะตกลง"ขอบคุณประธานเย่มากครับ ขอบคุณครับประธานเย่"
เย่ฉ่าวเฉินออกไปคุยกับนายใหญ่เพื่อพูดข้อตกลง นายใหญ่พูดว่า "เขาเป็นคนประเภทนี้ผมไม่มีทางเก็บไว้แล้ว จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่คุณ "
ในที่สุดเฝิงเจี้ยนชิงก็แกล้งตายหลังจากถูกลากเข้าไปไว้ที่กระโปรงหลังรถ ระหว่างทางไปทะเล เย่ฉ่าวเฉินสั่งลูกน้องให้เอาเรือเล็กไปแอบไว้ที่ผาสูงชัน ยังใจดีวางเงินไว้สามพันหยวนและของกินอีกจำนวนหนึ่ง
ตอนที่จัดการเรื่องนี้ เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่าตัวเองใจดีเกินไป ไม่ค่อยคล้ายคลึงกับลักษณะนิสัยของตัวเองเลย
ในเวลาที่คนของฉู่เซวียนกำลังมองดูที่ทะเล เฝิงเจี้ยนชิงกำลังพายเรือหอบแหก เพราะว่าเป็นเวลากลางคืน ส่วนนั้นเป็นบริเวณจุดบอดด้วย เพราะฉะนั้นก็เลยทำให้มองไม่เห็นเฝิงเจี้ยนชิง
เล่าเรื่องนี้จบ มู่เวยเวยยังใช้สายตาที่ไม่เชื่อใจมองเขา"คุณเป็นจิตใจดีขนาดนั้นเลย?ปล่อยคนแล้วยังให้เงินให้ของกิน?"
"ใช่ ฉันก็คาดไม่ถึง อาจจะเป็นเพราะความจิตใจดีของเธอเปลี่ยนแปลงฉัน ทำให้ฉันมีจิตใจที่เมตตา " เย่ฉ่าวเฉินพูดหยอกล้อเธอ ที่จริงเขากลัวว่าผู้ชายสารเลวคนนั้นจะอยู่ไม่ได้แล้ววกกลับมาที่เมืองAอีก เงินเล็กน้อยกับของกินอย่างน้อยก็พอที่จะสามารถทำให้เขาใช้ชีวิตอยู่ในมุมลับตาคนได้ถึงสองสามเดือน
ถึงเวลานั้น ต่อให้เขากลับมาที่เมืองA เขาก็สามารถจัดการเรื่องวุ่นวายได้ทั้งหมดแล้ว
มู่เวยเวยทำเสียงขึ้นจมูกเยาะเย้ย"ชิ คุณเป็นคนอย่างไรฉันเข้าใจดี หมาป่าโหดร้ายป่าเถื่อนทารุณเปลี่ยนมาเป็นกระต่ายน้อยที่จิตใจดีอย่างกะทันหัน ในหนังสือนิทานเด็กยังไม่มีตอนอย่างนี้เลย "
ถึงปากเธอจะพูดออกมาเช่นนี้ แต่ในใจเชื่อแล้วบางส่วน
"เธอถามหาจางเห่อ เมื่อวานตอนเย็นเขาไปกับฉัน " เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกเศร้าเล็กน้อย ต้องโทษตัวเองที่เมื่อก่อนทำเรื่องวุ่นวาย ความเชื่อใจที่เธอมีให้เขาถึงน้อยอย่างนี้
มู่เวยเวยจ้องมองเขา หมุนตัวเดินออกไปด้านนอก
"เธอจะไปไหน?" เย่ฉ่าวเฉินหันศีรษะกลับไปถามเธอ
"ไปถามจางเห่อ"
"อ้อ——"เย่ฉ่าวเฉินล้มตัวลงบนเตียงถอนหายใจอย่างน่าเวทนา เขาเป็นสามีที่ทำหน้าที่ได้ล้มเหลวมาก
มู่เวยเวยไปหาจางเห่อจริง
หลังจากที่จางเห่อรู้ว่ามู่เวยเวยมาหาเพราะวัตถุประสงค์ใด รู้สึกเกร็งอยู่บ้าง เพราะเขาไม่รู้ว่าคุณชายพูดอย่างไรกับคุณหนู ถ้าเกิดว่าเขาพูดไม่เหมือนกันกับคุณชาย คาดว่าคุณชายต้องไม่พอใจเขามากแน่ๆ
"คุณฉู่ เรื่องนี้คุณชายพูดอย่างไรก็ตามนั้นเลย" จางเห่อพยายามหลีกเลี่ยงคำถาม
มู่เวยเวยจ้องเขาเขม็ง พูดด้วยความโกรธ "จางเห่อ ตอนนี้ฉันกำลังถามคุณ ถ้าหากคุณไม่พูด เชื่อหรือไม่เชื่อว่าฉันจะไล่คุณออก?"
จางเห่อลังเลใจ ถึงได้คำข่มขู่ต่อหน้าเช่นนี้ ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูด
"จางเห่อ เมื่อวานตอนเย็นสถานการณ์เป็นอย่างไร พูดมาตามความจริง" เย่ฉ่าวเฉินใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินลงมาชั้นล่าง ไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับอะไร
จางเห่อสงบจิตใจแล้ว กำลังจะเริ่มเล่า แต่ทว่าถูกมู่เวยเวยตัดบท เธอพูดกับเย่ฉ่าวเฉินว่า"คุณออกไปเดินเล่นข้างนอก ไม่ต้องมาเดินเตร่อยู่ตรงนี้"
"ฉันยังไม่ได้รับประทานอาหาร และอีกอย่างข้างนอกร้อนมาก " เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างน้อยใจ
มู่เวยเวยมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดอ่อนๆ ความจริงคือร้อนมาก
"อย่างนั้นคุณก็ไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหาร"
เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจยาว "ความเชื่อใจที่เธอมีให้ฉันมันน้อยมากขนาดไหน ทำไมถึงไม่เชื่อคำพูดของฉัน?"
"เมื่อก่อนความเชื่อใจที่ฉันมีให้คุณมันน้อยกว่าศูนย์ ตอนนี้เริ่มขึ้นมาจากศูนย์แล้ว "มู่เวยเวยพูดความจริง
ในใจของเย่ฉ่าวเฉินรู้สึกพ่ายแพ้มาก เดินเอ้อระเหยไปที่ห้องรับประทานอย่างช้าๆ
"พูดเถอะ ตอนนี้ที่ห้องรับแขกมีแค่เราสองคน ถ้าหากว่าเย่ฉ่าวเฉินพูดความจริง คุณพูดก็เป็นความจริง ทั้งหมดก็ไม่มีอะไรที่น่ากังวลใจ"
จางเห่อสูดหายใจเข้าลึกๆ พูด "เมื่อวานตอนเย็น......."
จางเห่อเล่าบรรยายอย่างตั้งใจ พูดพร้อมกับมองดูปฏิกิริยาของมู่เวยเวย ก็ยังดี ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นเธอไม่ได้มีท่าทีที่เปลี่ยนไปมาก
"หลังจากที่ทิ้งคนลงในทะเล พวกเราก็กลับมา"พูดจบ จางเห่อก็กดโทรศัพท์ให้มู่เวยเวยดู " เวลาหนึ่งทุ่มกว่าผมโทรหาลูกน้องให้เตรียมเรือเล็กๆไว้ นี่คือบันทึกการสนทนา ถ้าหากว่าคุณหนูยังไม่เชื่อ สามารถที่จะเรียกเขามาถามได้"
มู่เวยเวยเพ่งเล็งดู มีการโทรออกในเวลาหนึ่งทุ่มกว่าจริง
จางเห่อเล่าอย่างละเอียดทั้งหมดกับเย่ฉ่าวเฉินเล่าไม่แตกต่างกัน นอกจากคำไต่สวนส่วนนั้นที่อยู่ในห้อง เพราะว่าจางเห่อไม่ได้เข้าไปด้วย
พูดอย่างนี้แล้ว เย่ฉ่าวเฉินปล่อยคนแล้วจริงๆ? และสิ่งเหล่านั้นที่ฉู่เซวียนเห็นคือเย่ฉ่าวเฉินจงใจแสดงละครให้เขาดู
รู้สึกขึ้นมาทันที ว่าไม่ค่อยกล้าที่จะสู้หน้าเย่ฉ่าวเฉิน
เอาโทรศัพท์คืนให้จางเห่อ จางเห่อยืนอย่างไม่กล้าเคลื่อนไหว ถามอย่างระมัดระวางว่า"คุณฉู่ คุณยังต้องการถามอะไรอีกไหมครับ?"
"ไม่มีแล้ว คุณไปทำงานเถอะ"
"อ้อ ครับ" จางเห่อตอบรับเดินก้าวเท้าสวบๆออกจากห้องรับแขก ถอนหายใจอย่างโล่งอกยาวๆ สองมือพนมขึ้นภาวนา พระเจ้า คุณมีเมตตาช่วยชีวิตไว้หนึ่งครั้งแล้ว หลังจากนี้ต่อไปไม่ว่าคุณชายกับคุณหนูจะเกิดความคิดที่ไม่ดีต่อกัน ยังไงก็อย่ามาหาเขาอีกได้ไหม? นี่เป็นเรื่องถึงแก่ชีวิตเลยนะ
มู่เวยเวยนั่งใจลอยอยู่ในห้องรับแขกสักพัก เมื่อกี้เธอเพิ่งจะใส่ร้ายเย่ฉ่าวเฉิน ต้องหรือว่าไม่ต้องไปขอโทษ?
ไปเถอะ รู้สึกอึดอัดมาก "ขอโทษ" พูดออกมาไม่ได้ หรือไม่ไป อย่างไรเสียตัวเองก็ทำผิด
กำลังคิดยุ่งเหยิงพัวพันกัน เย่ฉ่าวเฉินก็เดินเตร่เข้ามา ในมือถือน้ำหนึ่งแก้ว สีหน้าท่าทางธรรมชาติมาก ปากยังอมยิ้มอยู่
"ถามเสร็จแล้ว? ฉันไม่ได้โกหกเธอ"
มู่เวยเวยขมวดคิ้วมองเขา คำขอโทษนั้นติดอยู่ที่ลำคอพูดออกมาไม่ได้
เย่ฉ่าวเฉินมองตาเดียวก็รู้ความคิดในใจของเธอ ก็ไม่ทำให้เธอลำบากใจ นั่งลงข้างเธอ มืออีกข้างวางพาดลงที่ขอบโซฟาด้านหลังเธอ ยิ้มแห้งพูดว่า"โอเคแล้ว เธอก็ไม่ต้องทุกข์ใจ ทุกคนก็สามารถคิดเองก่อนจะรู้ความจริงได้ ต้องโทษที่เมื่อก่อนฉันทำสิ่งไม่ดี ไม่โทษเธอเลย"
คำพูดนี้ทำให้มู่เวยเวยสับสนในใจมากขึ้น อดทนอยู่นานก่อนจะพูดว่า"ต่อไปฉันจะลองเชื่อใจคุณ แต่เงื่อนไขคือคุณห้ามโกหกฉัน"
เดิมทีแค่อยากจะปลอบใจเธอสักนิดหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ดีใจเบิกบานอย่างมาก ระหว่างความเป็นสามีภรรยาความเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นี่คือสิ่งสำคัญก้าวแรก
"วางใจ ฉันไม่โกหกเธออย่างแน่นอน จุดเด่นของฉันคนนี้ก็คือความซื่อสัตย์ " เย่ฉ่าวเฉินพูดเกินความจริง
มู่เวยเวยไม่ได้ใส่ใจพูดแค่ชิคำเดียว
"จะทำอย่างไรต่อ? ต่อหน้าฉู่เซวียนฉันควรจะแสดงละครอย่างไร?"
เย่ฉ่าวเฉินควบคุมลักษณะท่าทางของตัวเอง "เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอย่างนี้ แน่นอนว่าเธอต้องสงสัยคนรักเป็นอันดับแรก เธอรับประทานอาหารเสร็จแล้วไปหาฉู่เซวียน ก็พูดว่าฉันโกรธมาก โกรธโมโหรุนแรง และอีกทั้งพวกเราก็ทะเลาะกันหนัก ทำให้เธอลำบากมาพักที่โรงแรมสองวัน วันที่สามฉันจะไปรับเธอ สองวันนี้ฉันจะจัดให้คนดูแลอยู่รอบตัวเธอ"
มู่เวยเวยถามอย่างกังวลใจว่า"ฉู่เซวียนจะเชื่อ?"
"เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ว่าสถานการณ์นี้จำเป็นต้องทำ ไม่อย่างนั้นเขาจะสงสัยว่าพวกเราร่วมมือกัน เธอคิดดูว่าเรื่องใหญ่เช่นนี้ ถ้าหากว่าฉันไม่มีปฏิกิริยา ก็ไม่เหมาะสมกับเหตุการณ์ตอนนี้"
มู่เวยเวยผงกศีรษะรีบลุกขึ้นพูดว่า"ตอนนี้ฉันจะเป็นเก็บกระเป๋า"
เย่ฉ่าวเฉินชะงัก"เก็บกระเป๋า?"
"เล่นเกมส์ก็ต้องเล่นให้ครบ" มู่เวยเวยพูดน้ำเสียงจริงจัง "และอีกอย่าง ฉันพักที่โรงแรมต้องเอาของใช้หวีผมล้างหน้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันไป"
ที่จริงเย่ฉ่าวเฉินไม่อยากให้เธอย้ายออกไปพักด้านนอก แต่เพื่อที่จะขจัดความสงสัยของฉู่เซวียน เขาจำใจต้องวางแผนเพื่อยืดเวลาออกให้นาน
"อย่างนั้น รับประทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้วค่อยไป"
"ไม่ต้องแล้ว เวลายืดออกไปนานมาก ฉู่เซวียนจะเริ่มสงสัย" พูดแล้วมู่เวยเวยก็หมุนตัวเดินไปทางบันได
เย่ฉ่าวเฉินมองด้านหลังของเธอ มีความรู้สึกเหมือนก้อนหินหล่นทับที่เท้าของตัวเอง
........
ตอนเช้าสิบโมงกว่า อากาศร้อนมากขึ้นแล้ว
เย่ฉ่าวเฉินขับรถส่งมู่เวยเวยไปหาฉู่เซวียนด้วยตัวเอง ห่างจากบริษัทออกมามีถนนอยู่หนึ่งเส้น มู่เวยเวยให้เย่ฉ่าวเฉินจอดรถ
"ฉันจะลงตรงนี้" เธอพูด
เย่ฉ่าวเฉินเข้าใจความหมายของเธอ เธอแค่กลัวว่าอาจจะชนกันเข้ากับฉู่เซวียน ในที่สุดก็จอดรถข้างถนน"เจอเขาแล้วอย่าลุกลี้ลุกลน"
"ไม่ใช่ว่าแสดงละครเหรอ ฉันผ่านสงครามมาเยอะมีประสบการณ์ นี่คือเรื่องเล็กน้อย" มู่เวยเวยพูด
สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินชะงักไป ผ่านสงครามมาเยอะมีประสบการณ์? อืม การทำสงครามแปดสิบส่วนร้อยก็คืออยู่ต่อหน้าเขา
มู่เวยเวยมีการตอบสนองกลับมาว่าตัวเองพูดอะไรออกไป แต่ว่าก็ไม่ได้อึดอัดมาก มองเย่ฉ่าวเฉินอย่างมั่นใจและสง่างามพูดว่า"คุณไม่ต้องคิดมาก ฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้น ในเมื่อครั้งก่อนฉันพูดว่าบุญคุณความแค้นหายกันแล้ว ก็จะไม่รื้อค้นเรื่องเก่าแล้ว"
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มฝืดแห้ง ปากพูดว่าหายแล้ว ในใจจะขจัดออกลืมหมดสิ้นได้อย่างไรกัน?
มู่เวยเวยไม่มีเวลามาสนใจความคิดเขา ลงรถไปที่กระโปรงหลังของรถหยิบเอากระเป๋าเดินทางของเธอ โบกมือให้เย่ฉ่าวเฉิน"ฉันไปแล้วนะ"
"อืม มีเรื่องอะไรรีบโทรหาฉันทันที" เย่ฉ่าวเฉินกำชับ
"รับทราบ"
มู่เวยเวยใส่ส้นสูงลากกระเป๋าเดินทางใต้แสงแดดมาตามเส้นทางอีกเส้นไปทางบริษัทMK เย่ฉ่าวเฉินมองร่างเล็กผอมอรชรอ้อนแอ้นของเธอทางด้านหลัง เกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากรั้งเธอไว้ทันที ไม่ให้เธอไปพบเจอเรื่องเหล่านั้น เพียงแค่สงบจิตใจมีความสุขกับการออกแบบเสื้อผ้าที่ชอบก็พอแล้ว แต่ตอนนี้ เขาใช้ไม่ได้จริงๆ
ถึงบริษัทMK
มู่เวยเวยหน้าแดง ในเวลานั้นเหมือนคนจนตรอกยกกระเป่ามาอยู่ที่หน้าห้องทำงานของฉู่เซวียน เขาชะงักงันไม่กี่วินาทีอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร ลุกขึ้นมาปิดประตูห้องทำงาน
"นี่คือเธอ......."
มู่เวยเวยสังเกตเห็นว่าเขาอารมณ์แปลกประหลาด ก็ไม่ได้ต่อต้าน ยินยอมให้เขากอด จนถึงตอนที่มือของเขาไม่อยู่นิ่งขึ้นมา มู่เวยเวยไม่เกรงใจบิดที่เอวเขาไปหนึ่งที
"โอย——” เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกเจ็บ ปล่อยเธอออกอย่างรวดเร็ว ร้องอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวด
"ได้คืบจะเอาศอกจริงๆ" มู่เวยเวยหัวเราะแล้วก็ด่าเขา ปล่อยมือออก
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มแหย "ฉันคิดถึงเธอจริงๆ สองวันแล้วที่ไม่ได้เจอ"
"สองวันที่ไหน?" มู่เวยเวยเงยศีรษะมองเขาที่ขมวดคิ้ว ถามว่า"วันนี้คุณเป็นอะไร? รู้สึกว่าอารมณ์ของคุณไม่ปกติ"
เย่ฉ่าวเฉินแปลกใจ"ชัดเจนขนาดนั้นเลย? มีอะไรที่ผิดปกติ?"
มู่เวยเวยมองเขาไปหนึ่งรอบ สองมือกอดที่หน้าอกอย่างมีพิจารณาว่า"เป็นทุกข์นิดหนึ่ง มีรสชาติของหมดอาลัยตายอยากอยู่นิดหนึ่ง ไม่เหมือนกับคุณที่ปกติจะเป็นคนที่รุนแรงโหดร้ายเลย"
เย่ฉ่าวเฉินคาดไม่ถึงว่าเธอจะรู้สึกได้ถูกต้อง แต่เขาไม่อยากบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องบริษัทมู่ซื่อ ตอนนี้เธออยู่ในฐานะที่ไม่เหมาะกับการมาคิดเรื่องนี้ รอสักวันหนึ่งเธอกลับไปอยู่ในฐานะมู่เวยเวย เขาจะเอาบริษัทมู่ซื่อกลับมา ให้เป็นของขวัญเธอ
"เธอพูดถูก เป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ เป็นโครงการหนึ่งที่นานมาแล้ว เห็นอยู่แล้วว่าสองวันนี้จะเซนสัญญา คาดไม่ถึงว่าจะถูกบริษัทอื่นตัดหน้าไปอย่างอุกอาจ"เย่ฉ่าวเฉินพูดจุดสำคัญให้เธอฟัง
มู่เวยเวยคาดไม่ถึง เบิกตากว้างพูดว่า"พระเจ้า ที่เมืองAยังมีคนที่จะตัดหน้าคุณอย่างอุกอาจ บริษัทไหน? ฉันอยากรู้จักสักนิดหนึ่งทำไมสุภาพบุรุษอย่างนี้ มีความกล้าหาญและก็มีความสามารถ"
เย่ฉ่าวเฉินบีบแล้วบีบอีกที่ใบหน้าของเธอ พูดด้วยท่าทางที่ไม่ดี"นี่ คุณผู้หญิงท่านนี้ คุณสามารถบรรยายความดีของตำแหน่งตัวเองไหม? คุณคือนายหญิงของเย่ฮวาง นึกไม่ถึงเลยว่าจะยกนิ้วให้ฝั่งตรงข้าม?"
"สามารถที่จะแย่งชิงเนื้อไปจากปากเย่ฉ่าวเฉิน อย่างนี้ฝั่งตรงข้ามต้องปรบมือให้ฉันอย่างแน่นอน"
กำลังพูดถึงตรงนี้ เสียงออดหน้าประตูดังขึ้น
เย่ฉ่าวเฉินรีบปิดปากเงียบ มู่เวยเวยหมุนตัวไปเปิดประตู
"ใครคะ?"
"สวัสดีครับ อาหารเย็นที่คุณสั่งมาถึงแล้ว" เป็นเสียงของพนักงานโรงแรม
มู่เวยเวยเปิดประตูออก ผู้ชายรูปหล่อคนหนึ่งใส่ชุดเครื่องแบบเข็นรถอาหารมายืนที่หน้าห้อง"คุณผู้หญิง อาหารที่คุณสั่งครับ"
"ขอบคุณค่ะ " มู่เวยเวยเซนชื่อในใบเสร็จ
"ต้องการให้ผมเข็นเข้าไปด้านในไหมครับ?" ผู้ชายรูปหล่อถามอย่างมีมารยาท
"ไม่ต้องค่ะ ฉันทำเอง" มู่เวยเวยลากรถอาหารเข้ามา ผุ้ชายรูปหล่อพูดว่า"ค่อยๆรับประทานนะครับ" หลังจากนั้นก็ใส่ใจด้วยการปิดประตูให้
มู่เวยเวยสั่งอาหารมาสี่อย่าง มีอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์และก็จำพวกผักเป็นรสชาติที่ค่อยข้างจืด และก็ยังมีซุป
เย่ฉ่าวเฉินไปล้างมือล้างหน้า มู่เวยเวยวางอาหารไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าจะอยู่โรงแรม แต่ว่าเธอพักที่ห้องพิเศษ มีห้องอาหาร มีห้องรับแขกกับห้องนอน เหมือนกับคอนโดมีเนียมที่หรูหราของคนโสด
"พักอยู่ที่นี่เป็นอย่างไร?" เย่ฉ่าวเฉินนั่งฝั่งตรงข้ามเธอ แยกตะเกียบที่ใช้ครั้งเดียวออกให้มู่เวยเวย
"ก็ไม่เลวนะ ฉันไม่ได้ติดเตียง อยู่ที่ไหนก็นอนหลับหมด"
เย่ฉ่าวเฉินด้านหนึ่งรับประทานอีกด้านก็คุยกับเธอ "เธอเป็นคนประเภทแข็งแก่งปรับตัวได้เหมาะกับการปฏิบัติงานนอกสถานที่ ฉันมีลูกน้องเป็นรองประธานอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นคนไม่ติดเตียง แต่ติดหมอน ทุกครั้งที่ไปปฏิบัติงานนอกสถานที่เขาไม่เอาอะไรก็ได้ แต่จำเป็นต้องมีหมอนพกติดตัวไป ไม่อย่างนั้นนอนไม่หลับทั้งคืน "
เป็นครั้งแรกที่มู่เวยเวยได้ยินเรื่องติดหมอน หัวเราะพร้อมถามว่า"นี่ต้องเป็นผู้หญิงแน่นอนเลย"
"ไม่ใช่ เป็นผู้ชาย และอีกอย่างลักษณะเหมือนคนบ้าระห่ำ แค่มองก็เหมือนผู้ชายประเภทแมนทั้งแท่ง"
มู่เวยเวยประหลาดใจ"พระเจ้า ใคร? ฉันอยากพบ แตกต่างจากภายนอกมากแต่ภายในน่ารักแบ๊วๆ"
"อยู่ฝ่ายการตลาด เธอน่าจะไม่ค่อยเข้าใจ ครั้งหน้าเจอหน้าแล้วฉันจะชี้ให้เธอดู"
ทั้งสองพูดคุยกันเบาๆ เสียงออดก็ดังขึ้นอีก
"ใคร?" เธอถาม
"ฉันเอง"
มู่เวยเวยสีหน้าเปลี่ยนไป มู่เวยเวยก้าวเดินสวบๆมาที่ห้องอาหาร พูดเสียงเบาว่า"ฉู่เซวียนมาแล้ว"
"ไม่เป็นไร ไปเปิดประตู" เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ตื่นตระหนกเหมือนเธอ
มู่เวยเวยมองเข้าไปในดวงตาเขาลึกๆ ใช่สิ เขามีความสามารถโดดเด่น เธอลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?
"มาแล้ว " มู่เวยเวยเดินไปทางประตูอีกครั้ง
เปิดประตู ฉู่เซวียนทำสีหน้ารำคาญ"ทำไมช้าอย่างนี้?"
"ฉันไม่ต้องใส่เสื้อผ้า?" มู่เวยเวยให้เขาเข้ามาในห้อง
พอเข้ามา ฉู่เซวียนก็ได้กลิ่นอาหาร "เธอกำลังรับประทานอาหาร?"
"อืม ไม่อยากออกไป สั่งพนักงานโรงแรม คุณรับประทานหรือยัง?" มู่เวยเวยเดินไปทางห้องอาหาร เย่ฉ่าวเฉินหายไปแล้ว ตะเกียบกับถ้วยของเขาก็หายไปไม่มีร่องรอย คนคนนี้เคลื่อนไหวรวดเร็วมาก ก็ไม่รู้ว่าไปหลบอยู่ที่ไหนแล้ว
"ยังเลย " ฉู่เซวียนเดินมาถึงห้องอาหาร แต่ว่าแค่มองอาหารของเธอ เห็นน้ำซุปใสก็ไม่ปรารถนาจะรับประทานแล้ว
มู่เวยเวยถามไปอย่างนั้น" รับประทานนิดหนึ่งไหม?"
"ไม่ จืดเกินไป ไม่ใช่ความชอบของฉัน" ฉู่เซวียนปฏิเสธ ก็ถามอีกว่า"เธอคนเดียวทำไมสั่งมาเยอะ?"
มู่เวยเวยหัวใจกระตุกวูบ แต่ทว่าสีหน้าเรียบเฉย "ดูเมนูแล้วหลงใหลน่ารับประทาน ก็อยากจะลองชิม"
ฉู่เซวียนมองไปรอบๆ ความรู้สึกบอกเขา เมื่อกี้ห้องนี้ยังมีอีกหนึ่งคน อีกด้านมองแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ อีกด้านก็สังเกตอย่างละเอียด
มู่เวยเวยเดินเกร็งๆตามหลังเขา ถึงแม้ว่าเธอจะวางใจในตัวเย่ฉ่าวเฉิน แต่ในใจก็หลีกเลี่ยงความกดดันตึงเครียดไม่ได้
"คุณหาอะไร?" มู่เวยเวยจงใจถาม
ห้องน้ำที่โปร่งชัดเจน ห้องอาบน้ำไม่มีคน ฉู่เซวียนก็กลับมาที่ห้องรับแขก "ไม่ได้หาอะไร ก็ดูการจัดการของโรงแรม ทำความเข้าใจโรงแรมจีนแผ่นดินใหญ่ ต่อไปในอนาคตจะช่วยในการออกแบบของพวกเราได้"
มู่เวยเวยยิ้มเย็น" คุณเป็นเจ้านายที่ขยันหมั่นเพียรจริงๆ โอกาสเล็กน้อยอย่างนี้ก็ไม่ปล่อย"
ฉู่เซวียนไม่ได้สนใจรอยยิ้มเย็นเยาะเย้ยของเธอ ใช้สายตามองดูซอกมุมของห้อง พูดอย่างราบเรียบว่า" รู้สถานการณ์ความเป็นจริงในท้องถิ่น ฉลาดปราดเปรียวใช้ความรู้ทั้งหมดที่เรียนมา ถึงจะยิ่งทำการค้าก็จะยิ่งดี" โซฟาไม่มีรอยบุ๋ม เตียงก็เรียบดี ยังไม่มีคนนอน
หรือว่าระบบประสาทของตัวเองว่องไวจนเกินไป?
มู่เวยเวยไม่มีอารมณ์รับประทานอาหารต่อ นั่งลงบนโซฟามองเขาที่มองนั่นมองนี่
ในที่สุดฉู่เซวียนก็วางใจ นั่งลงฝั่งตรงข้ามเธอ "เย่ฉ่าวเฉินติดต่อกับเธอไหม?"
"ไม่" มู่เวยเวยตอบอย่างเย็นชา
"เธอก็ไม่เป็นกังวลใจสักนิดหนึ่งเลย?" ฉู่เซวียนจ้องเธอเขม็ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...