วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 229

ในเวลานี้ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าที่วุ่นวายอยู่ และยังมีเสียงพังประตูพยายามจะเข้ามา

"เกิดอะไรขึ้น?"มู่เวยเวยถามด้วยความตื่นตกใจ

เย่ฉ่าวเฉินไม่มีเวลาที่จะพัฒนาความรู้สึกและความสัมพันธ์กับลูก หันศีรษะกลับไปพูดกับเธอว่า"ครั้งแรกที่ฉันเข้ามาก็ปรากฎตัวที่ห้องอาหาร ถูกพวกเขาพบเห็น"

"ห้ะ?พระเจ้า" มู่เวยเวยทำเสียงแปลกใจ ตอนนี้เป็นเวลาพักรับประทานอาหารกลางวัน เขาปรากฎขึ้นมากะทันหันแล้วหายไป

"อย่าเพิ่งพูดอะไรมาก ฉันจะพาเธอกับลูกออกจากที่นี่" เย่ฉ่าวเฉินยื่นมือออกไปต้องการอุ้มลูกไป คาดไม่ถึงว่าลูกจะพลิกตัวคลานออก ไม่ให้เขาแตะต้อง

จิตใจที่อ่อนแอของเย่ฉ่าวเฉินถูกลูกโจมตีอย่างรุนแรง มู่เวยเวยก็เข้าไปช่วย ยื่นมือเข้าไปอุ้มพูดอย่างอบอุ่นว่า"ลูกรัก แม่อยู่ที่นี่แล้ว"

ตาโตของลูกกรอกไปมา มองเย่ฉ่าวเฉินแล้วก็มองอีก และก็มองมู่เวยเวยซ้ำไปมา ไม่ยินยอมพร้อมใจคลานมาหามู่เวยเวย

"ป้าง——"ประตูถูกถีบอย่างกะทันหัน คนด้านนอกมองเห็นเย่ฉ่าวเฉินก็ร้องเสียงดัง อีกด้านก็หยิบปืนเล็งไปที่เย่ฉ่าวเฉิน"อย่าขยับ"

เด็กน้อยถูกทำให้ตกใจชะงัก ขดงออยู่มุมไม่เคลื่อนไหว มู่เวยเวยมองเห็นแล้วร้อนใจ คุกเข่าลงที่เตียงดึงเขามา

"ปัง!"เสียงปืนดังขึ้น

เย่ฉ่าวเฉินรีบเอาตัวบังไว้ที่ด้านหลังของมู่เวยเวยอย่างรวดเร็ว กระสุนหนึ่งนัดยิงเข้ามาที่ไหล่ซ้ายของเขา เลือดพุ่งออกมา กระเซ็นมาโดนคอของมู่เวยเวย

"ปัง!"เสียงปืนดังขึ้นอีกหนึ่งนัด แต่ทว่าที่ล้มลงคือทหารหน้าประตู

เย่ฉ่าวเฉินใช้มือข้างที่ชูปืนปิดห้ามเลือดบริเวณบาดแผลไหล่ คุกเข่าลงที่พื้น เลือดไหลกุ๊กกุ๊กลงมา คล้ายกับเปิดก๊อกน้ำ

เสียงฝีเท้าวิ่งมาแต่ไกล

มู่เวยเวยใช้มือทั้งสองข้างที่สั่นเทาปิดบาดแผลของเย่ฉ่าวเฉิน เสียงสั่นเทาเล็กน้อยพูดว่า"คุณรีบหนีไป ไม่ต้องสนใจฉันกับลูก ครั้งหน้ายังมีโอกาส "

เย่ฉ่าวเฉินจับที่ข้อมือของเธอ สายตามีความมุ่งมั่นแน่วแน่ที่เต็มไปด้วยความดื้อรั้น "ไม่ได้ ฉันจะพาพวกเธอไปด้วยกัน"

มู่เวยเวยโมโหจนอยากจะร้องไห้ "คุณได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถพาพวกเราหนีไปด้วยกันได้ ถ้านับว่าจะออกจากคฤหาสน์นี้ไปได้ จะหนีออกจากเกาะนี้ได้หรือ? รีบไปเถอะ รอคุณรักษาตัวเองหายแล้วค่อยกลับมาช่วยฉันกับลูก ฉันจะรอคุณ "

"เวยเวย!"

"ไปสิ!"มู่เวยเวยร้องตะคอกใส่เขา หูได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้มากขึ้น มองเห็นขบวนทหารจำนวนมากจะมาถึงแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินถึงแม้ในใจไม่อยากจากไปมากเพียงใด ก็รู้ว่าตัวเองหนีเพียงลำพังเป็นหนทางที่ดีที่สุด เงยศีรษะขึ้นมองลูกที่หายจากอาการเฉื่อยชาไร้ความรู้สึกแล้ว กัดฟันแน่น ก่อนที่ทหารจะมาหนึ่งวินาทีเขาก็หายจากห้องนั้นแล้ว

นำพาคนมาคือจางเหิง เขาวิ่งเข้ามาก่อนคนแรก แต่ทว่ามองเห็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ตื่นตระหนกหลังมือเต็มไปด้วยเลือด และเด็กหกเดือนที่ถูกทำให้ตกใจมึนงง

"คนล่ะ?"จางเหิงถามด้วยความโมโห

มู่เวยเวยแกล้งทำเหมือนคนไร้สติ ไม่ได้ตอบคำถามเขา

จางเหิงหาในห้องหนึ่งรอบ ไม่พบร่องรอยอะไรเลย พูดกับทหารที่กำลังเข้ามาว่า"รีบตามหา หาให้ทั่วทั้งเกาะนี้อย่าให้เล็ดลอดไปได้"

"ครับ!"

จางเหิงเดินมาตรงหน้าทหารที่ถูกยิงตาย เขาถูกยิงกลางหน้าผาก นัดเดียวก็ตาย ดูเหมือนว่าคนคนนั้นฝีมือการยิงดีมาก

เขากลับมาหามู่เวยเวย บีบที่ใบหน้าของเธอ บังคับให้เธอมองตาเขา"คนคนนั้นลักษณะรูปร่างเป็นอย่างไร?"

ชั่วพริบตาเดียวสมองของมู่เวยเวยก็ข้ามผ่านอารมณ์หลากหลายนั้นไป แต่ที่น่าแปลกใจก็คือจางเหิงไม่รู้ว่าคนที่เข้ามานั้นคือเย่ฉ่าวเฉิน นี่คือความไม่โชคดีที่ยังโชคดีอยู่ใช่ไหม?

มู่เวยเวยสายตางงงวยและสับสน ร่างกายยังคงสั่นเทา พูดจาก็ไม่คล่องแคล่วตะกุกตะกัก "ฉัน ฉันมองไม่ชัด"

จางเหิงที่เหมือนกับคาดหวังกับคำตอบนี้ มือเพียงแค่สะบัดออก อีกนิดหนึ่งมู่เวยเวยก็ลมไปกองที่พื้น

สักพักห้องก็เงียบสงบลงอย่างรวดเร็ว นอกจากเธอกับลูก ยังมีร่างที่ไร้วิญญาณอยู่หน้าประตูอีก

มู่เวยเวยเหมือนกับกลั้นหายใจนานมากถึงกลับมาหายใจปกติ หายใจเข้าออกลึกๆอย่างรวดเร็ว ดีขึ้นมาสักพัก ถึงได้ลุกขึ้นดูลูกที่อยู่ด้านหลัง แค่หันศีรษะกลับไปมอง ลูกเหมือนกับเมื่อกี้ที่เฉื่อยชาไร้ความรู้สึก สายตาว่างเปล่า

รู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก เอามือทั้งสองข้างที่เปื้อนเลือดเช็ดที่เสื้อซ้ำไปซ้ำมา ถึงได้ยื่นมือหาเขาอีกครั้ง "ลูกไม่ต้องกลัวนะ มาหาแม่มาลูก"

เด็กน้อยได้ยินเสียงเรียก ในที่สุดดวงตาก็แวววาว ในเวลาที่มองมาหาเธอดวงตาก็น้ำตาคลอเบ้า

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นน้ำตาของลูก ใจยิ่งทุกข์ระทม อดไม่ได้น้ำตาของตัวเองก็ไหลออกมา"ลูกรัก ไม่ต้องกลัวแล้วนะ แม่อยู่ที่นี่ มาหาแม่สิลูก"

"อุ้แว้ๆ——"เด็กน้อยร้องออกมาเสียงดัง สั่งดังสนั่นหวั่นไหว

ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้ง หลังจากที่ตื่นตระหนกตกใจนั้น ก็ร้องออกมาอย่างโศกเศร้าเสียใจมาก หัวใจของมู่เวยเวยอ่อนยวบร้องไห้แตกสลาย

มู่เวยเวยไปด้านหน้าอุ้มเขามาโอบกอดไว้ สะอึกสะอื้นร่ำไห้พร้อมกับตบที่หลังปลอบใจเขาเบาๆ "โอเคแล้ว พอแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว แม่อยู่ข้างๆลูก แม่อยู่นี่"

เสียงเด็กน้อยร้องไห้เสียงดังก้องกังวาน ทำให้กาวินที่ลาดตระเวนอยู่ด้านอกเข้า พอเขาเข้ามาก็เห็นเสื้อผ้าของมู่เวยเวยเปื้อนเลือด ยังมีเด็กน้อยที่ร้องไห้จะขาดใจอยู่อีก ดวงตาปรากฎความตื่นตระหนกขึ้นมาแวบหนึ่ง

"ทำไมเด็กน้อยถึงร้องไห้?ได้รับบาดเจ็บ?" เขาถาม

มู่เวยเวยที่มีสายตาสลัวน้ำตาคลอเบ้ามองคนที่กำลังเดินเข้ามา "เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแค่ถูกทำให้ตื่นตระหนกตกใจ"

กาวินผ่อนคลายลงโล่งอก หรี่ตาขึ้นมาถามว่า"เลือดที่อยู่ในเสื้อของเธอมาจากไหน?"

"คนคนนั้นถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ เลือดกระเด็นมาที่ตัวฉัน" มู่เวยเวยตอบด้วยความตื่นเต้นเพราะกังวล

กาวินมองแล้วมองอีกที่ศพหน้าประตู เหมือนกับว่าจะเชื่อคำพูดของเธอ "ไม่มีธุระอะไรก็อยากออกไปเดินมั่วซั่ว อาจจะถูกฆ่า ผมไม่รับผิดชอบนะ"

มู่เวยเวยก้มศีรษะลงตอบแค่ "อืม"

กาวินก้มมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เธอไม่เหมือนกับผู้หญิงทั่วไป ผู้หญิงทั่วไปที่มองเห็นสถานการณ์ที่โหดร้าย จะตื่นตระหนกตกใจ แต่ทว่าสีหน้าท่าทางเธอสงบเยือกเย็น ทั้งยังปลอบโยนลูกที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างต่อเนื่อง

เขาคิดว่า เป็นเพราะมู่เวยเวยอยู่กับเย่ฉ่าวเฉินเป็นเวลานาน เห็นการฆ่าแกงกันจนชินตา แต่ทว่าไม่รู้ว่าคนที่วิ่งบุกเข้ามานั้นที่แท้คือเย่ฉ่าวเฉิน

"คนคนนั้นทำไมถึงพุ่งตรงเข้ามาในห้องเธอ?" กาวินถามด้วยความสงสัย

มู่เวยเวยทำสีหน้าเหมือนไม่รู้เรื่อง "คุณถามฉันแล้วฉันจะไปถาใคร?ฉันกำลังป้อนข้าวลูกอยู่ เขาก็ปรากฎตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ฉันยังไม่รู้เลยว่าเขาเข้ามาได้อย่างไร"

กาวินกวาดสายตามองถ้วยเล็กที่อยู่บนโต๊ะ ด้านในยังมีโจ๊กอยู่กว่าครึ่งหนึ่ง แต่ทว่านี้ตอนนี้เย็นหมดแล้ว

"เขาพูดอะไรกับคุณไหม?"

มู่เวยเวยตั้งใจคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า"เขาถามฉันว่าห้องของคุณอยู่ที่ไหน?ฉันบอกว่าไม่รู้ เขาก็ฉันลูกมาข่มขู่ฉัน ฉันไม่พูดก็จะฆ่าลูก แต่ฉันไม่รู้จริงๆว่าคุณอยู่ที่ไหน ในเวลานั้น ทหารของคุณก็มา ทั้งสองเกิดการยิงกันขึ้น เขาถูกยิงที่แขน ฉันถึงเสี่ยงชีวิตแย่งลูกที่อยู่ในอ้อมกอดเขาออกมา เลือดที่อยู่ที่แขนของเขาถึงกระเด็นมาที่ตัวของฉัน"

กาวินใช้สายตาที่โหดเหี้ยมอำมหิตจ้องมองมู่เวยเวย เหมือนกับว่าจะจับพิรุธช่องโหว่ในคำพูดของเธอ

มู่เวยเวยรักษาความแข่งแกร่งนี้ไว้ ไม่กล้าแสดงให้เขาเห็นถึงความหวาดผวาของตัวเอง นี่คือความลับสุดยอดของเย่ฉ่าวเฉิน เธอไม่สามารถพูดออกไปได้ ถ้าไม่อย่างนั้นต่อไปถึงนับว่าพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ก็ไม่มีวันที่สงบสุขตลอดไป

"ดูเหมือนว่าไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว เก็บของด้วย อีกสองชั่วโมงจะออกไปจากที่นี่" กาวินพูดอย่างเย็นชา

มู่เวยเวยรู้สึกไม่ดี แต่ทว่าจะไม่ถามก็ไม่ได้ "ไปไหนกัน?"

"นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องรู้ พอถึงแล้วก็จะรู้เอง"

พูดจบ กาวินก็เดินออกไป ถึงหน้าประตูก็เรียกทหารที่อยู่ไกลๆเสียงดัง "มายกเขาออกไป"

ผู้ชายสองคนหมุนตัววิ่งมา ยกคนที่ตายจากการที่ถูกเย่ฉ่าวเฉินออกไป เหลือเพียงเลือดสีแดงคล้ำอยู่ที่พื้น

เสียงลูกที่ร้องเอาเป็นเอาตายก็เริ่มเบาเสียงลง มู่เวยเวยอุ้มเขาจนรู้สึกมือชา เดิมทีอย่างจะเปลี่ยนเป็นอีกข้างหนึ่ง แต่ทว่าลูกตื่นตระหนกรีบกอดเธอไว้ เหมือนกับว่ากลัวเธอจะทิ้งเขาอย่างนั้น มู่เวยเวยเจ็บปวดที่หัวใจ ก็อยู่ในอิริยาบทนี้ตลอดมา

เสียงร้องไห้อ่อนลงอย่างเหน็ดเหนื่อยอ่อนแรง สุดท้ายก็หายใจอย่างลึกๆ มู่เวยเวยก้มศีรษะลงมอง เด็กน้อยหลับแล้ว เพราะว่าร้องไห้นานมาก จมูกและใบหน้าเลยแดง ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา มองดูแล้วน่าสงสารมาก

รอจนเขาหลับสนิท มู่เวยเวยวางเขาลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง ปิดล็อคประตูห้อง ไปที่ห้องน้ำเอาผ้าขนหนูมาเช็ดที่ใบหน้าและลำคอของเขา ห่มผ้าบางๆให้เขา มองดูแล้วเขาไม่มีการเคลื่อนไหว ถึงเริ่มจัดการกับตัวเอง

เสื้อที่อยู่ในตัวถูกเลือดกระเซ็นใส่จนแดง กางเกงสีฟ้าอ่อนก็โดนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เวลากระชั้นชิด มู่เวยเวยรีบถอดเสื้อผ้าออกอย่างคล่องแคล่วว่องไว เข้าไปในห้องอาบน้ำชำระล้างกลิ่นคาวเลือดออกให้สะอาด

ในเวลาที่น้ำอุ่นไหลผ่านยอดศีรษะลงมา ในสมองของมู่เวยเวยก็ปรากฎภาพบ่าของเขาที่ได้รับาดเจ็บ

เย่ฉ่าวเฉิน คุณต้องไม่เป็นอะไร ยังไงต้องอย่าให้ถูกจับได้

คนที่มู่เวยเวยรำลึกถึงคนนั้นหลังจากที่หายออกจากห้อง ก็มาปรากฎตัวอยู่ข้างๆเหยี่ยวราตรี

"เจ้านาย!" เหยี่ยวราตรีร้องอออกมาด้วยความหวาดกลัว ถือโอกาสนั้นถอดเสื้อเชิ้ตสีดำบนร่างกายออกให้เย่ฉ่าวเฉิน หลังจากนั้นพยุงที่เอวของเขาออกไปในสถานที่ลับตาคน

เร็วมาก ไม่ไกลจากนี้มีเสียงที่ดังมาด้วยความโกรธ เหยี่ยวราตรีรู้ว่าพวกฝั่งตรงข้ามตามมาแล้ว ด้านหน้าเป็นร้านขายผลไม้ หน้าประตูไม่มีคน เหยี่ยวราตรีทำอะไรได้ไม่มาก พยุงเย่ฉ่าวเฉินเข้าไปด้านใน

ยังไม่ทันได้หายใจ สาวน้อยวัยรุ่นคนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับ นึกว่าเป็นลูกค้าที่มาซื้อผลไม้ กะตือรือร้นใช้ภาษาอังกฤษทักทาย"พวกคุณต้องการซื้ออะไรคะ?"

เหยี่ยวราตรีหยิบกระเป๋าเงินออกาจากเอว เอาเงินทั้งหมดที่มีในกระเป๋าให้กับเธอ พูดเสียงเบาๆว่า"มีคนกำลังตามพวกเรามา สามารถที่จะให้พวกเราหลบซ่อนได้หรือไม่? ของร้องนะ"

สาวน้อยมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ และมองใบหน้าซีดเผือดของเย่ฉ่าวเฉิน ไม่รู้ว่าถูกเงินนั้นโนมน้าวใจ หรือว่าความสง่างามดูดีของชายคนนั้นโน้าวน้ามใจแล้ว รีบผงกศีรษะทันที"ตามฉันมา"

เหยี่ยวราตรียิ้มออกมาอย่างซาบซึ้งใจ พยุงเย่ฉ่าวเฉินตามเธอไป

สาวน้อยพาพวกเขาเข้ามาในห้องห้องหนึ่ง พลิกกระดานไม้ที่อยู่บนพื้นเปิดออกมา ทำให้เห็นบันไดที่อยู่ข้างใน"ที่นี่เป็นยุ้งฉางที่พวกเราเอาไว้เก็บผลไม้ อาจจะหนาวมาก พวกคุณเขาไปหลบเถอะ"

"ขอบคุณนะ" เหยี่ยวราตรีขอบคุณอย่างจริงใจ หลังจากนั้นก็แบกเย่ฉ่าวเฉินลงบันไดนั้น

"รอสักครู่ฉันเอากล่องยาส่งลงไปให้"สาวน้อยพูดจบก็ปิดกระดานไม้ลง และออกไป

ห้องใต้ดินมืดอึมครึมมาก เพิ่งจะลงมาถึงชั้นล่างความเย็นสบายก็พัดโชยเข้ามาที่หน้า แน่นอนว่ายังมีกลิ่นอายความหอมของผลไม้ เหยี่ยวราตรีพยุงเย่ฉ่าวเฉินมานั่งลงในสถานที่ที่ค่อนขว้างกว้างขวาง กำลังจะดูแผลของเขา กระดานไม้ก็มีการเคลื่อนไหว เจ้าของบ้านถือกล่องยาลงบันไดมา

"ในนี้มียาที่ใช้บ่อย คุณดูว่าเพื่อนคุณสามารถใช้ได้ไหม " สาวน้อยยื่นกล่องยาให้เหยี่ยวราตรี ใช้มือเปิดสวิทซ์ที่อยู่ใกล้ๆ หลอดไฟขนาดเล็กก็มีแสงสว่างไสวขึ้นมา

เย่ฉ่าวเฉินพยายามที่จะลืมตา ก้มศีรษะขอบคุณสาวน้อย"ขอบคุณนะ"

"อืม " สาวน้อยยิ้มอย่างเจิดจรัส "ฉันขึ้นไปแล้วนะ"

ในกล่องเป็นยาที่ใช้บ่อยในบ้าน และยังมีแอลกอฮอล์หนึ่งขวด และมียาผงห้ามเลือดหนึ่งขวดกับผ้าพันแผลหนึ่งม้วนใหญ่

"นายครับ ผมจะห้ามเลือดให้คุณก่อนนะ"

เย่ฉ่าวเฉินหลับตาอยู่ผงกศีรษะ ไหล่ซ้ายของเขานี่ทนทานแข็งแรงจริงๆ ครั้งก่อนตอนที่มู่เวยเวยถูกลักพาตัวไปก็ถูกยิงด้านหน้าหนึ่งนัด ครั้งนี้ก็ถูกยิงด้านหลังอีกหนึ่งนัด

เหยี่ยวราตรีถอดเสื้อออกให้เย่ฉ่าวเฉินอย่างระมัดระวัง ไหล่ขวามีแอ่งเลือดอยู่ กระสุนฝังอยู่ในผิวหนัง เลือดยังไหลออกมาเล็กน้อย

ด้านนอก

สาวน้อยหน้าตาสวยงามนั่งอยู่ที่ด้านหน้าแผงขายผลไม้มองไปทั่วสารทิศ ในซอยนี่มีแค่เธอที่ขายผลไม้ ที่เหลือก็เป็นโรงแรมขนาดเล็ก อยู่ในช่วงพักเที่ยงพอดี แสงอาทิตย์สาดส่อง ที่แผงเดิมที่ก็ไม่มีคน

นั่งลงได้ไม่นาน ผู้ชายจำนวนหนึ่งถือปืนตะโกนเข้ามาในซอย ไม่กล่าวคำทักทายแล้วเปิดบ้านหลังแรกเข้าไปค้นหาภายในบ้านทันที

สาวน้อยเป็นคนอะบอริจิน แน่นอนว่าเธอรู้ว่าคนเหล่านี้เป็นใคร ในใจของเธอมีความรู้สึกตื่นเต้นเพราะกังวลเล็กน้อย แต่ว่าในเมื่อเธอทำแล้วก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจ

เร็วมาก เสียงด่าทอก็ดังออกมา คนแก่ครอบครัวหนึ่งที่อารมณ์ร้ายฉุนเฉียว สาวน้อยเรียกเขาว่าคุณปู่ ก็ถือว่าเป็นคนบนเกาะที่มีชื่อเสียง พวกคนเหล่านี้ต้องทำให้เขาไม่พอใจแน่นอน

ที่แท้ สาวน้อยยืดคอมองดู ชายจำนวนหนึ่งถูกเขาเอาไม้คานไล่ออกมาจากในบ้าน

ร้านผลไม้อยู่หลังที่สาม

อืม พวกเขามาแล้ว สาวน้อยยิ้มต้อนรับ"พี่ชายพวกคุณต้องการซื้อผลไม้ชนิดไหนคะ?"

ชายคนหนึ่งที่อยู่ในนั้นจะมาซื้อผลไม้ที่นี่ในบางเวลา ก็นับว่ารู้จักเธอ อากัปกิริยาเกรงใจอยู่มาก ถามเธอ"เห็นหรือไม่เห้นผู้ชายคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บ?"

สาวน้อยใจเต้นแรงมาก แต่ทว่าสีหน้ายังเรียบเฉย เธอส่ายศีรษะพูด"ไม่นะ ซอยของพวกเราคนเข้ามาน้อย "

จิตใต้สำนึกของชายหนุ่มเชื่อเธอแล้ว แต่ทว่าว่าคำสั่งของข้างบนไม่ให้ปล่อยไปสักหลังคาเดียว พวกเขาก็เลยต้องจำใจปฏิบัติตามคำสั่ง

"พวกเราเข้าไปดู" ชายหนุ่มพูดอย่างเคร่งขรึม

สาวน้อยแสดงออกให้เห็นว่าโกรธ ลุกจากเก้าอี้ยืนขึ้น ดวงตากลมจ้องเขม็งใส่พวกเขา"พวกคุณมีสิทธิอะไรมาค้นบ้านฉัน? มีเพียงแค่นายตำรวจในพื้นที่ถึงจะมีสิทธินะ"

ชายหนุ่มรู้สึกเก้อเขินทำตัวไม่ถูก เขารู้สึกชอบผู้หญิงคนนี้อยู่เล็กน้อย ถ้าหากว่าเขามาคนเดียวแน่นอนว่าไม่มีทางค้น แต่ยังมีทหารอีกสองคนอยู่ด้วย เขาไม่สามารถที่จะเห็นแก่ความรู้สึกส่วนตัวแล้วหลีกเลี่ยงได้ "จีน่า ฉันก็เข้าไปดู ไม่มีทางแตะต้องให้ทรัพย์สินเสียหาย"

แน่นอนว่าจีน่าขวางพวกเขาไม่ได้ พูดด้วยความโกรธว่า"เชอะ!พวกคุณเข้าไปค้นเถอะ แต่นอนว่าฉันจะไปที่โรงพักร้องเรียนพวกคุณ"

ชายหนุ่มยิ้มอย่างไร้เดียงสา พาอีกสองคนเข้าไปค้นหาคน

จีน่าไม่วางใจเลยเดินเข้าไปกับพวกเขา ในเวลาที่มาถึงห้องเก็บของ ทันใดนั้นมองห้องที่พื้นมีเลือดหยดอยู่ ฉวยโอกาสที่คนเหล่านั้นยังมองไม่เห็น รีบเดินไปใช้เท้าเขี่ยขยี้เลือดนั้นออก

"มีดหั่นผลไม้ได้ไหม?ฉันรู้สึกว่ามีดเล่มนั้นแหลมคมมาก" จีน่าถามอย่างไร้เดียงสา

หลังจากที่เหยี่ยวมึนงงประหลาดใจหนึ่งวินาทีต่อมาก็พูดว่า"ได้ แต่ว่ารบกวนเธอช่วยไปที่ร้านขายยาซื้อผ้าพันแผลที่หมอใช้มาให้ได้ไหม? ผ้าพันแผลในกล่องยาเธอฉันใช้หมดแล้ว"

จีน่าตอบอย่างรวดเร็ว "ไม่มีปัญหา ยังต้องการอะไรอีกไหม?"

"ไม่มีแล้ว ยังไงก็ต้องระวังอย่าให้เจอกับพวกเมื้อกี้อีก"

เย่ฉ่าวเฉินสถานการณ์ที่มีอาการสะลึมสะลือ ในสมองของเขาปรากฎภาพที่ลูกมองเขาด้วยสายตาที่เหมือนคนแปลกหน้าและห่างเหินอยู่ตลอด ทำให้บีบหัวใจของเขามากขึ้น ที่จริงเป็นผลที่เขาสามารถคิดได้ อย่างไรเสียเขาก็ไม่เคยพบหน้าลูกสักครั้ง ไม่เคยป้อนข้าวลูกเลย แต่เห็นฉากนั้นกับตาก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดใจ

"นายครับ คุณอดทนไว้หน่อยนะครับ ผมจะช่วยเอาลูกกระสุนออกมา" เหยี่ยวราตรีมองสีหน้าที่ยิ่งดูไม่ได้ของเขา อดไม่ได้ที่จะกังวลใจมากขึ้น

เย่ฉ่าวเฉินตอบแค่"อืม" ความเจ็บปวดที่อยู่ในร่างกายของเขาเทียบไม่ได้กับหัวใจที่เจ็บปวดในเวลานี้

..............

ในคฤหาสน์

หลังจากที่ลูกได้นอนหลับครั้งหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วก็ไม่ร้องไห้โวยวาย แต่ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าได้หายไปแล้ว มู่เวยเวยใช้ของเล่นหยอกล้อเล่นกับเขา อยากให้เขามีความสุขขึ้นมาบ้าง แต่เขาเพียงแค่หยิบมาที่มือแล้วก็เล่นเงียบๆ

เห็นเขาเป็นอย่างนี้ มู่เวยเวยก็อยากจะร้องไห้

เขานับว่าเป็นเด็กที่มีไอคิวสูงมากกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาอายุเพียงหกเดือน มองเห็นฉากที่มีเลือดนองอย่างนั้นจะไม่กลัวได้อย่างไร? มู่เวยเวยหวังเพียงแค่ว่าเขาจะไม่เก็บมาเป็นปมในหัวใจก็พอ

ประตูถูกผลักออก อลิซยืนปรากฎตัวอยู่หน้าประตู เธอสวมชุดเสื้อผ้ากลางแจ้ง สีดำรัดรูปด้านนอกใส่เสื้อคลุมยาวสีเขียวเข้ม ด้านล่างสวมใส่กางเกงสีเขียวทหารขากว้าง รองเท้าเส้นสูงที่ชอบใส่ก็เปลี่ยนมาใส่ที่เดินสะดวกแบบรองเท้าบู๊ทส์มาร์ติน

"ออกเดินทางแล้ว" เธอพูดเสียงเย็นชา

มู่เวยเวยสะพายกระเป๋าเป้ไว้ที่หลัง อุ้มลูกขึ้น พูดอย่างอ่อนโยนว่า"ช่วยฉันหิ้วสัมภาระของลูกได้ไหม?"

อลิซไม่ได้ปฏิเสธ

เด็กน้อยมองเห็นอลิซสายตาแวววาวแค่แวบหนึ่ง ทันทีหลังจากนั้นก็มืดมนลง ไม่เหมือนปกติที่ทักทายเธอ อลิซรู้สึกว่าแปลกมาก ขมวดคิ้วขึ้นถามมู่เวยเวย"เขาเป็นอะไรไป? ไม่ยิ้มหัวเราะแล้ว"

มู่เวยเวยพูดเสียงอ่อนล้าและเศร้าใจว่า"เมื่อกี้เขาถูกทำให้ตื่นตระหนกตกใจ"

อลิซแตะแล้วแตะอีกที่ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลานุ่มลื่นของเด็กน้อย พูดเสียงทุ้มต่ำว่า"เด็กน้อยที่น่าสงสาร"

เฮลิคอปเตอร์จอดอยู่บนสนามหญ้า จางเหิงก้มศีรษะลงเพื่อรายงานสถานการณ์ให้กาวินทราบ

"บริเวณรอบคฤหาสน์หาหมดแล้ว ไม่พบร่องรอยของคนคนนั้นครับ"

สีหน้าของกาวินกักเก็บอยู่ภายใต้หน้ากากนั้น ดูไม่ออกว่าดีใจหรือเสียใจ แต่ทว่าสายตาแสดงออกถึงความไม่พอใจ "หลังจากที่พวกเราไปจากที่นี่ สั่งให้ลูกน้องค้นหาต่อไป ยังไงต้องไม่ปล่อยให้เป็นร่องรอยแม้แต่นิดเดียว"

"ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ เจ้านายวางใจได้ เพียงแค่พวกเขายังอยู่บนเกาะนี้ ต้องจับได้อย่างแน่นอน กลัวว่าเขา...."จางเหิงยังพูดไม่จบ แต่กาวินฟังออกรู้ทันแล้ว เขากลัวว่าจะใช้วิธีการลับหลบหนีไปได้ อย่างนี้แล้วพวกเขาจะไปตามหาที่ไหน?

กาวินแปลกใจกับคนคนนี้มาก "คาดไม่ถึงว่าโลกนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอย่างนี้อยู่ อยากจะจับให้ได้จริงๆว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ นึกไม่ถึงว่าจะซ่อนตัวและหายไปได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเห็นหลายคน ฉันไม่มีทางเชื่อแน่นอน"

จางเหิงก้มศีรษะลงพร้อมกับพูดว่า"ใช่ครับ เมื่อก่อนเคยได้ยินลูกน้องของเซี่ยเซียวพูดกัน ผมยังคิดว่าพูดเรื่องไร้สาระกัน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง นายครับ นายคิดว่าเขามาเพราะแผนที่ล้ำค่านั้นไหม?"

กาวินครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นว่า"เป็นไปได้มาก ครั้งก่อนปรากฎตัวที่ตระกูลเซี่ยก็ไม่ใช่เพราะว่าหาแผนที่ล้ำค่า?"

"แต่เขารู้ได้อย่างไรว่าแผนที่ล้ำค่านั้นอยู่ในมือของเจ้านาย?เรื่องนี้........."

กาวินยิ้มเยือกเย็น ชำเลืองมองจางเหิงแวบหนึ่ง"ถ้าไม่ใช่ว่าครั้งก่อนที่นายไปเมืองAทำให้วุ่นวายยุ่งเหยิง คนอื่นจะสามารถหาเจอไหม?"

จางเหิงก้มศีรษะอย่างอ่อนน้อมไม่พูดอะไรออกมา สายตาแสดงออกถึงความเคียดแค้น เย่ฉ่าวเฉิน เรื่องที่แกทำกับฉันเหล่านั้น ฉันจะคืนให้กับแกสองเท่า ถึงจะจับแกไม่ได้ ฉันยังมีผู้หญิงกับลูกชายของแก

คล้ายกับว่ากาวินรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร พูดเสียงเยือกเย็นตักเตือนเขา"ถ้ายังหาแผนที่ล้ำค่าไม่เจอ อย่าแตะต้องมู่เวยเวยกับลูก เก็บพวกเขาไว้ใช้ประโยชน์"

"ผมเข้าใจแล้วครับนาย " จางเหิงกดความเคียดแค้นไว้ในใจ เขาสามารถที่จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจคำพูดที่เป็นนัยของเจ้านาย เพียงแค่หาแผนที่ล้ำค่าเจอ เขาจะจัดการมู่เวยเวยกับสัตว์เดรัจฉานน้อยนั้นอย่างไรก็ได้?

ไกลออกไป มู่เวยเวยเดินไปทางเฮลิคอปเตอร์กับอลิซ

กาวินมีความคิดอย่างเฉียบแหลม เขามีความรู้สึกว่าการปรากฎตัวของชายลึกลับนั้นเกี่ยวข้องกับมู่เวยเวย แต่ใช้ความคิดวิเคาระห์สักพัก ก็รู้สึกอีกว่าเป็นไปไม่ได้

ตอนนี้ที่เป็นห่วงความเป็นความตายของมู่เวยเวยกับลูกมีแค่เย่ฉ่าวเฉิน โดยพื้นฐานเขาไม่สามารถที่จะรู้ที่เก็บซ่อนตัวมู่เวยเวยได้เร็วอย่างนี้ และยังมีอีก หลายปีผ่านมานี้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีข่าวว่าเย่ฉ่าวเฉินมีพฤติกรรมที่แปลกประหลาด

เพราะฉะนั้นทำให้เขาปะติดปะต่อเย่ฉ่าวเฉินกับชายลึกลับคนนั้นขึ้นมา เพราะว่าลูก เพราะว่าเด็กตาไม่เหมือนคนอื่น ข้างหนึ่งสีฟ้าอีกข้างหนึ่งสีม่วง และดวงตาของเย่ฉ่าวเฉินเป็นสีฟ้า ทุกครั้งที่ชายลึกลับปรากฎตัวดวงตาจะเป็นสีม่วง....

ในความสัมพันธ์ของพวกเขามีความลับอะไรปิดบัง?

ในขณะที่ใช้ความคิด มู่เวยเวยก็เดินมาอยู่ต่อหน้าเขา ศรีษะของเด็กน้อยอยู่ที่ไหล่ของเธอ อยู่เงียบๆอย่างนั้น มองเห็นคนที่คุ้นเคยก็ไม่ได้มีความสนใจ

"เด็กน้อย ยังไม่มีความสุขอีก?" กาวินถามและจิ้มที่ใบหน้าเล็กๆ

เด็กน้อยเหมือนทุกข์ใจอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้มองเขาแวบหนึ่ง หันศีรษะกลับไปซบอยู่ที่ไหล่มู่เวยเวย

"พระเจ้า ดูเหมือนว่าจะถูกทำให้ตื่นตระหนกจริงๆแล้ว"น้ำเสียงของกาวินที่ปิดความกังวลใจไว้ไม่อยู่ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เขาไม่สามารถไปพิจารณาอารมณ์ของเด็กน้อยได้เลยสักนิด

มู่เวยเวยก็ได้มองสีหน้าเย็นชาหมดอาลัยตายอยากของจากหางเหมือนกัน รู้สบายใจเล็กน้อย มองจากอากัปกิริยาเขา น่าจะจับเย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ เพียงแค่เห็นใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉิน มู่เวยเวยกับลูกก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่นี่

ภายในเฮลิคอปเตอร์มีคนนั่งอยู่ไม่กี่คน ประกอบด้วยคุณฉ่ายที่เชิญมาโดยเฉพาะ

"ครืน——"

มู่เวยเวยปิดหูทั้งสองข้างของลูกแน่น เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นอีกครั้ง มองผ่านกระจกเกาะเล็กที่ค่อยๆห่างไกลออกไป ภายในใจของเธอรู้สึกห่วงใยมาก เย่ฉ่าวเฉินได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงอย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะสามารถหรือไม่สามารถหลบซ่อนจากการค้นหาของพวกเขา

ส่วนกาวินจะพาเธอไปที่ไหน เธอไม่ได้เป็นกังวลสักนิดเลย เพียงแค่ได้อยู่ด้วยกันกับลูก เธอไปที่ไหนก็เหมือนกันหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.......มู่เวยเวยลูบคลำไหล่ที่ไร้ร่องรอยนั้นมีชิปติดตามตัวอยู่ มีของชิ้นนี้อยู่ เธอเชื่อว่า เย่ฉ่าวเฉินสามารถตามตัวเธอเจอ

ตั้งแต่ที่สลบไปแล้วฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เย่ฉ่าวเฉินทำคือดูโทรศัพท์ เป็นอย่างที่เขาคาดคะเนไว้ มู่เวยเวยกับลูกถูกพาตัวไปแล้ว และยิ่งกว่านั้นกำลังเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง ตำแหน่งที่อยู่คือบนท้องฟ้าที่สงบ

ริมฝีปากเย่ฉ่าวเฉินมีรอยยิ้มออกมา เพราะว่าเขารู้ว่าชายหน้ากากสีเงินจะพาเธอไปไหน เดิมทีที่เก็บแผนที่ล้ำค่าเป็นเรื่องที่เขาปั้นแต่งขั้นมา

โอเคแล้ว ในที่สุดไอ้สารเลวนั่นก็เหยียบเข้าไปในราชอาณาจักร ครั้งนี้ฉันจะทำให้แกมาแล้วกลับไปไม่ได้อีก

เพียงแค่ทำให้เย่ฉ่าวเฉินคาดไม่ถึงก็คือ เขากลังเผชิญอยู่กับเรื่องที่เป็นอุปสรรคมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ