วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 368

แสงแดดที่แจ่มใสทำให้ผู้คนมีความสุข จิงเหยียนผลักหน้าต่างออกและหายใจเข้าลึกๆ “อีเหยา พวกเราอยู่ที่นี่จนลูกคลอดเลยดีไหม?”

ต้วนอีเหยาก็พอใจกับที่นี่เป็นอย่างมากจึงพนักหน้าอย่างชื่นใจ “อืม….”

เย่จิงเหยียนหันมายิ้มให้ต้วนอีเหยา ด้านหลังของเขาคือท้องฟ้าสีคราม มีต้วนอีเหยาสะท้อนอยู่ในตาประกอบกันเป็นภาพที่สวยงาม

ต้วนอีเหยาและเย่จิงเหยียนเก็บของไว้ที่โรงแรมเสร็จก็เดินจูงมือกันออกมาจากโรงแรม

ประเพณีต่างประเทศ พวกเขาเดินเข้าไปในนั้น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว เมื่อเปลี่ยนจากความอึดอัดของการอยู่โรงพยาบาลในเมื่อก่อน

“โครก…..”แต่ ไม่นานก็มีเสียงที่ไม่เข้ากันมาทำลายบรรยากาศการอยู่ด้วยกันของทั้งสอง

“หิวแล้วเหรอ?” เย่จิงเหยียนจับมือต้วนอีเหยาและบิดที่ปลายจมูกเธออย่างเอ็นดู

“อืม…..” ต้วนอีเหยาพยักหย้าอย่างไม่พอใจ

ตั้งแต่ลงจากเครื่องก็ยังไม่ทันได้ทานอะไรเลย เธอไม่หิวแต่เด็กในท้องเธอก็ควรหิวแล้ว!

เย่จิงเหยียนดูออกว่าเธอลำบาก จึงจับมือเธอแน่น “ฉันรู้จักร้านอาหารทะเลอร่อยๆร้านหนึ่ง รสชาติไม่เลวเลย ผมจะพาคุณไปนะ!”

ดูเขาตื่นเต้นขนาดนี้ ต้วนอีเหยาก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วย จริงๆแล้วเธออยากทานอาหารจีน แต่เมื่อมาเที่ยวต่างประเทศแล้วความต้องการนี้อาจจะดูเหมือนยากไปหน่อย

พวกเขามาถึงร้านอาหาร ความคาดหมายของต้วนอีเหยานั้นคาดไม่ถึงเลยว่าร้านจะแตกต่างไปจากบริเวณรอบๆที่มีสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน การตกแต่งภายในร้านเป็นบรรยากาศแบบจีนๆ ลวดลายการแกะสลักของผนังกั้น ภาพวาดภูเขาและแม่น้ำธรรมชาติบนผนังเป็นการวาดด้วยการสะบัดน้ำหมึกในรูปแบบของจีน

“จิงเหยียน คุณแน่ใจนะว่าจะทานอาหารทะเลที่นี่?” การตกแต่งแบบนี้เหมือนเป็นการมาทานหม้อไฟเสียมากกว่า

เย่จิงเหยียนรีบเดาปฏิกิริยาของเธอ ตบที่หลังมือเธอเบาๆ “เจ้าของร้านนี้เป็นคนจีน เขาชอบทานอาหารทะเล แต่ก็รักความสวยงามของจีนโบราณด้วย ดังนั้นจึงมีความคิดแปลกๆหยิบเอาทั้งสองอย่างมารวมเข้าด้วยกัน”

มองต้วนอีเหยาหัวเราะจนเอามือปิดปากไม่ได้ด้วยความแปลกใจ เย่จิงเหยียนส่ายหัวอย่างจนปัญญา “โธ่คุณ มันจะมีอะไรแปลก ไป เข้าไปข้างในยังมีเรื่องแปลกกว่านี้!”

ต้วนอีเหยาตกตะลึงจนพูดไม่ออก เดินตามหลังเย่จิงเหยียนเข้าไปอย่างใจลอย พอเดินเข้าประตูก็มีคนเดินออกมาต้อนรับพวกเขา

“คุณชายเย่ คุณมาแล้ว!”

ดูเหมือนพนักงานวัยรุ่นจะคุ้นเคยกับเย่จิงเหยียนมาก่อนและพาเขาเดินไปขึ้นลิฟท์“ยังเอาเป็นห้องส่วนตัวเหมือนเดิมไหมครับ?”

เย่จิงเหยียนพยักหน้าตอบเสียงเข้ม “อืม”และจูงมือต้วนอีเหยาที่ไม่ได้พูดอะไร

พนักงานมองพวกเขาจับมือกันแน่นและไม่ได้พูดอะไรพร้อมขยิบตาให้กัน เหตุผลที่เธออยู่มาได้นานนั้นก็คงเป็นเพราะว่าเธอไม่พูดมากเกินไปและเธอมีความคิดเป็นของตัวเองไม่เหมือนอย่างคนอื่น

ลิฟท์เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วและหยุดลง พนักงานพาเย่จิงเหยียนเดินโค้งไปเล็กน้อยก็หยุดลงตรงห้องส่วนตัว

ต้วนอีเหยาเงยหน้ามองอย่างตั้งใจ ห้องของร้านอาหารนี้จำลองตามโรงเตี๊ยมโบราณ ห้องที่พวกเขาหยุดลงมีป้ายมงคลแขวนอยู่ บนป้ายเขียนด้วยอักษรสมัยราชวงศ์ฮั่น : ห้องอักษรฟ้า

พอก้าวเข้าไป ก็เหมือนกับว่าพวกเขาได้เดินทางผ่านข้ามกาลเวลามาหลายร้อยปี ลวดลายแกะสลักที่บานหน้าต่าง การบรรจงวาดลงบนเก้าอี้และเวลาเดินบนพื้นไม้หนานมู่ยังมีเสียง “ตึง ตึง” ทั้งหมดนี้ทำให้ต้วนอีเหยาเหมือนตกอยู่ในความฝัน

“ขอโทษนะครับไม่ทราบว่าพวกคุณต้องการสั่งอะไรครับ?” พนักงานหยิบเมนูอาหารมาจากด้านหลังมันเป็นแผ่นไม้ไผ่โบราณ

ต้วนอีเหยารู้สึกว่าเป็นแนวความคิดใหม่มาก เธอจึงจับมันมาเล่น เย่จิงเหยียนก็รับเมนูที่พนักงานยื่นส่งมาให้ แต่กลับเอามาวางไว้ข้างๆ

“เอาเหมือนเดิมแล้วกัน เจ้านายพวกนายล่ะ?”

“เจ้านายออกไปธุระ วันนี้น่าจะกลับแล้วครับ ถ้าเขากลับมาให้มาหาไหมครับ?” พนักงานตอบโต้อย่างเป็นกันเอง ฉากแบบนี้เหมือนจะเกิดขึ้นกับเธอมาหลายครั้งแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องคิดมาก

เย่จิงเหยียนโบกมือ “ไม่ต้องหรอก รีบไปเอาอาหารมาเถอะ”

พนักงานไม่ได้พูดอะไรอีก รับเมนูและเตรียมจะถอยออกไปเงียบๆ แต่ต้วนอีเหยายังดูเมนูไม่เสร็จ สายตายังไม่ละไปจากมือของพนักงาน

เย่จิงเหยียนหันไปมองเห็นภาพนี้ เขามองอย่างขบขันอยู่ครู่หนึ่งและพูดกับพนักงานว่า “เหลือเมนูไว้สักเล่มเถอะ”

พนักงานยิ้มบางๆและไม่ได้พูดอะไร เพียงทิ้งเมนูไว้แล้วก็ถอยออกไปและปิดประตูให้อย่างรู้ใจ

“อยากกินอะไร?” เย่จิงเหยียนขยับเข้าใกล้มองเธอพลิกหน้าแผ่นไม้ไผ่ มีรอยยิ้มบนใบหน้าและดวงตานิ่งไม่ไหวติง

ที่แท้เธอจะเปิดดูที่หน้าแรกมันเป็นหน้าแนะนำประวัติของร้านอาหาร ไม่คิดว่าเธอจะยังดูอยู่อย่างนั้นและยังไม่อยากละความสนใจไปจากมัน

“มีอะไรน่าดูฮะ?” เย่จิงเหยียนเฝ้าดูอยู่สักพักและสังเกตไม่เห็นความผิดปกติอะไร อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ไปด้วยจึงถามออกมา

ต้วนอีเหยาเอียงศรีษะเพื่อสบตากับเย่จิงเหยียนและใบหน้าเธอนั้นแดงมาก “ไม่....ไม่มีอะไร”

แต่เย่จิงเหยียนรู้ว่านั้นเป็นเรื่องโกหก เขาจ้องไปที่ตาของต้วนอีเหยาและไม่ได้พูดอะไร หน้าของเธอแดงไปจนถึงต้นคอ

ต้วนอีเหยาก้มหน้าลงอย่ารวดเร็ว ชี้ไปที่มุมหนึ่งแล้วพูดว่า “สัญลักษณ์นี้ไม่เหมือนใครดีน่ะ เจ้าของร้านคิดเองเหรอ?”

เย่จิงเหยียนมองตามตรงที่เธอชี้อยู่สักพัก เพิ่งเห็นว่ามีสัญลักษณ์เล็กๆที่มุมล่างขวาเป็นตัวอักษรจีนแบบแปลกๆ

บนหน้าผากเขามีเส้นสีดำขึ้นสองสามเส้น คิดไม่ถึงเลยว่าสัญลักษณ์เล็กๆนี้จะดึงดูดให้ต้วนอีเหยามองอยู่นาน

“เจ้าของร้านออกแบบเอง”

เจ้าของร้านอีกแล้ว ต้วนอีเหยาอดไม่ได้ที่จะสงสัยและอยากพบหน้าเจ้าของร้านนี้ คนที่มีรสนิยมแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นคนแบบไหน

“อย่าคิดถึงผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผม!” เย่จิงเหยียนหันศรีษะของเธอเพื่อให้เธอมองมาที่ตัวเองตรงๆอีกครั้ง

ต้วนอีเหยาทำตัวไม่ถูก “ฉันไม่ได้คิดถึงเขา ฉันแค่อยากรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน”

“นั่นก็ไม่ได้”

“โอเค ไม่คิดแล้ว” ต้วนอีเหยายอมอ่อนข้อให้

ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ความต้องการจะเป็นเจ้าของนั้นนับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้น การขอให้เธอห้ามทำนี้ห้ามทำนั้นมักจะไม่มีเหตุผลอยู่เสมอ

ทั้งสองกำลังคุยกัน มีเสียงเคาะประตูเกิดขึ้น เย่จิงเหยียนหยุดพูดและเงยหน้า “เข้ามา”

ประตูถูกเปิดออกจากข้างนอก คนกลุ่มหนึ่งยกจานอาหารเดินเข้ามาตามลำดับ บนจานเป็นอาหารทะเลรูปแบบต่างๆ ทุกๆอย่างต้วนอีเหยาทั้งเคยเห็นและไม่เคยเห็น ทั้งหมดนั้นวางอยู่ตรงหน้าเธอ

วางจานอาหารเสร็จ พนักงานเห็นว่าไม่มีคำสั่งอะไรเพิ่มเติมก็ค่อยๆพากันเดินเรียงแถวออกไปเหมือนตอนเข้ามา

“อีเหยา คุณหิวแล้วใช่ไหมเดี๋ยวผมช่วยแกะเปลือกให้นะ”

เย่จิงเหยียนหยิบเอาปูตัวเท่าชามมาหนึ่งตัว ทั้งแกะเปลือกทั้งพูดและยิ้มจนตาหยีให้เธอ

ภายในเวลาอันรวดเร็วและง่ายดายปูหนึ่งตัวนั้นก็เหลือไว้แต่เนื้อ เย่จิงเหยียนเอาเนื้อทั้งหมดจัดใส่ชามให้ต้วนอีเหยาและตั้งหน้าตั้งตารอเธอกิน “ชิมเลย”

ต้วนอีเหยาพยักหน้า หยิบเนื้อปูชิ้นหนึ่งขึ้นมาใส่ปาก แววตาสว่างสดใสขึ้นทันที “อร่อย!”

เธอไม่ได้พูดอย่างขอไปที ปูนี้อร่อยมากจริงๆ ไม่ต้องปรุงมากเกินไปแค่ต้มง่ายๆแบบนี้คงรสชาติเดิมไว้ ไม่เหมือนกับที่มนุษย์เลี้ยงไว้เองคือมีกลิ่นคาวที่รุนแรงมาพร้อมกับความหวานของตัวมันเอง

เย่จิงเหยียนเห็นรอยยิ้มของเธอก็รู้สึกพอใจไปด้วย เขาหวังว่าของที่เขาชอบกินมาตลอดจะทำให้เธอยอมกินได้และจะทำให้เธอชอบด้วย เช่นนี้แล้วของอร่อยก็ยิ่งกลายเป็นของที่อร่อยมากขึ้น

“ตกลงแกมีเรื่องอะไร? ถ้าจะกินก็กิน ไม่กินก็ออกไป” เย่จิงเหยียนรู้สึกได้ถึงแววตาขอความช่วยเหลือจากต้วนอีเหยาและความไม่สบายใจต่อคำพูดอี้เทียนเฉิง

“นายจะไม่แนะนำคุณผู้หญิงนี้หน่อยเหรอ !” อี้เทียนเฉิงยังคงทานอาหารอย่างสบายใจเหมือนกับอยู่บ้านของตัวเองปกติ

เย่จิงเหยียนมองเขาอย่างเย็นชาและเริ่มแนะนำสั้นๆ “นี่คือต้วนอีเหยา คู่หมั้นฉันเอง”

“อ้อ! สวัสดีพี่สะใภ้ ผมชื่ออี้เทียนเฉิงเป็นเจ้าของร้านนี้”

พออี้เทียนเฉิงได้ยินว่าเป็นคู่หมั้นของเย่จิงเหยียน ก็รีบเรียกว่าพี่สะใภ้และยังยื่นมือขวาออกไปด้วย

พี่สะใภ้?

ครั้งแรกที่ได้ยินเรียกแบบนี้ แม้แต่เย่ชูวเสวียก็ยังไม่เคยเรียกเธอแบบนี้ ขณะที่ต้วนอีเหยาหน้าแดง เธอก็ยื่อมือออกไปจับมือกับอี้เทียนเฉิงอย่างเขินอาย

แต่อี้เทียนเฉิงกลับไม่ยอมปล่อยมือและยิ้มให้เธออย่างมีเลศนัย

เย่จิงเหยียนที่มองอยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะโมโห “อี้เทียนเฉิง ตกลงแกคิดจะทำอะไร?”

“ฉันก็แค่อยากเห็นว่าพี่สะใภ้ของฉันหน้าตาเป็นอย่างไร”

“งั้นทำไมแกยังไม่ปล่อยมือ?”

“นี้มันเป็นมารยาท!”

อี้เทียนเฉิงหันไปพูดสิ่งที่มันแน่นอนอยู่แล้ว “ประเทศจีนคือมารยาทการจับมือ แต่ต่างประเทศคือมารยาทการจุ๊บที่หน้า ฉันกำลังคิดว่าต้องจุ๊บไหมและถ้าเกิดนายตีฉันจนพิการแล้วร้านนี้จะเป็นอย่างไร?”

“แกก็รู้หนิว่าฉันจะตี จะบอกไว้ให้นะ ความอดทนของฉันมันถึงขีดสุดแล้ว ถ้ายังไม่ปล่อยมืออีกเตรียมรับผลที่ตามมาได้เลย”

แววตาเย่จิงเหยียนนั้นอำมหิตและพร้อมขยับมือได้ทุกเมื่อ อี้เทียนเฉิงรู้ว่าถ้ายังไม่ปล่อยมืออีก อาจจะถูกเขาจับหักมือจริงๆ จึงปล่อยมือตัวเองด้วยความแค้นใจ

ต้วนอีเหยาถอนหายใจและรีบหันหน้าทันที แต่ยังมีมารยาทยิ้มให้อี้เทียนเฉิง แม้เย่จิงเหยียนที่อยู่ข้างๆไม่ชอบใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“แกเพิ่งไปไหนมา?”

เย่จิงเหยียนและต้วนอีเหยาเปลี่ยนที่นั่งกัน เขาแกะกุ้งให้เธอและถามอี้เทียนเฉิงไปด้วย

เมื่อได้ยินเขาถาม หน้าอี้เทียนเฉิงก็หดลงเล็กน้อย “บริษัทพ่อฉันมีปัญหานิดหน่อยน่ะ”

“แก้ยาก?” ไม่อย่างนั้น เขาจะแสดงสีหน้าแบบนี้ได้อย่างไร?

“นิดหน่อย แม่เลี้ยงฉันโอนเงินทุนไปมากกว่าครึ่ง คาดว่าจะหมุนเงินไม่ทันเร็วๆนี้”

ได้ยินเขาพูดขนาดนี้ เย่จิงเหยียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เงินทุนมากกว่าครึ่งทำให้บริษัทล้มลงได้ทันทีจริงๆ เหตุผลที่ทางบ้านอี้เทียนเฉิงประคับประคองมาได้จนถึงทุกวันนี้ เดาได้เลยว่าเงินที่เขาสู้หามาจากด้านนอกก็คงจะถูกทุบเอาไปด้วย

“ตอนนี้ตาแก่ก็เป็นโรคหัวใจ ฉันกลับมาวันนี้กำลังคิดว่าจะต้องขายร้านนี้ไหม”

“ถ้าเป็นอย่างที่นายว่าจริงๆ งั้นขายแค่ส่วนที่ไม่กระทบกับอะไร” เย่จิงเหยียนส่ายหัวไม่เห็นด้วย มีเพียงเขาที่จะสร้างความรู้สึกให้กับร้านนี้ได้ เปลี่ยนให้คนอื่นทำ กลัวว่าพวกเขาจะทำให้ทั้งหมดกลายเป็นไม่เข้ากัน

“งั้นก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว”

อี้เทียนเฉิงขมวดคิ้วเป็นปม ไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนก่อนหน้านี้ เสื้อคลุมบนตัวเขาตั้งตรง แต่ต้วนอีเหยาเห็นภาพลวงตาขึ้นมาแวบหนึ่งคิดว่าตัวเขานั้นงอลง

“ถ้าเป็นอย่างที่แกพูดจริงๆ คือแม่เลี้ยงเอาเงินไปแล้ว นั่นก็ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธี”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ