เวลาหนึ่งนาทีหนึ่งวินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เย่จิงเหยียนยืนแล้วก็นั่งแล้วก็นั่งยองๆอีก จนถึงเขาจะหมดความอดทนไปเคาะประตูห้องฉุกเฉินนั้น ประตูก็เปิดมาจากด้านใน
เตียงคนไข้ประจันหน้ากันกับเขา เย่จิงเหยียนรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว รอจนเตียงคนไข้ออกมาพ้นจากห้องฉุกเฉินทั้งหมด หลุยส์ถึงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่แว่นตา
"เธอเป็นอย่างไรบ้าง?"เย่ฉ่าวเฉินสั่นพูดไม่ออก
หลุยส์ยิ้มอย่างมีความสุข"การผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี รอเพียงแค่ฟื้นฟูก็พอแล้ว!"
ในที่สุดเย่จิงเหยียนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก มองต้วนอีเหยาด้วยสายตาอ่อนโยนอีกทั้งยังร่าเริง
ต้วนอีเหยานอนขมวดคิ้วหลับสนิทอยู่ เธอยังมีฤทธิ์ของยาชา ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะพูดอะไร เธอก็ไม่ได้ยินเหมือนเดิม
เย่จิงเหยียนใช้มือลูบผมเธอเบาๆ หมุนตัวกลับมาถามหลุยส์"เมื่อไหร่เธอจะสามารถได้ยิน?"
หลุยส์ลดแว่นตาลง แล้วถอดถุงมือออก "ฟื้นฟูดี ประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็ค่อยๆได้ยินแล้ว แต่จำไว้ว่าช่วงไม่กี่เดือนนี้อย่าให้เธอได้ยินเรื่องที่กระทบเสียงไม่ดีต่อหู"
เย่จิงเหยียนรับปากอย่างมั่นใจ หลังจากที่ส่งหลุยส์แล้วก็รีบเร่งตามพยาบาลเข้าไปในห้องพักคนไข้ที่เดิม
เดิมที่กลุ่มมู่เวยเวยจะเข้าไปด้วย แต่เย่จิงเหยียนเห็นว่าต้วนอีเหยาเพิ่งจะผ่าตัดเสร็จต้องการพักผ่อนอย่างสงบ ก็ให้พวกเขากลับไป
ตัวเองนั่งอยู่บนหัวเตียงมองต้วนอีเหยานิ่ง เธอหายใจอย่างสม่ำเสมอ เคลื่อนไหวริมฝีปาก เหมือนกับเด็กน้อยที่ต้องการให้พ่อแม่กล่อมเป็นอย่างมาก
เย่จิงเหยียนอิ่มอกอิ่มใจ เธออยู่ข้างกายเขา เหมือนกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นแค่ความฝัน
ต้วนอีเหยารู้สึกว่ามีคนกำลังสอดผ้าห่มให้ตัวเอง เธอเคลื่อนไหวร่างกาย คนคนนั้นไม่ได้ถูกการเคลื่อนไหวของเธอทำให้วิ่งหนีไปเลยสักเล็กน้อย แต่การเคลื่อนไหวนั้นได้เปลี่ยนไปอย่างระมัดระวัง
เธอพยายามลืมตา มองเห็นเย่จิงเหยียนแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้ม และในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่น
เธอรู้ว่าตอนที่ผ่าตัด เขารออยู่ด้านนอกอย่างทรมานมาก ตอนนี้รู้ว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แน่นอนว่าควบคุมความตื่นเต้นนั้นไว้ไม่ได้
ต้วนอีเหยาลืมตาขึ้น มองดูเครื่องเฟอร์นิเจอร์รอบๆ ทั้งร่างกายยังชาเหมือนเดิม สติเลอะเลือน สายตาไม่รู้ว่าควรมองไปทางไหน
เย่จิงเหยียนเห็นว่าเธอตื่นแล้ว รีบเข้าไปใกล้ๆ"เป็นอะไร?มีเรื่องอะไร?"
เขาลูบคิ้วของต้วนอีเหยาให้ราบเรียบ"เจ็บใช่ไหม?"
เขาไม่รู้ว่าสรุปแล้วผ่าตัดทำอะไรบ้าง แต่ค่อยๆคิด เขารู้ว่าแน่นอนต้องใช้มีด ตอนนี้ศีรษะของเธอถูกผ้าพันแผลห่อเป็นชั้นๆอยู่ เห็นได้ชัดเจนว่าหนักและใหญ่เทอะทะอีกทั้งยังพูดช้า
ต้วนอีเหยาพยายามที่จะเงยศีรษะ แต่ว่าปวดจี๊ดๆที่บริเวณจุดไท่หยาง หูก็ไร้ความเจ็บปวดเหมือนเดิม
"อีเหยา เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม?อีเหยา?"เย่จิงเหยียนเข้าใกล้หูของต้วนอีเหยา
ต้วนอีเหยารู้สึกเพียงเหมือนว่าหูจะแตกระเบิด เธอรีบหลบจากเสียงเบานั้นของเย่จิงเหยียน และเธอยังคงขมวดคิ้วเหมือนเดิม ไม่ได้ยินเสียงของเย่จิงเหยียน เธอรีบส่ายศีรษะ
"อ้อ......"เย่จิงเหยียนก้มศีรษะลง ภายในใจของเขาก็เงียบลงอีกครั้ง แต่ก็ยังต้องปลอบใจต้วนอีเหยา"ไม่เป็นไรนะ เพิ่งจะทำผ่าตัดเสร็จ ต้องมีช่วงเวลาที่ฟื้นฟูนะ!"
แต่ทว่าต้วนอีเหยาขี้เกียจลืมตาอีก เธอนอนเงียบสงบอยู่บนเตียง ตั้งใจฟังเสียงบริเวณรอบๆ
.....................
เย่ชูวเสวียออกจากห้องพักคนไข้ แต่ไม่อยากจะกลับบ้านพร้อมกับพวกของมู่เวยเวย สมองสับสนวุ่นวาย ตอนนี้เธอมีความรู้สึกที่ดีกับหนานกงเจาแล้วเล็กน้อย แต่อดใจรอไม่ได้ที่จะให้เขาโทรหาตัวเอง
คนหยิ่งยะโสอย่างเธอ อดทนอยู่ได้ไม่นานก็หยิบโทรศัพท์ออกมา เธอต้องการที่จะถามเขาอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน ว่าสรุปแล้วในใจเขานั้นเห็นตัวเองเป็นอะไร?
เย่ชูวเสวียกัดฟันโทรหาเบอร์หนานกงเจาที่คุ้นเคยนั้น ครั้งนี้รอไม่นาน หนานกงเจารับโทรศัพท์อย่างแปลกใจ
"ชูวเสวีย?ว่าอย่างไร?"
เย่ชูวเสวียขมวดคิ้วขึ้น ได้สติกลับมาจากคำพูดนั้นของเขา เขาต้องกินเหล้าแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะมีคำพูดประเภทนั้นได้อย่างไร?
"หนานกงเจา คุณอยู่ไหน?"
"อยู่บ้านของตัวเองนะสิ!"หนานกงเจาเพิ่งจะพูดจบ ในสมองของเย่ชูวเสวียก็ปรากฎภาพของชายหญิงสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน ฉากทั้งสองคนกำลังดื่มเหล้าและโอบกอดกัน
เธอโกรธจนกำหมัดแน่น ถามลอดไรฟันว่า"สรุปว่าอยู่ไหน?"
หนานกงเจามีสีหน้างงงวย เขาลูบศีรษะแล้วมองไปบริเวณรอบๆ ฉันก็อยู่ในคฤหาสน์นะ!
"คุณรออยู่นั่นแหละ!"พูดจบเย่ชูวเสวียก็ตัดสายทันที ออกจากโรงพยาบาลแล้วเรียกรถมุ่งไปที่คฤหาสน์ของหนานกงเจา
หนานกงเจากุมโทรศัพท์อยู่ มีความรู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขารับสายเลยโดยที่ไม่คิด"ฮัลโหล? เย่ชูวเสวียสรุปว่าคุณมี..........."
"เด็กบ้า ทำอะไรน่ะ?"
พอหนานกงเจาได้ยินเสียงนี้ ทันใดนั้นก็สะดุ้งโหยง ที่แท้ไม่ใช่ชูวเสวียโทรมา และคนที่โทรมาคือ.......พ่อเขาเอง!
เขารีบขอโทษ"ขอโทษครับพ่อ ผมไม่รู้ว่าเป็นพ่อ มีเรื่องอะไรเหรอครับ?"
"เรื่องแกกับคุณหนูตระกูลเย่คืออะไร?"สายโทรศัพท์แสดงออกชัดเจนว่าไม่สนใจคำพูดเขา มุ่งตรงถามที่ประเด็นสำคัญเลย
พูดถึงเรื่องนี้ หนานกงเจาก็เงียบไปเล็กน้อย "ไม่มีอะไร เรื่องจบไปแล้ว"
"จบอะไร ฉันจะบอกแกให้นะ แกไม่ควรคบหากับเธอ!"
หนานกงเจายิ้มอย่างทุกข์ใจ "ไม่แล้ว ต่อไปก็ไม่มีทางอีกแล้ว"
ได้ยินเสียงของเขาไม่สู้ดี ก็ไม่ตวาดพูดบังคับแล้ว "วันนี้กลับมาหน่อยนะ!"
"ตอนนี้?"หนานกงเจารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย"มีเรื่องอะไรเหรอครับ?"
"แกอย่าพูดไร้สาระ รีบมาเถอะ!"
พูดจบ เสียงในโทรศัพท์ก็ดังตู๊ดๆติดต่อกัน หนานกงเจางงงวยอีกครั้ง วันนี้ทุกคนเป็นอะไรกัน ทำไมถึงรีบร้อนใจกันอย่างนี้!
เขาดมกลิ่นกายของตัวเองซ้ำๆ ทั้งตัวมีแต่กลิ่นเหล้า กลับไปอย่างนี้ ก็ถูกหนานกงเฮ่าด่าอย่างไม่ต้องลังเลใจเลย เดินตรงเข้าไปในห้องอาบน้ำ อาบน้ำสักหนึ่งที
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ถือโอกาสเก็บขยะภายในบ้าน อืดอาดเชื่องช้าอยู่ครึ่งวัน เพิ่งจะเตรียมตัวออกไป
รถของเขาอยู่ที่โรงจอดรถใต้ดิน สามารถเข้าไปทางคฤหาสน์ของเขาได้ วนเวียนอยู่ในห้องรับแขกอยู่สักพักถึงไปที่โรงจอดรถนำรถออกมา
าสรถกำลังเคลื่อนไหว กระจกด้านซ้ายค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น รถแท็กซีไม่มีโอกาสตามเขาทัน เย่ชูวเสวียหันศีรษะกลับไปอย่างไม่ตั้งใจ มองเห็นหนานกงเจาที่ใส่แว่นสีดำ ขับรถMercedes Benzออกไปอย่างฮึกเหิม
"หยุดรถ หยุดรถ!"เธอรีบบอกคนขับแท็กซี่จอด ตัวเองก็เปิดประตูรถตามหลังหนานกงเจา
เวลานี้เป็นช่วงเวลาเลิกงาน รถที่อยู่บนถนนติดอย่างมาก หนานกงเจาเห็นขบวนรถบนถนนยาวเหยียด ไม่รีรอที่จะเหยียบคันเร่งเข้าไปในช่องทางด่วน
เย่ชูวเสวียมองด้วยตาก็จะตามทันแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะเพิ่มความเร็วอย่างกะทันหันเลี้ยวไม่เท่าไหร่ก็หายลับจากสายตาเธอแล้ว
เย่ชูวเสวียยืนห่อเหี่ยวอยู่บนถนน รอบๆตัวคือเสียงบีบแตรของรถ เธอเหมือนกับว่าไม่ได้ยิน เพียงแค่มองทิศทางที่หนานกงเจาขับจากไป
หรือว่านี่คือการที่สวรรค์ลงโทษเธอ เห็นอยู่ชัดเจนว่าเธอชอบเขา แต่ก็ได้ปฏิเสธเขา เพราะฉะนั้นก็ให้เธอผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สิ่งเหล่านี้เธอยอมรับได้ แต่เธอไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่ครั้ง เธอจะเป็นอย่างไร? บางทีอาจจะชอบน้อยลง ในที่สุดได้ปล่อยเขาไปก็ยังไม่แน่นอน.........
"เรื่องนี้ผมรู้ พ่อคิดว่าไม่ใช่ว่าเป็นเพราะพ่อ ผมจะแพ้ราบคาบอย่างนี้ไหม? เพียงแต่ตอนแรกพ่อใจอ่อนนิดหน่อย ผมก็จะไม่ใช่อย่างนี้ ขนาดเป็นเพื่อนกับชูวเสวียยังเป็นไม่ได้เลย!"
"แก........."
หนานกงเฮ่าอยากจะด่าอย่างรุนแรง แต่ว่านึกถึงคำที่เขาพูด หวนนึกถึงทุกการกระทำของตัวเองในตอนแรก แน่นอนว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะอภัยให้ตัวเอง
หนานกงเจาหาคำที่พูดระบายออกมา ยิ่งพูดยิ่งเจ็บแสบ"พ่อไม่มีอะไรที่จะพูดแล้วใช่ไหม? ถ้าผมคุณป้ามู่ ผมก็ไม่มีทางเลือกพ่อหรอก!"
"เพียะ!"
ในที่สุดหนานกงเฮ่าก็อดทนไม่ไหวตบที่ใบหน้าของหนานกงเจา ใบหน้าที่ขาวใสของเขา ไม่นานก็แดงมีรอยนิ้วมือทั้งห้าประทับอยู่
"พ่อตบผม?"หนานกงเจามองหนานกงเฮ่าอย่างไม่อยากจะเชื่อ สายตามีอารมณ์ความสับสนอยู่รวมกัน
"ฉัน......."
หนานกงเฮ่าหลบสายตา คำพูดของเขาทำร้ายคนจริงๆ เขาก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ฝ่ามือก็ตบที่ใบหน้าของหนานกงเจาอย่างฉับพลันทันที
"เชอะ"หนานกงเจาไม่อยากได้ยินคำอธิบายของเขา ตัดสินใจเดินไปทางประตูและออกไป เหลือเพียงแค่หนานกงเฮ่ากับหลินลั่วเสวี่ยที่หวาดผวาอยู่
หนานกงเฮ่าหมุนตัวกลับมา ยิ้มอย่างโศกเศร้า"ขอโทษนะลั่วเสวี่ย ที่ฉันสั่งสอนไม่ดี ให้เธอเห็นเรื่องตลกแล้ว!"
"คุณอา คำพูดไหนกัน พี่เจามีความคิดตัวเอง หนูชื่นชมมากๆ"หลินลั่วเสวี่ยยังไม่ออกมาจากสายตาที่ลึกซึ้งมีความหมายนั้นของหนานกงเจา ความเจ็บปวดแบบนั้น เข้าโกรธที่มาจากประสบการณ์ของตัวเอง มีเพียงเขาที่จะแสดงมันออกมา!
หนานกงเฮ่ามองไปที่ทิศทางที่หนานกงเจาออกไป ไม่มีแรงเล็กน้อย เลี้ยงเขาจนโตมาหลายปี ตอนนี้เขาปีกกล้าขาแข็งแล้ว สามารถที่จะหลบหลีกจากการควบคุมด้วยน้ำมือเขาแล้ว
"อย่างนั้น....ถ้าอย่างนั้นหนูกลับไปก่อนนะคะคุณอา!"หลินลั่วเสวี่ยก้มศีรษะไม่กล้ามองเขา เมื่อกี้เขาพูดหลอกลวงหนานกงเจา ว่าเธอกลับมาจากต่างประเทศ กกหูของเธอก็ร้อนแดงวูบวาบแล้ว
หนานกงเฮ่ามองหลินลั่วเสวี่ยที่อ่อนแอ อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจออกมา"ลั่วเสวี่ย มีบางเวลาของที่ตัวเองชอบตัวเองต้องเป็นคนช่วงชิงนะ"
หลินลั่วเสวี่ยใจกระตุกวูบ"คุณอา หมายความว่าอย่างไรคะ?"
"เธอเป็นคนฉลาด ฉันชื่อว่าเธอจะเข้าใจ!"
พูดจบ หนานกงเฮ่าก็ได้ยื่นมือออกมาตบที่ศีรษะของหลินลั่วเสวี่ยเบาๆ แล้วเดินเข้าไปในห้อง "อยากกลับก็กลับไปเถอะนะ"
หลินลั่วเสวี่ยตอบรับเสียงต่ำ เปิดประตูใหญ่ออกเบาๆ กลัวที่จะรับกวนถึงหนานกงเฮ่า
...........................
ตั้งแต่หนานกงเจาออกมาจากบ้าน ขับรถอย่างไรจุดหมาย ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามา เขายืนมืออกมาข้างหนึ่งเปิดบลูทูธ
"ฮัลโหล สวัสดีครับ ใครครับ?"
โทรศัพท์ด้านนั้นเงียบไปอยู่สักพัก พูดว่า"นายอยู่ที่ไหน?"
หนานกงเจาขมวดคิ้วขึ้น เสียงนี้คล้ายกับเสียงของมู่ยู่วฉี แต่อย่างไรก็ไม่คุ้นชิน จึงได้ลองหยั่งเชิงถามว่า"ใช่มู่ยู่วฉีไหม?"
"ใช่ฉันเอง "มู่ยู่วฉีก็ไม่ได้อ้อมค้อม ยอมรับไปทันที
"นายอยู่ที่ไหน?"
คำนี้ เขาถามแล้วสองครั้ง ครั้งแรกถูกหนานกงเจามองข้ามแล้ว ในที่สุดครั้งนี้หนานกงเจาก็ได้ยินชัดเจน "ฉันอยู่บนทางด่วน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...