วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 407

ในสถานีตำรวจ ต้วนจื่ออิ๋งกับพ่อตัวต้วนได้ทันทีที่ทราบได้ข่าว ก็มารออยู่ในสถานีตำรวจก่อนแล้ว

ตอนที่เย่จิงเหยียนกับต้วนอีเหยาเดินเข้ามา ต้วนจื่ออิ๋งลุกจากที่นั่ง พูดแบบกล้าๆเกรงๆ “พี่จิงเหยียน...”

เสียงเรียกของเธอครั้งนี้ไม่ได้สดใส รู้สึกกลุ้มใจนิดนึง ตั้งแต่ถูกเรียกเข้าห้องสอบสวน แล้วถูกเรียกมายังสถานีตำรวจอีกครั้ง แม้ว่าในใจจะมีความรู้สึกกับเขาอยู่ แต่ว่าความรู้สึกที่มีมากกว่าคือความกลัว

เธอไม่กล้าเข้าใกล้เย่จิงเหยียน เพราะนัยต์ตาของเขาเหมือนคนแปลกหน้า เหมือนกับว่าถ้าเขาจะฆ่าก็จะไม่มีใครรู้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงก้าวไม่ออก

“คุณชายเย่ คุณมาแล้วหรอ ” เจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปหาเอกสารชิ้นหนึ่ง เมื่อกลับมาก็เห็นเย่จิงเหยียนยืนอยู่ที่ประตู รีบพลิกกลับด้านเอกสารที่อยู่ในมือแล้วเดินผ่านไป

คนแบบนี้ เขาเองก็ไม่กล้าที่จะมีเรื่องด้วย ทำได้แค่มีความสุขภาพบ้าง ถึงจะไม่ได้เคารพมาก แต่อย่างน้อยก็ยังทิ้งภาพจำดีๆไว้ และไม่รู้วันหนึ่งเขาอาจจะถูกปลดจากตำแหน่งก็ได้

เย่จิงเหยียนพยักหน้าให้เขา “เริ่มเลย”

ตำรวจปัดจมูกที่หนึ่ง รู้สึกว่าตัวเองถูกมองข้าม แต่ก็ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ ฉะนั้นไม่ได้มีอะไรกังวลใจ

ต้วนจื่ออิ๋งเห็นท่าทางของเย่จิงเหยียนที่ไม่มีเยื่อใยเลย ในใจรู้สึกผิดหวังนิดนึง เธอไม่รู้ว่าตัวเองถูกเย่จิงเหยียนรังเกียจขนาดนี้

ตำรวจมองไปยังต้วนจื่ออิ๋ง แล้วหันกลับมามองต้วนอีเหยา รู้สึกว่าเธอทั้งสองหน้าตาเหมือนกันมาก ในใจคิดว่าพวกเธอคงเป็นคู่แฝดแน่ๆ

แต่ว่าด้านหลัง เหมือนกับว่ามีกลิ่นอายที่เข้มแข็ง ไม่ว่าจะนั่งหรือยืน ล้วนแล้วสง่าผ่าเผย ไม่เหมือนกับผู้หญิงทั่วไปเลยสักนิด ไม่น่าล่ะถึงได้ใจของประธานคนนี้ได้

เขาใส่หัว ที่ตัวเองคิดกับบุคคลสำคัญทางธุรกิจระดับนี้ การไปเดาเรื่องส่วนตัวของเขา เป็นอะไรที่อันตรายมาก ถ้าไม่ระมัดระวังอาจจะมีภัยมาถึงตัวได้

ตำรวจพลิกเอกสารบนมือออก ดูอยู่สักพัก ถามต่อ “สุภาพสตรีต้วนอีเหยา ตอนที่คุณถูกควบคุมตัวได้สังเกตหน้าของผู้ร้ายไหน”

ต้วนอีเหยาจินตนาการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนถูกควบคุมตัว หลับตาพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บปวด “จำได้อยู่”

แม้ว่าจะเป็นเพียงไม่กี่วินาที แม้ว่าเขาเจ็บจนแทบจะไร้ความรู้สึก แต่เธอก็ยังจำต้วนจื่ออิ๋งไว้ในหัวอย่างดี

ตำรวจพยักหน้า ถามต่อว่า“คุณชายเย่ คุณก็เห็นหรือ”

เย่จิงเหยียนกวาดสายตาไปยังต้วนจื่ออิ๋ง เห็นเธอมองหน้าเขาด้วยความสงสาร และพ่อต้วนที่อยู่ข้างหลังเธอก็ส่งสายตาอ้อนวอนให้กับเขาตลอด

แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะน่าสงสารแค่ไหน แต่ตอนที่ต้วนอีเหยาถูกควบคุมตัวไม่มีใครช่วยเธอ เธอจะเจ็บปวดแค่ไหนใครจะรับรู้ได้

เขายืนหยัดว่า “ใช่”

สีหน้าของต้วนจื่ออิ๋งเหมือนกับคนที่ตายแล้ว ครั้งนี้ เขาไม่กล้าที่จะหวังให้เย่จิงเหยียนรักตัวเองอีก เขาตั้งใจจะทำให้เธอตายคาที่แน่ๆ

เรื่องราวทั้งหมดอยู่ในสายตาของตำรวจ เขาเขียนโน๊ตลงในสมุดบันทึก หลังจากนั้นหันมาถามต้วนจื่ออิ๋ง “สุภาพสตรีต้วนจื่ออิ๋ง คุณยอมรับว่าเคยควบคุมตัวสุภาพสตรีต้วนอีเหยาไหม”

“คือฉัน....” ต้วนจื่ออิ๋งใจเหมือนถูกสลายเป็นผงขี้เถ้าทันที เธอคิดว่าตัวเองควรจะยอมรับ รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยกับเรื่องนี้มาก ให้มันจบตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน

“ไม่ได้ทำนิ” พ่อต้วนที่อยู่หลังเธอเห็นสภาพลูกสาวแบบนี้ จับมือของเธอ และชิงตอบก่อน

“ในวันนั้นเธออยู่กับฉันตลอดทั้งวัน เรื่องนี้ต้องมีการเข้าใจผิดแน่ๆ”

“เป็นความจริงหรือ” ตำรวจเองก็เป็นคนที่สังเกตสีหน้าคนได้ดี เรื่องแบบนี้ดูก็รู้ว่าใครกำลังพูดโกหก

“การเป็นพยานเท็จเป็นการขัดขวางความยุติธรรม ก็จะถูกสอบสวนเหมือนกัน”

พ่อต้วนพยักหน้า“ สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง ไม่รู้ว่าคุณว่าเป็นพยานเท็จกับฉันหรือเปล่า”

“พ่อ...”

พอต้วนรีบห้ามลูกสาวทันที ตัดคำพูดต่อจากนั้นของเธอ

ตำรวจส่ายหน้า พูดออกมาคำหนึ่ง “ดื้อดึงไม่ยอมรับผิดจริงๆ” แล้วก็บันทึกลงบนสมุด

หลังจากนั้นก็ถามอีกไม่กี่คำถาม แต่ว่าพ่อต้วนก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา เป็นเพราะว่าเย่จิงเหยียนกับต้วนอีเหยาจำผิด บนโลกนี้คนที่รูปร่างคล้ายกันไม่ได้มีเพียงแค่เธอสองคน อาจจะมีผู้หญิงคนอื่นก็เป็นไปได้

เหตุผลแบบนี้ดูแล้วเหมือนไร้สาระ แต่ก็ไม่ถึงกับไร้เหตุผลซะทีเดียว เมื่อมองตามความเป็นจริงแล้ว ก็มีความเป็นไปได้

เย่จิงเหยียนกับต้วนอีเหยาก็ไม่ได้โกรธ เพราะพวกเขามีหลักฐานเพียงพอ ไม่เลิกลาเพราะคำพูดสองสามคำแน่นอน

“โอเครล่ะ ได้บันทึกข้อมูลไว้แล้ว พวกคุณกลับไปรอข่าวละกัน ศาลจะแจ้งข่าวไปยังพวกคุณเอง ” ตำรวจลุกขึ้น เก็บของที่อยู่บนโต๊ะ คิดก็ไม่ได้คิด ก็ออกไปก่อนเลย

เย่จิงเหยียนกับต้วนอีเหยาเองก็ไม่อยากอยู่ให้เสียเวลา ตามตำรวจออกไปติดๆ เพิ่งจะถึงประตูก็ถูกเสียงหนึ่งเรียกไว้

“มีเรื่องอะไรอีก” เย่จิงเหยียนหยุดเดิน หันกลับมาถามพ่อต้วนด้วยท่าทีที่สุภาพ

พ่อต้วนลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง กว่าจะกล้าอ้าปากพูด “ฉันขอร้องคุณละกัน ให้อภัยจื่ออิ๋งเถิด เธอก็แค่ความรู้สึกชั่ววูบ แล้วเธอก็ได้ชดใช้ในสิ่งที่เธอทำแล้ว และเธอก็อยู่ในความรู้สึกผิดตลอด”

เย่จิงเหยียนทำหน้าจริงจังขึ้นมา “ชดใช้ แค่ทำเป็นน่าสงสาร ก็คือการชดใช้แล้วหรือ”

แล้วที่พวกเขาต้องอยู่ภายใต้ความเจ็บปวด ทุกคืนต้องตื่นขึ้นมาเพราะเหตุการณ์นั้น จะคิดยังไง

พ่อต้วนคิดไม่ถึงว่าเขาจะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยอย่างนี้ จึงเลิกขอร้องเขา และเริ่มพูดด้วยอารมณ์

“แล้วสรุปคุณจะเอายังไง ยังไม่พอหรือ เธออยู่ที่โรงพักครึ่งเดือนแล้ว หรือว่าต้องการให้เธอเข้าคุกจริงๆ”

“เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าฉันอยากหรือไม่อยาก เธอเป็นคนทำผิด ตัวเองก็ต้องรับผิด ก็เหมือนกับที่ฉันเย็นชากับเธอ ลูกชายฉันก็ต้องจากไปเพราะเหตุนี้เหมือนกัน เรื่องทั้งหมดก็มีผลของมัน”

เมื่อเย่จิงเหยียนพูดจบ เห็นว่าพ่อต้วนยังคงไม่เข้าใจ ก็เลิกที่จะโต้เถียงกับเขา ดึงมือของต้วนอีเหยาแล้วเดินจากไป

ต้วนจื่ออิ๋งที่อยู่ในมุมมืดตลอดรีบวิ่งออกมานอก ไปขวางหน้าของเย่จิงเหยียน

“พี่จิงเหยียน ฉันรู้ว่าฉันทำผิด การลงโทษแบบนี้ ฉันยอมรับได้ แต่ว่า...”

สายตาที่ว้าวุ่น ดูไม่ออกเลยว่ามีความรู้สึกอะไรบ้าง “แม้ว่าปัญหานี้ฉันจะรู้คำตอบแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากจะถามพี่คำถามนึง แต่ไหนแต่ไรมาพี่ไม่เคยชอบฉันเลยหรือ แม้ว่าจะเป็นแค่พริบตาเดียวหรือ...แค่เสี้ยววินาที”

เย่จิงเหยียนถึงกับตะลึง เห็นผู้หญิงที่อ่อนเยาว์ตรงหน้าตัวเอง เธอควรจะเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสาและไร้พิษภัย แต่เมื่อต้องมาเจอกับตัวเอง ก็เปลี่ยนไปเฉยเลย

เย่จิงเหยียนอ้าปากพูดในเวลานี้ “ไม่ เธอมีความผิด”

ต้วนอีเหยาจ้องหน้าเย่จิงเหยียนด้วยความสงสัย ขณะที่เขากำลังจดจ่อกับการขับรถ “ เธอคิดจะหาคนใส่ร้ายคุณ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ถือว่าได้มีความคิดนี้แล้ว”

ต้วนอีเหยาคิดใคร่ครวญดูสักครู่ รู้สึกว่ามันก็จริง เธอรู้สึกอยากหัวเราะตนเอง ที่เมื่อแผลหายก็ลืมความเจ็บปวด

ในขณะที่ทั้งสองยังอยู่ในการสนทนา รถก็ได้มาถึงคฤหาสน์ที่เย่จิงเหยียนอาศัยอยู่ ทันทีที่เขาจอดรถ ก็มีคนใช้ออกมาต้อนรับ

ต้วนอีเหยาปฏิเสธการประคองของเย่จิงเหยียน ลงจากรถด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าเท้าไปเหยียบโดนอะไร

ขาอ่อนทันที เกือบจะล้มลงกับพื้น

“เป็นไรไหม”เย่จิงเหยียนประคองเธอไว้ได้ทันที ถามด้วยความห่วงใย

ต้วนอีเหยาส่ายหัว “ไม่ได้เดินเป็นเวลานาน รู้สึกว่าขาไม่มีแรง แต่ว่าตอนนี้ดีขึ้นแล้วล่ะ”

เธออยากให้เย่จิงเหยียนปล่อยเธอ แต่ว่าเขาก็ไม่ยอมปล่อย อุ้มเธอขึ้นมาทันที แล้วเดินเข้าไปยังคฤหาสน์

……

เย่จิงเหยียนวางต้วนอีเหยาลง สบตาเธอครั้งหนึ่ง แล้วเงยหน้าเงยหน้าขึ้น “ทำไมเวลาที่คับขัน ก็ยังคงรู้สึกเกร็งๆ”

ต้วนอีเหยาเองความรู้สึก เมื่อเขาตอบสนองแบบนั้น ตัวเองก็ควบคุมตัวเองไม่ได้แหละ

เห็นเธอเช็ดปาก เย่จิงเหยียนถอนหายใจทีหนึ่งแล้วพูดขึ้น “เออ เดี๋ยวฉันเรียกพ่อบ้านทำอาหาร เหนื่อยมาขนาดนี้ ก็ควรจะหิวแล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินว่ากินข้าว ต้วนอีเหยารีบลุกขึ้นจากเตียงทันที

จริงๆแล้วเธอหิวตั้งนานแล้ว แต่ว่ามีเรื่องต้องทำเยอะแยะ เลยอดไว้ไม่ได้พูดออกมา หากท้องไม่ได้ร้องออกมา ตัวเองก็ไม่คิดจะพูดออกมา ก็ยังคงจะอดกลั้นต่อไป

สิ่งที่ทำให้เธอภาคภูมิใจที่สุดคือพลังแห่งความอดทน

เวลากินข้าว อยู่ๆก็มีคนกระโจนเข้ามา ต้วนอีเหยาหันหน้าไปดู เห็นเป็นทหารต้วน รู้สึกตะลึงนิดนิด

“พ่อ ”

เมื่อคิดดูอีกที ตั้งแต่เธอฟื้นจากโรงพยาบาลก็ไม่เคยเห็นเขาอีกเลย และไม่รู้ด้วยว่าเขาอยู่ที่ไหนมา ตอนนี้ถึงกลับมา

ทหารต้วนเห็นว่าต้วนอีเหยาไม่ได้บาดเจ็บก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ในที่สุดก็กลับมาสักที ดีแล้วที่ลูกไม่ได้เป็นอะไร”

บนใบหน้าที่บอกอะไรไม่ถูกของต้วนอีเหยา “สรุปพ่อไปไหนมาเนี่ย”

“อยู่ๆกองทัพก็มีภารกิจเร่งด่วน และทราบข่าวว่าลูกไม่ได้มีอันตราย เบื้องบนก็กดดันให้รีบ พ่อจึงแยกออกไปทำภารกิจเป็นเวลาหนึ่ง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ