"เฮ้ เฮ้ คุณทําอะไรน่ะ? ออกไปเลยนะ ร้านนี้ไม่ใช่ที่ที่คนอย่างคุณควรมา!" พนักงานคนหนึ่งรีบวิ่งออกมาหยุดต้วนอีเหยาไว้ เพราะกลัวว่าเธอจะแตะต้องเสื้อผ้าในร้าน
"ฉันก็แค่ดูเท่านั้นเอง" ต้วนอีเหยาพยายามอธิบายอย่างกระอักกระอ่วน
แต่คำพูดนี้กลับไม่มีผลต่อพนักงาน เธอทำงานในร้านนี้มานาน พบเห็นคนเช่นนี้มาก็ไม่น้อย ดังนั้นเธอจึงพูดตรง ๆ เช่นนี้ต่อต้วนอีเหยา
"พอได้แล้ว คุณรีบออกไปเถอะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณจะเข้ามาได้!"
ต้วนอีเหยาถูกผลักไปที่ประตู พอดีกับที่เย่จิงเหยียนกำลังวางสายโทรศัพท์ เขารีบคว้าแขนของต้วนอีเหยาไว้เพื่อไม่ให้เธอสะดุดล้ม
"เกิดอะไรขึ้น? อีเหยา ทำไมคุณถึงออกมาซะล่ะ?"
"คือว่า......" ต้วนอีเหยารู้สึกอายที่จะบอกว่าเธอถูกขับออกมา เธอยืนอยู่ที่หน้าประตู และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
"ทําไมไม่พูดล่ะครับ?"
เย่จิงเหยียนกวาดสายตามองคนในร้าน และถามคนที่อยู่ใกล้เขาที่สุด "คุณช่วยบอกหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”
"ดิฉัน......ดิฉัน......" พนักงานถูกเย่จิงเหยียนกดดัน จนพูดอะไรไม่ออก
"เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?"
เขาพูดเสียงดังขึ้น จนทำให้พนักงานถึงกับตัวสั่นและกลืนน้ำลาย
ในที่สุดก็ยอมเปิดปากพูด "ต้องขออภัยคุณเย่ด้วยค่ะ พวกเรามีตาหามีแววไม่ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงท่านนี้เป็นผู้หญิงของคุณ ......"
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เย่จิงเหยียนก็พอจะเข้าใจเรื่องราวแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการที่ต้วนอีเหยาแต่งตัวแบบนี้ คงจะถูกพนักงานในร้านรังเกียจและขับออกมา
เย่จิงเหยียนกุมมือต้วนอีเหยาไว้แล้วตบเบา ๆ "ไม่ต้องกลัวนะ"
ต้วนอีเหยาเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้เขา จากนั้นจึงเดินตามเย่จิงเหยียนเข้าไปในร้านเสื้อผ้า คราวนี้เธอได้รับการปฏิบัติแตกต่างจากครั้งที่แล้วอย่างสิ้นเชิง พนักงานทุกคนต่างต้อนรับเธอด้วยรอยยิ้ม และให้บริการด้วยความระมัดระวัง
"ชุดนี้ ชุดนี้ แล้วก็พวกนั้น เอามาลองทั้งหมด" เย่จิงเหยียนโบกมือเลือกเสื้อผ้าในร้านไปมากกว่าครึ่ง
ต้วนอีเหยารู้สึกทำอะไรไม่ถูก "ไม่ต้องมากขนาดนี้หรอก!" แค่เธอต้องลองเสื้อทั้งหมดนี่ก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมูลค่าของเสื้อผ้าพวกนี้ ดีไม่ดีเย่จิงเหยียนอาจจะเหมาทั้งหมด แล้วจะทำยังไงดีล่ะ?
เย่จิงเหยียนไม่รู้ว่าในใจเธอกําลังคิดอะไรอยู่ เขาพยักหน้า "ลองทั้งหมดนี่เลย!"
ต้วนอีเหยาไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่เดินตามพนักงานเข้าไป จากนั้นก็เป็นการเข้าออกห้องลองเสื้อครั้งแล้วครั้งเล่า
เย่จิงเหยียนนั่งอยู่บนโซฟา และทุกครั้งที่ต้วนอีเหยาออกมา เขาจะวางหนังสือพิมพ์ลงและตั้งใจมองดูเธอ พยักหน้าบ้างส่ายหน้าบ้าง
"ฟู่......"
ในที่สุดเธอก็ลองเสื้อผ้าทั้งหมดจนครบแล้ว ต้วนอีเหยานั่งลงข้างเย่จิงเหยียน และถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
"เป็นยังไงบ้างคะ?" ต้วนอีเหยาหลับตาลง ปล่อยเย่จิงเหยียนนวดหลังให้เธอ
เย่จิงเหยียนลูบไหล่เธอพลางพูดว่า "คุณคิดว่าไงล่ะ?"
ต้วนอีเหยาหันกลับไปมอง "ที่จริงแล้วฉันรู้สึกเฉย ๆ ฉันไม่เหมาะที่จะใส่ชุดแบบนี้!"
เย่จิงเหยียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา "ผมกลับคิดว่าเสื้อผ้าพวกนี้ก็ใช้ได้นะ คุณใส่แล้วดูดีมีรสนิยมไปอีกแบบ"
"ไม่ใช่มั้งคะ?" ต้วนอีเหยากลอกตา คงเป็นเพราะเงินเยอะจนไม่มีที่จะใช้ เสื้อผ้าเหล่านี้ดูเหมือนเสื้อผ้าที่เหล่าคนดังใส่เดินบนแคทวอล์ก แล้วเธอจะใส่ไปเดินเล่นได้ยังไงกัน?
ดูเหมือนว่าเย่จิงเหยียนก็จะคิดแบบนี้เช่นกัน "ในเมื่อเป็นแบรนด์ดัง ก็คงมีการใส่เสื้อผ้ามาชนกันบ้าง ผมจะไม่ยอมให้คุณใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกับคนอื่น"
"ถ้างั้นก็ไปกันเถอะค่ะ" ต้วนอีเหยาลุกขึ้น
เธอหันกลับมาและยื่นมือให้เขา พยายามจะดึงเขาให้ลุกขึ้น
เย่จิงเหยียนก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขากุมมือของเธอไว้ แต่พนักงานยังคงถือเสื้อผ้าตามหลังมาติด ๆ
เมื่อเดินมาถึงเคาน์เตอร์ เย่จิงเหยียนก็หยุดลง "ช่วยห่อเสื้อผ้าทั้งหมดเมื่อครู่ด้วย!"
"อ๋า? ได้ค่ะ!" พนักงานนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จนกระทั่งได้สบเข้ากับตาของเย่จิงเหยียนถึงได้สติคืนมา
เมื่อเข้าใจถึงสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินแล้ว ก็รีบเรียกคนอื่น ๆ ให้มาจัดการแพคของด้วยความดีใจ
เย่จิงเหยียนหยิบการ์ดใบหนึ่งออกมารูดบนเครื่องรูดบัตร ต้วนอีเหยาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็แอบนับจำนวน มีตัวเลขถึงหกหลัก!
"ส่งของไปที่คฤหาสน์ผมนะ" เย่จิงเหยียนพูดทิ้งท้ายไว้ แล้วจูงมือต้วนอีเหยาเตรียมจะออกไป
ต้วนอีเหยาหันกลับไปมองถุงใบใหญ่เหล่านั้น เธอรู้สึกงงงวยเล็กน้อย "ทั้งที่พวกเราไม่ชอบมัน ทําไมคุณยังซื้ออีกล่ะคะ? แปลกจริง ๆ !"
เย่จิงเหยียนที่เดินมาได้ครึ่งทางก็หยุดลง และลูบผมของเธอ "เมื่อกี้ตอนที่เข้าไปพวกเธอพากันมารังแกคุณซะขนาดนั้น ผมก็ต้องทวงคืนความยุติธรรมกลับมาให้คุณสิ! จะปล่อยให้พวกเธอมารังแกภรรยาของผมไม่ได้!"
"อา......เพียงแค่ต้องการระบายอารมณ์ คุณถึงกับใช้เงินมากขนาดนี้เลยเหรอ? ช่างไม่คุ้มค่าซะเหลือเกิน!" ต้วนอีเหยามองไปที่เย่จิงเหยียนอย่างไม่ค่อยพอใจ ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกขบขันหรือรู้สึกซาบซึ้งใจดี
เย่จิงเหยียนดึงต้วนอีเหยาเข้ามาโอบไว้แล้วเป่าลมเบา ๆ บนหน้าผากของเธอ "ไม่มีอะไรที่ไม่คุ้มค่า ผู้หญิงของผมจะให้คนอื่นมารังแกได้อย่างไร? แม้แต่ตัวผมเองยังไม่กล้าที่จะรังแกเลย!"
ต้วนอีเหยาหน้าแดงด้วยความเขินอาย เธอใช้มือทุบหน้าอกเขาเบา ๆ "เราอยู่ในที่สาธารณะนะคะ มีคนมากมายกําลังมองอยู่! คุณหัดยับยั้งตัวเองหน่อยค่ะ!"
แต่เย่จิงเหยียนไม่สนใจ กลับโอบต้วนอีเหยากระชับแน่นขึ้นไปอีก จนท้ายที่สุดต้วนอีเหยาก็หายใจไม่ออกเขาถึงได้คลายมือออก
"คุณอยากทําอะไรกันแน่......" ต้วนอีเหยาหันกลับมามองเย่จิงเหยียนด้วยสายตาโมโหหวังคิดบัญชี แต่เมื่อเห็นสายตาตื่นตระหนกของเขา ก็อดรู้สึกใจอ่อนไม่ได้
เมื่อคิดไปคิดมา ต้วนอีเหยาก็กลับมากอดเย่จิ่งหยียนเอาไว้อีก "ขอโทษค่ะ แล้วก็......ขอบคุณที่ช่วยฉันระบายความโกรธนี้!"
"เด็กโง่!" เย่จิงเหยียนกอดต้วนอีเหยากลับ เขาไม่ได้โกรธเพราะท่าทีเมื่อครู่ของเธอ แต่โกรธที่เธอไม่รู้จักป้องกันตัวเอง
หรือบางทีมันอาจจะเป็นผลมาจากหน้าที่การงานของเธอ ทุกครั้งเธอจะยอมให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ แต่กลับปกป้องคนอื่นไว้อย่างสุดกำลัง
บนถนนที่พลุกพล่าน ต้วนอีเหยาและเย่จิงเหยียนกอดกันกลมราวกับเวลาถูกหยุดไว้ ในสายตาของพวกเขามีแต่เพียงกัลและกันเท่านั้น
แต่ก็โรแมนติกอยู่ได้ไม่นานนัก เย่จิ่งเหยียนก็เปลี่ยนจากกอดเป็นจูงมือ พาต้วนอีเหยาเบียดออกมาจากฝูงชน ทั้งสองคนเดินไปถึงไหนก็เป็นที่สะดุดตาของผู้คน เพราะการกอดเมื่อสักครู่ทําให้หลายคนหยุดดู จนทําให้การจราจรถึงกับติดขัด
หลังจากที่ต้วนอีเหยาและเย่จิงเหยียนออกมาแล้ว แต่ก็ยังพบว่ามีบางคนได้เดินตามพวกเขามา ราวกับจะติดตามไปทุกที่ที่พวกเขาไป ทําให้ต้วนอีเหยาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก
ไม่แปลกใจเลยที่พวกดาราจะไม่ชอบคนมากมาย ในที่สุดเธอก็ถือว่าได้สัมผัสประสบการณ์
"ตอนนี้เราจะไปไหนกันคะ?" ต้วนอีเหยานั่งอยู่ในร้านกาแฟ จิบน้ำผลไม้ มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างเบื่อหน่าย
เย่จิงเหยียนยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม "ไปดูแหวนแต่งงานกัน"
"อะไรนะคะ?" ต้วนอีเหยาประหลาดใจ ทั้งที่กำลังเตรียมจะแต่งงานแล้ว แต่ยังไม่มีแหวนแต่งงานอย่างนั้นเหรอ?
ต้วนอีเหยาถูกเธอมองจนรู้สึกประหม่า จึงหันไปถามเย่จิงเหยียน "จริงเหรอคะ? มันดูดีขนาดนั้นเชียวเหรอ?"
เย่จิงเหยียนจ้องที่คอของเธออยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า "สวยมาก!"
เดิมทีคอของเธอก็เรียวงามเป็นระหงอยู่แล้ว ประกอบกับผิวที่ขาวผ่อง เมื่อถูกประดับด้วยสร้อยคอ ก็ยิ่งทำให้ผู้ที่มองเห็นไม่สามารถละสายตาไปได้
เมื่อเย่จิงเหยียนพูดออกมาตรง ๆ ว่าสวย ต้วนอีเหยาก็ยิ่งรู้สึกเขินอายมากยิ่งขึ้น เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้น เธอรู้สึกเขินอายทำตัวไม่ถูก
"เอาชิ้นนี้ก็แล้วกัน!" เย่จิงเหยียนโอบต้วนอีเหยาเอาไว้ เพื่อให้เธอไม่ต้องรู้สึกเก้อเขินมากเกินไป
เมื่อพนักงานได้ยินดังนั้น ดวงตาก็โตเป็นประกาย "คุณผู้ชายต้องการให้ห่อหรือจะใส่ไปเลยดีคะ?"
"ใส่เลยก็แล้วกันเนอะ!" เย่จิงเหยียนหันไปถามต้วนอี
เหยา เหมือนจะเป็นคำถาม แต่ที่จริงเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว
"เดี๋ยวก่อน" ต้วนอีเหยาหยุดเย่จิงเหยียนไว้ แล้วกระซิบถามที่ข้างหูเขา "เอ่อ......เรามาที่นี่เพื่อซื้อแหวนแต่งงานไม่ใช่เหรอคะ? แล้วทำไมคุณถึงซื้อสิ่งนี้?"
เย่จิงเหยียนอดไม่ได้ที่จะดีดหน้าผากของเธอ "ยัยเด็กโง่ ชอบอะไรก็ซื้อ เราไม่ได้ขัดสนเงินเพียงแค่นี้นี่"
"แต่ว่า......" ถึงจะพูดแบบนี้ก็เถอะ มีเงินก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ยังไงก็ได้ นี่มันค่อนข้างจะ......ฟุ่มเฟือยเกินไป!
"ไม่ต้องแต่ว่า วันนี้คุณตามผมมาก็พอแล้ว"
ต้วนอีเหยาพยักหน้า โอกาสที่จะได้ออกมาเดินเล่นเช่นนี้ไม่ได้มีง่าย ๆ เธอเองก็ไม่อยากทําให้ทั้งสองคนไม่มีความสุขเพราะความคิดที่ต่างกันเหล่านี้ อีกอย่างเธอก็ชอบสร้อยคอเส้นนี้อยู่ไม่น้อย
"คุณผู้ชายคะ พวกท่านยังต้องการดูแหวนอยู่หรือเปล่าคะ ทางร้านเรามีสินค้าที่เป็นดาวประกายฟ้ามาใหม่ยังไม่ได้เปิดขายอย่างเป็นทางการ......" พนักงานพูดแนะนำขึ้นมาเมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง
สาเหตุที่ยังไม่ได้ขาย เนื่องจากมันมีราคาสูงเกินไป เจ้านายของพวกเขาต้องคิดเรื่องราคาให้ดี ไม่เช่นนั้นก็คงต้องเก็บไว้ให้ตัวเอง
แต่เธอรู้สึกว่าเพชรเม็ดนั้นช่างงดงามยิ่งนัก ถ้าจะต้องเก็บไว้ให้เจ้านายอ้วนของเธอ ก็สู้ขายมันให้กับสองท่านนี้ดีกว่า อย่างน้อยมันก็ดูเจริญตาเจริญใจ เหมือนอยู่กับคนที่ถูกต้อง
หลังจากได้ฟังคำแนะนำของเธอ เย่จิงเหยียนก็เกิดความสนใจขึ้นมา "อยู่ที่ไหน พาพวกเราไปดูหน่อย"
พนักงานผายมือและนำพวกเขาไปยังห้องเล็ก ๆ ที่แยกออกมา ภายในมีเคาน์เตอร์อยู่ตรงกลาง ยังไม่ทันที่จะได้เข้าใกล้ แหวนที่อยู่ภายในตู้ก็เปล่งประกายระยิบระยับสว่างไสวออกมา
เย่จิงเหยียนเองก็ถูกดึงดูดด้วยเช่นกิน เพชรน้ำงามบริสุทธิ์เช่นนี้หาได้ยากนัก นอกจากแหวนแต่งงานในมือของมู่เวยเวยแล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นที่ไหนอีกเลย
แม้ว่าต้วนอีเหยาจะไม่มีความรู้ในเรื่องนี้นัก แต่เธอก็สามารถมองเห็นความแตกต่างได้ด้วยตาเปล่า และเมื่อยิ่งเข้ามาดูใกล้ ๆ ก็ยิ่งดูสวยงามมากขึ้น
"ลองดูสิ"
เย่จิงเหยียนก้าวถอยหลังไปนิดหนึ่ง รอให้พนักงานเอากุญแจมาเปิด แต่รออยู่สักพักไม่เห็นเธอทำอะไรสักที
เมื่อหันไปมอง ก็เห็นว่าพนักงานกำลังยืนถูมือไปมาดูหนักใจ "ต้องขออภัยด้วยค่ะคุณผู้ชาย กุญแจของตู้นี้ไม่ได้อยู่กับดิฉัน ถ้าท่านชอบ ดิฉันจะรีบติดต่อเจ้านายของเราเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!"
เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว แต่ก็ยังไม่อยากพลาดกับเพชรเม็ดงามนี้ไป "ถ้างั้นคุณก็รีบไปโทรศัพท์เถอะ"
พนักงานตอบรับ และรีบเดินออกไปที่เคาน์เตอร์ กดโทรศัพท์หาเจ้านาย พูดเพียงไม่กี่คําก็วางสายไป
"คุณผู้ชายคะ เจ้านายของเรากำลังมา ขอได้โปรดอดทนรอสักครู่นะคะ"
เย่จิงเหยียนโบกมือและนั่งลงบนโซฟาที่ใช้ต้อนรับแขกกับต้วนอีเหยา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...