เสี่ยวอวี้หลินขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ยื่นมือไปบีบคางของเซี่ยอันนาบังคับให้เซี่ยอันนามองหน้าเขา
เซี่ยอันนารู้สึกเจ็บปวด ขมวดคิ้วและมองไปที่เสี่ยวอวี้หลิน "ปล่อยนะ ทำอะไรเนี่ย? ฉันเจ็บ"
ทำไมเสี่ยวอวี้หลินถึงชอบทำร้ายตัวเองทุกครั้ง? ครั้งก่อนก็ทำแบบนี้ ตัวเองทำให้เขารำคาญขนาดนั้นเลยหรอ?
เมื่อเสี่ยวอวี้หลินได้ยินคำพูดของเซี่ยอันนาก็รีบปล่อยมือ ผู้หญิงคนนี้ทำไมอ่อนแอจัง แค่จับเบาๆก็เจ็บ
" ใครให้เธอไม่ตอบฉัน ยังทำเมินใส่อีก" ถ้าเสี่ยวอวี้หลินเป็นเจ้าชาย คำที่เขาพูดมาก็ไม่มีเหตุผลเลย
"ฉันก็แค่คิดถึงเรื่องต่างๆ" เซี่ยอันนาเงยหน้าขึ้นและพูดว่าทำไมเธอเมินไป
ขอร้อง? ใครจะไม่คิดเรื่องต่างๆ? เสี่ยวอวี้หลินพูดไม่ออก "ไปกันเถอะ วันนี้เจ้าชายสุดหล่ออารมณ์ดี เดี๋ยวพาไปกินข้าว"
ในขณะที่กำลังพูดก็ดึงเซี่ยอันนาลุกจากโต๊ะ "เฮ้ย หนังสือของฉัน...... "
เสี่ยวอวี้หลินมองไปที่หนังสือของเซี่ยอันนาบนโต๊ะ ยิ้ม หยิบหนังสือขึ้นมาและเดินไป
"เฮ้ย......เฮ้ย..... " เซี่ยอันนาอยู่ในความงุนงงรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เซี่ยอันนาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสี่ยวอวี้หลินเดินออกไปคนเดียวพร้อมกับหนังสือของเธอ
เสี่ยวอวี้หลินเดินไปที่ประตูตะโกนมาว่า "เฮ้ย จะไปหรือไม่ไป? ยังอยากได้อยู่หรือเปล่าหนังสือเนี่ย?"
เสี่ยวอวี้หลินเป็นชายหนุ่มที่ฉลาด แต่บางที......เจ้าชายที่คนก็ส่วนมากฉลาด
เสี่ยวอวี้หลินรู้อยู่เสมอว่าต้องใช้เหตุผลอะไรและเหตุผลใดที่จะทำให้เซี่ยอันนาปฏิเสธไม่ได้
......
"ชวูเสวีย ดูสิอันนี้สวยไหม? ฉันซื้อมาให้เธอดีไหม?" หนานกงเจาพูดพร้อมกับถือชุดสีเหลืองอ่อนในมืออย่างมีความสุข เย่ชวูเสวียนั่งดื่มชาอยู่ข้างๆ
ทำไมหนานกงเจาถึงน่ารำคาญขนาดนี้ เย่ชวูเสวียหมดความอดทน เธอเงยหน้าขึ้นและเหลือบมอง "อืม โอเค ใส่ถุงเลย"
หนานกงเจามีความสุขอยู่พักหนึ่ง เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่ชวูเสวียพูด ก็เรียกพนักงานมาใส่ถุงทันที
เย่ชวูเสวียไม่รู้ว่าหนานกงเจารู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้านพี่ชายแล้ว แต่ตังวันที่เธอโดนไล่ออกมาเขาก็อยู่กับเธอตลอด
เย่ชวูเสวียไม่รอหนานกงเจาที่กำลังดูเสื้อผ้า เธอเดินตรงไปที่ประตูและขึ้นลิฟต์
"โอเค อันนี้ก็ช่วยใส่ให้ด้วยนะ! ขอบคุณ" สุภาพบุรุษหนานกงเจาพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อหันไปมองเย่ชวูเสวีย ก็เห็นว่าเธอไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิมแล้ว รีบมองหาเธอ ก็เห็นว่าเธอขึ้นไปที่ชั้นสามแล้ว
"คุณครับ รบกวนช่วยจัดการใส่ถุงให้หน่อยนะ เดี๋ยวผมลงลงมาเอา" หนานกงเจาทำได้เพียงรีบวางบัตรธนาคารไว้ แล้วรีบตามเย่ชวูเสวียไป
......
ในห้องนั่งเล่น เย่จิงเหยียนสวมผ้ากันเปื้อนและยุ่งอยู่ " อีเหยา ช่วยเอาจานมาหน่อย"
ตั้งแต่เย่จิงเหยียนได้รับคำชมจากต้วนอีเหยาครั้งก่อน เขาก็ลงมือเข้าครัวทำอาหารอย่างมีความสุข
ตอนนี้เขาทำอาหารให้ต้วนอีเหยากินทุกวัน
เย่จิงเหยีย ยุ่งอยู่พักหนึ่ง ก็เห็นว่าต้วนอีเหยาไม่เอาจานมาให้สักที เขาหยุดการเคลื่อนไหวในมือของเขาและหันไปมองของต้วนอีเหยา
เย่จิงเหยียนเห็นต้วนอีเหยานั่งอยู่บนโซฟาอย่างโง่เขลา ดวงตาของเย่จิงเหยียนเศร้าลง เขารู้ว่าต้วนอีเหยากำลังคิดถึงเด็กคนนั้น
เมื่ออาหารทำเสร็จพร้อมทาน ทั้งสองกินอย่างรวดเร็วเพราะวันนี้พวกเขาต้องไปที่ศาล
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว เย่จิงเหยียนก็เก็บข้าวของและเตรียมตัวออกไป “ จิงเหยียน ฉันจะไปด้วย” ต้วนอีเหยาตะโกนออกมาในขณะที่เย่จิงเหยียนกำลังจะออกไป
ดวงตาของต้วนอีเหยาเต็มไปด้วยความแน่วแน่
เย่จิงเหยียนไม่อยากให้ต้วนอีเหยาไปกับเขา แต่ถ้าต้วนอีเหยาอยากไปเขาก็ห้ามไม่ได้
หลังจากนั้น……
เย่จิงเหยียนพยักหน้า มองไปที่ต้วนอีเหยาและพูดว่า "โอเค"
ในรถ เย่จิงเหยียนมองไปที่ดวงตาที่ปิดสนิทของต้วนอีเหยา หัวใจของเขาเจ็บปวด เป็นเพราะเขา
เพราะเขา......เขาปกป้องเธอไม่ดีเองและปกป้องลูกน้อยของพวกเขาไม่ได้
เย่จิงเหยียนเดินไปที่โซฟาและนั่งลง "อีเหยา ไม่ต้องเสียใจแล้วนะ มันผ่านมานานแล้วปล่อยมันไปเถอะ โอเคไหม?" เขากอดต้วนอีเหยาในอ้อม "เรายังมีกันอีกได้ พวกเรา... ... "
เย่จิงเหยียนอยากพูดอะไรบางอย่างมากกว่านี้ แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าคนในอ้อมแขนของเขาตัวสั่นเล็กน้อย
เย่จิงเหยียนกอดต้วนอีเหยาแน่นขึ้น......
เขาทำให้เธอร้องไห้อีกแล้ว ให้ตายสิ!
ในศาล ต้วนจื่ออิ๋งสวมชุดคุมขัง
ดวงตามืดหมอง แต่เมื่อเห็นเย่จิงเหยียนดูเหมือนว่าแสงจะกลับมาสว่างขึ้นทันที โกรธไปทั้งตัว จ้องไปที่เย่จิงเหยียนและต้วนอีเหยาตะโกนออกมาไม่หยุด
ในที่สุดผู้พิพากษาก็ตัดสินว่าเธอเป็นบ้า ผลของการพิจารณาคดีนี้เป็นเพียงการปรับพฤติกรรม เธอถูกควบคุมตัวไปอีกสองเดือน
ผลพิจารณานี้ทำให้เย่จิงเหยียนสับสนมาก
เขาไม่คาดคิดว่ามันจะเบาขนาดนี้
การแสดงออกของต้วนอีเหยานิ่งเฉย ราวกับว่าเธอคาดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้
แต่เธอยิ่งนิ่ง มันยิ่งทำให้เย่จิงเหยียนรู้สึกเจ็บปวด
อย่างน้อยก็ช่วยแสดงออกอะไรสักอย่างก็ยังดี
ทันใดนั้น น้ำตาของต้วนอีเหยาก็ไหลออกมา
เธอล้มลงไปในอ้อมแขนของเย่จิงเหยียนและร้องไห้ "ทำไมคนชั่วมักได้สิ่งที่หวัง?"
"อีเหยา อีเหยา อย่าเป็นแบบนี้อย่าเป็นแบบนี้ ใช่เธอเป็นคนชั่ว แต่ชีวิตของเรา อย่าปล่อยให้คนชั่วมาทำลายได้ เราต้องเผชิญหน้ากับมันด้วยรอยยิ้มและมองโลกในแง่ดี อีเหน่อยเดี๋ยว เราก็มีใหม่ อีเหยาไม่ร้องนะ "
เย่จิงเหยียนรู้สึกกระวนกระวายในขณะนี้เขาไม่รู้ว่าจะปลอบต้วนอีเหยายังไง เขาทำได้เพียงแค่ตบหลังต้วนอีเหยาเบาๆและพูดว่า "อีเหยา อย่าร้อง อย่าร้องไห้"
แต่เขาเองก็รู้ดีว่าการปลอบแบบนี้มันไม่มีประโยชน์
"มีลูกอีกคนงั้นหรอ?" ต้วนอีเหยาพูดประโยคนี้ซ้ำทั้งน้ำตา
แต่ในหัวใจกำลังส่งเสียงร้องอย่างดุเดือดและปฏิเสธ
ไม่เอา.....ไม่เอา
อย่ามีอีกเด็ดขาด... ...
ไม่เอาอีกแล้ว......จะไม่เอาอีกแล้ว!
“ ไม่ต้องเสียใจแล้ว โอเคไหม? อีเหยา เดี๋ยวกลับถึงบ้าน ฉันจะทำของอร่อยๆให้กินอีก”
เย่จิงเหยียนตบหลังของต้วนอีเหยาและพูดเบาๆ
"มา เช็ดน้ำตากันเถอะ ไปกินข้าวกัน" เย่จิงเหยียนพูดเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ น้ำตาที่คลออยู่ตรงเบ้าตาเกือบไหลออกมา
"อืม” ต้วนอีเหยาพยักหน้า เธอรู้ว่าช่วงนี้เย่จิงเหยียนเหนื่อยมาก ปกติปลอบใจตัวเอง แต่ในช่วงสองวันที่ผ่านมาเพื่อที่จะทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้น ก็เลยทำอาหารโปรดของตัวเองในทุกวัน
บอกว่ามากินอาหารมื้อใหญ่ไม่ใช่หรอ? ไหนล่ะ? ทำไมไม่มี? เธอหิวมาก
เสี่ยวอวี้หลินตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยอันนา จากนั้นก็พูดกับเพื่อนของเขาอย่างจริงจังว่า "เห้ย ไหนเรียกกูมากินอาหารมื้อใหญ่ไม่ใช่หรอ? อาหารล่ะ?"
เพื่อนของเสี่ยวอวี้หลินก็ตกตะลึงเช่นกัน มันยังไม่เริ่ม อีกอย่าง... ... เด็กผู้หญิงที่เหมือนกระต่ายคนนี้ถูกเสี่ยวอวี้หลินลักพาตัวมาหรือซื้อมาหรือเปล่า?
ทำไมคำแรกก็เป็น "ไหนบอกอาหารมือใหญ่? ไหนล่ะอาหาร?"
ยืนอยู่ท่ามกลางผู้หญิงหลายคนตรงน้ำพุ
"อืม เดี๋ยวนี้เลย รอก่อไฟก่อน" ชายที่เพิ่งให้ไวน์แดงเสี่ยวอวี้หลินพูดแล้วมองไปที่เซี่ยอันนาอย่างสนใจ
"นี่ ได้ยินหรือยัง ไฟยังก่อไม่เสร็จ" เสี่ยวอวี้หลินพูดกับเซี่ยอันนา
ดวงตาของเสี่ยวอวี้หลินลอยลงและเห็นว่ามีอาหารบาร์บีคิวบนชั้นวางอยู่ไม่ไกลและพูดกับเซี่ยอันนา: "นั้น ตรงนั้น มีอาหารเต็มเลย เธอไปเลือกสิอยากกินอะไร"
"อืม โอเค" เซี่ยอันนาเห็นอาหารและรีบวิ่งไป ดวงตาของเธอเปล่งประกาย
"เดี๋ยวก่อน" เสี่ยวอวี้หลินเรียกเซี่ยอันนา "เธอย่างเป็นไหม?"
เซี่ยอันนาคิดในใจโถ่พี่สาวทำไมเธอจะทำไม่ได้? ต่อให้ไม่เป็นก็เรียนรู้ได้ เธอยืนขึ้นและพูดกับเสี่ยวอวี้หลินอย่างภาคภูมิใจว่า " เป็นสิ ดูถูกฉันหรอ"
"เป็นก็เป็น ไปเถอะ"เสี่ยวอวี้หลินจับหัวของเซี่ยอันนาและพูดด้วยรอยยิ้ม
เพื่อนของเสี่ยวอวี้หลินที่เห็นก็ตกตะลึง เสี่ยวอวี้หลินกลายเป็นคนอ่อนโยนตั้งแต่เมื่อไหร่?
กับชวีเวยก่อนหน้านี้ก็ไม่เป็นแบบนี้นิ?
ทุกคนคิดว่าเซี่ยอันนาเป็นเพียงนักเรียนสาวที่เสี่ยวอวี้หลินคบเล่น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า......ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น
"เห่ย เสี่ยวเซ่า ผู้หญิงคนนี้คือใคร?"
ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงกลางถาม "ก็แค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง" เสี่ยวอวี้หลินพูดและมองไปทางเซี่ยอันนาที่กำลังย่างบาร์บีคิว
ผู้หญิงเหล่านั้นบางคนรู้จักเสี่ยวอวี้หลิน เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนพิเศษสำหรับเสี่ยวอวี้หลินมาก่อน ทุกคนก็เต็มไปด้วยความอิจฉา
เสี่ยวอวี้หลินกำลังคุยกับเพื่อนของเขา แต่สายตาของเขาจ้องมองไปที่เซี่ยอันนา
เด็กสาวโง่ๆคนนั้นเอาแต่จ้องมองไปที่อาหาร แววตาที่มองอาหารเต็มไปด้วยประกาย เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกอิจฉาอาหารเหล่านั้น ทำให้เซี่ยอันนาจ้องจนไม่ขยับ
ทำไมตัวเองไม่เป็นแบบนั้นบ้าง?
เสี่ยวอวี้หลินไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้ในใจ......
"เสี่ยวเซ่า มาเล่นเถอะ ให้กลุ่มสาวๆย่างกันเองเถอะ" หนึ่งในนั้นหยิบไพ่ป๊อกออกมาและพูดขึ้น
"อืม" เสี่ยวอวี้หลินมองไปเซี่ยอันนาที่ยังคงย่างอยู่คนเดียวและตอบเพื่อน
"ฉันไม่เล่นนะ รู้สึกหิว จะไปย่างอะไรกินซะหน่อย" ชายที่พูดอยู่ในชุดลำลองและเป็นคนที่เพิ่งให้แก้วไวน์กับเสี่ยวอวี้หลิน
"ตงจื่อ? แกไม่เล่นหรอ?" เสี่ยวอวี้หลินถาม
"ฉันหิวนิดหน่อย ไปหาไรกินก่อน" ตงจื่อยิ้มและเดินไปที่เตาย่างบาร์บีคิว
เสี่ยวอวี้หลินหันไปมองและพูดว่า "โอเค นายน้อยแจกไพ่"
ตงจื่อหยิบอาหารแล้วบางส่วน กะว่าจะไปปปิ้งย่างบาร์บีคิวเพื่อกินคนเดียว แต่เมื่อเดินผ่านเซี่ยอันนา ก็เห็นว่าบาร์บีคิวที่เซี่ยอันน่ย่างนั้นเละเทะไปหมด
ตงจื่อเหล่ตามอง รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ย่างไม่เป็น
ตงจื่อวางของลงและถามเซี่ยอันนา "ให้ช่วยไหม?" จากนั้นเขาก็หยิบผักของเซี่ยอันนาที่ยังไม่ได้ย่างขึ้นมาแล้ววางไว้บนเตาย่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...